จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 83-3 ความรักแสนหวาน
“เหนี่ยนซี มีลูกสาวที่น่ารักเช่นเจ้าให้ข้าสักคนนะ! แล้วพวกเราช่วยกันรักดูแลเขาด้วยกัน!”
“เอาสิ! ลูกชายข้าก็ต้องการนะ! ข้าต้องการชายคนหญิงคน!”
“ได้ๆ! ข้าฟังเจ้าทุกอย่าง ลูกชายลูกสาวล้วนแต่ต้องการ!”
“เช่นนั้นเจ้าต้องสู้ๆ นะ! ท่านแม่บอกว่าทำลูกต้องพึ่งฝ่ายชาย เจ้าจะต้องให้ลูกสองคนแก่ข้านะ!”
“ได้ ข้าให้เจ้า ให้เจ้าทุกอย่าง”
ภายในห้อง ไฟแห่งปรารถนากำลังลุกโชนขึ้นแผดเผาคนทั้งสอง
ที่นอกห้อง
อวี้เฟยเยียนคลำจมูกตนเองเบาๆด้วยความอึดอัด ก่อนจะค่อยๆ ลอบมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนด้วยความเคอะเขิน
เดิมทีด้วยเป็นความเป็นห่วงท่านป้าสามที่เมาสุรา จึงได้เดินเข้ามาดู แล้วซย่าโหวฉิงก็เดินตามมาด้วย นึกไม่ถึงว่าเดินมาจนถึงหน้าประตูก็ได้ยินบทสนทนาอันเร่าร้อนขนาดนั้น
ท่านลุงสาม นึกไม่ถึงว่าท่านจะเป็นหมาป่านักล่าในคราบสุภาพชนกับเขาด้วยหรือนี่
ท่านป้าสามถูกท่านกลืนกินเข้าไปเสียแล้ว สมเป็นชายชาตรีจริงๆ
คิดว่าอีกไม่ช้าไม่นาน อวี้เฟยเยียนคงจะได้น้องชาย หรือว่าน้องสาวแน่ๆ…
“เอ่อ พวกเรากลับไปที่ห้องกันเถอะ!”
คราวนี้อวี้เฟยเยียนรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก หากว่ามีนางเพียงคนเดียวที่เดินมาก็ยังดี
แต่ดูเหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่ซย่าโหวฉิงเทียนดวลสุรากับสตรีจนนางเมามายถึงขนาดนี้ ทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงเดินมาพร้อมกับนาง ดังนั้นเขาจึงได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำโดยมิตกหล่น
ทำเอาอวี้เฟยเยียนเขินอายจนแก้มแดง ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนถึงแม้ว่าสีหน้าจะเป็นเช่นเดิม แต่ทว่าในใจของเขากลับลิงโลด
ที่แท้แล้วนี่เองที่เรียกว่าข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก!
ดูท่าแล้วได้ผลชะงัดนัก!
เมื่อไหร่กันนะที่เขาจะหุงข้าวได้บ้าง ที่แท้แล้วข้าวเขาก็หุงกันเช่นนี้นี่เองน่ะเหรอ! คิดถึงตรงนี้ซย่าโหวฉิงเทียนก็เผลอเหลือบมองอวี้เฟยเยียนที่ตัวโผล่พ้นอกมาของเขามาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
แมวน้อยที่อรชรอ้อนแอ้น กินก็น้อยนิดอย่างนี้ เมื่อไหร่นะนางถึงจะเติบโตขึ้น
หากเปรียบเทียบกับเซวียจื่ออี๋และมู่เหนี่ยนซีละก็ อวี้เฟยเยียนจัดอยู่ในจำพวกรูปร่างเพรียวบาง ยืนเคียงข้างซย่าโหวฉิงเทียนที่สูงถึงร้อยเก้าสิบเช่นนี้ ยิ่งเหมือนกับลูกของเขาเข้าไปใหญ่ จุดนี้ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เห็นทีจะต้องขุนแมวน้อยให้มีน้ำมีนวลขึ้นหน่อย ให้นางรีบเติบโตเสียที!
ถูกซย่าโหวฉิงเทียนจ้องมองตาไม่กะพริบเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมา จึงทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เอ่อ เสี่ยวฉิงฉิงสบายดีหรือไม่ กลางคืนเขายังร้องไห้อีกหรือเปล่า”
จู่ๆ ก็ถูกยิงคำถามเรื่องนี้เข้า ซย่าโหวฉิงเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง
“เสี่ยวฉิงฉิง คืออะไร”
“ก็เด็กบุรุษคนนั้นอย่างไรเล่า ที่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับท่านทุกประการนั่นอย่างไรเล่า!”
ได้อวี้เฟยเยียนร้องเตือน ซย่าโหวฉิงเทียนจึงได้เข้าใจ
จริงสิ แมวน้อยตั้งชื่อให้กับเขาว่าเสี่ยวฉิงฉิง ชื่อนี่ฟังแล้วขนลุกชะมัด เหมือนกับเด็กบุรุษที่ไหนกัน!
“เขาสบายดี”
น้ำเสียงของซย่าโหวฉิงเทียนเทียนแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย
เขาต้องสบายดีอยู่แล้ว เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้านี่อย่างไรเล่า!
“อื้ม”
ได้ยินซย่าโหวฉิงเทียนพูดเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนรู้สึกผิดหวังไม่น้อย เจ้าหมีน้อยนั่น สะบัดก้นไปเสียเฉยๆ ไม่บอกกล่าวกันสักคำ ทำให้นางหลงเป็นห่วงแทบแย่ น่าโมโหนัก!
“ท่านกับเด็กนั่นเป็นอะไรกัน”
จู่ๆ อวี้เฟยเยียนที่พยายามหาหัวข้อสนทนาก็ถามขึ้น เพื่อขจัดความอึดอัด
“ตอนแรกข้าคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นบุตรชายของท่าน…”
แค่กๆ!
ซย่าโหวฉิงเทียนยกมือขึ้นป้องปาก
“จะเป็นไปได้อย่างไร! เจ้าเด็กเปรตนั่นจะเป็นลูกชายของพี่ได้อย่างไรกัน!”
เจ้าเด็กเปรต
ได้ยินซย่าโหวฉิงเทียนใช้สรรพนามเรียกเด็กน้อยแล้ว อวี้เฟยเยียนถึงกับหมดคำพูด มีเพียงลูกสัตว์เท่านั้นจึงจะเรียกว่า ‘ไอ้นั่น ไอ้นี่’ ได้ เข้าใจหรือไม่
“เด็กนั่นเป็นใคร”
“เขาคือ…”
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เคยโกหกอวี้เฟยเยียนมาก่อน เขาจึงนิ่งไปครู่หนึ่ง ด้วยคิดหาข้ออ้างไม่ออก
“ญาติคนหนึ่ง!”
คิดจนหัวแทบแตก จนสุดท้ายซย่าโหวฉิงเทียนก็คิดคำตอบนี้ออกมาได้
“หืม”
อวี้เฟยเยียนเดินเข้าหยุดยืนที่เบื้องหน้าของซย่าโหวฉิงเทียน จ้องหน้าเขา
“ท่านโกหก!”
โดนแมวน้อยจับโกหกซึ่งหน้าเช่นนี้ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนอึดอัดเป็นอย่างมาก
แต่เขาจะทำอย่างไรดีนะ
หรือจะเขาสารภาพกับแมวน้อยไปเสียเลยว่าเขาเองนี่แหละคือเสี่ยวฉิงฉิง
คนที่หอมนาง กอดนาง เอาเปรียบนาง ก็คือเขาเอง
ทำเช่นนั้นจะต้องถูกตบกระเด็นเป็นแน่!
ถึงแม้ว่าอวี้เฟยเยียนจะสู้เขาไม่ได้ก็ตาม แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็พอจะนึกภาพออกหากว่านางรู้ความจริงนางต้องทั้งอายทั้งกังวล ถึงแม้ว่าอวี้เฟยเยียนฉบับแสนงอนจะน่ารัก เขาก็รักนางมากที่สุดอยู่แล้ว แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่อยากให้นางโกรธ
“เหอะๆ! ไม่บอกก็ช่างเถอะ!”
อวี้เฟยเยียนกอดอก ย่นหน้า
“นี่ข้าสู้อุตส่าห์เห็นแก่ความดีของท่าน ช่วยดูแลเขา! แต่ดูผลที่ได้รับสิ แม้แต่สิทธิ์ที่จะได้รับรู้ความเป็นมาเป็นไปยังไม่มีเลย! ไปดีกว่า ไม่สนใจท่านแล้ว!”
อวี้เฟยเยียนหมุนกายออกเดินไปไม่เกินสองก้าว ซย่าโหวฉิงเทียนก็ดึงนางเอาไว้
“แมวน้อย อย่าโกรธเลยนะ!”
“หากว่าพี่บอกความจริงกับเจ้า เจ้าจะไม่โวยวายได้หรือไม่”
พูดเช่นนี้ แลดูลึกลับยิ่งนัก
อวี้เฟยเยียนพยักหน้าเล็กน้อย ซย่าโหวฉิงเทียนขยับไปข้างๆนาง แล้วเล่าความเป็นมาเป็นไปตั้งแต่ต้นจนจบให้นางฟัง
ถึงแม้ว่าเขาจะเว้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลหนานกงแห่งเมืองอู๋โยวเอาไว้ แต่เรื่องที่ตนเองกลายเป็นเด็ก ซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่ปิดบังเลยสักนิด
“ท่าน…”
เมื่อกล่าวจบ อวี้เฟยเยียนก็ตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก นางถอยร่นไปด้านหลังสองก้าว กำชายเสื้อของตัวเองไว้แน่น สีหน้าที่ระแวดระวังจ้องมองชายสูงศักดิ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เดิมทีในหัวของนางคาดเดาคำตอบเอาไว้มากมาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าความจริงกลับเป็นเช่นนี้!
เกินกว่าที่นางคาดเอาไว้มากนัก!
นี่นางหลงคิดไปว่าซย่าโหวฉิงเทียนเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง จึงปฏิบัติต่อเขาโดยไร้ซึ่งการระแวดระวังใดๆ
นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยที่ไร้พิษสงกลับเป็นหมาป่าหิวโซที่อันตรายที่สุด!
“แมวน้อย พี่ไม่ได้ตั้งใจปิดบังเจ้าเลย จริงๆนะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนก้าวเขาหานางหนึ่งก้าว อวี้เฟยเยียนก็ก้าวถอยหลังลงไปหนึ่งก้าว สุดท้ายเขาจึงไม่ก้าวต่อไปแล้ว เขาเพียงแค่มองดูสาวน้อยเบื้องหน้านิ่งๆ
“ข้าถามท่าน”
อวี้เฟยเยียนระงับหัวใจที่สั่นระรัวอย่างบ้าคลั่งของตัวเองเอาไว้ จ้องมองที่ซย่าโหวฉิงเทียน
“ถึงแม้ในขณะที่ท่านกลายเป็นเด็ก ชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ข้างกายของท่านต่างก็เป็นยอดฝีมือมือหนึ่งทั้งสิ้น หากข้าคาดไม่ผิดละก็ พวกเขาล้วนแต่สำเร็จขั้นเหนือกว่าจอมเทวาทั้งสิ้น น่าที่จะคุ้มครองท่านได้ แล้วเหตุใด ท่านถึงต้องมาอยู่ข้างกายข้าด้วย”
นี่เป็นสิ่งที่อวี้เฟยค้างคาใจมาโดยตลอด หากนางไม่ได้คำตอบละก็ นางคงจะนอนไม่หลับ
“เพราะว่า คนที่พี่เชื่อใจได้สนิทใจและไว้วางใจมีแต่เจ้าเพียงคนเดียว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนตอบไปตามความจริง มิใช่ชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนไม่ภักดี แต่คนที่ทำให้เขาวางใจสามารถปล่อยวางความหวาดระแวงในจิตใจลงได้ มีเพียงอวี้เฟยเยียน
เมื่อเขาพบเจอกับอันตราย ในขณะที่เขาไร้ซึ่งที่พึ่งพา คนแรกที่เขานึกถึงนั่นก็คืออวี้เฟยเยียน ขอเพียงแค่ได้เห็นนาง ได้กลิ่นของนาง เขาก็สามารถสงบใจ ใจเย็นลงได้
เรื่องแบบนี้ คำพูดแค่ไม่กี่คำอธิบายไม่ได้
ซย่าโหวฉิงเทียนทำได้เพียงแค่กล่าวแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกไป
ก่อนหน้านี้อวี้เฟยเยียนโกรธเคืองเขาเป็นอย่างมาก แต่มาตอนนี้เมื่อมองที่ดวงตาของเขา ฟังในสิ่งที่ขาพูด ความโกรธของนางก็สลายลงไปมาก
ไม่น่าเล่า เมื่อครั้งที่พบซย่าโหวฉิงเทียนที่เมืองกุยอวี๋ เขาถึงได้ดูแปลกประหลาดนัก
ที่แท้แล้วในตอนนั้น ร่างกายของเขาเริ่มมีปัญหาแล้ว
ต่อให้ซย่าโหวฉิงเทียนปิดบังฐานะที่แท้จริงของตนเอาไว้ แต่ในขณะที่เขาเป็นเด็กนั้น สิ่งที่เขาแสดงออกนั้นล้วนแต่เป็นความจริง คนผู้นี้คงจะมีเพียงแต่ในขณะที่เขาตกอยู่ในสถานะเช่นนั้นเท่านั้นกระมัง ที่จะแสดงความอ่อนแอของตนเองออกมา
เขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มิได้แข็งแกร่งทุกด้านเฉกเช่นภายนอกที่แสดงออกมา…