จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 97-2

ตอนที่ 97-2

จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 97-2 แมวน้อย พี่ที่เป็นเช่นนี้เจ้ายังกล้ารักอยู่หรือไม่
“ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านฟังข้าให้ดี! ข้านับถึงสาม หากท่านไม่เดินมา ได้เห็นดีกันแน่ คอยดูก็แล้วกัน!”

ถึงแม้ว่าอวี้เฟยเยียนจะพยายามทำสีหน้าเคร่งขรึมดุดัน ทั้งแววตาตำหนิกล่าวโทษ

แต่น้ำเสียงที่นุ่มนวลของนางทำให้ไม่ว่าจะตะเบ็งอย่างไร ก็มิได้ดูมีอำนาจน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย

แต่การกระทำนี้ของนางใช้ได้ผลกับซย่าโหวฉิงเทียนยิ่งนัก ไม่ต้องรอให้อวี้เฟยเยียนนับ ซย่าโหวฉิงเทียนที่เปียกโชกไปทั้งร่างก็มายืนอยู่เบื้องหน้านางแล้ว

ซย่าโหวฉิงเทียนในสภาพถอดเสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อสวยงามสมบูรณ์แบบของเขา เดิมซย่าโหวฉิงเทียนมีผิวที่ขาวใสราวหยกขาวก็ไม่ปาน ทำให้กล้ามเนื้ออันสวยงามบัดนี้กลายเป็นสีแดงเถือก บางที่ถูกขัดจนถลอกปอกเปิก อวี้เฟยเยียนเห็นแล้วเจ็บปวดใจยิ่งนัก

“คนโง่ โง่จริงๆ!”

ในใจอวี้เฟยเยียนก่นด่าเขาถึงขนาดว่า ‘นี่เขากะจะลอกคราบผิวหรืออย่างไรกัน’

“แมวน้อย เจ้าอย่ารังเกียจที่พี่เหม็นเลย!”

ซย่าโหวฉิงเทียนเทียนกระอ้อมกระแอ้ม

“อีกเดี๋ยวข้าค่อยคิดบัญชีกับท่าน!”

อวี้เฟยเยียนถลึงตามองซย่าโหวฉิงเทียนเป็นเชิงคาดโทษเอาไว้ก่อน แล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาเพื่อสูดดมว่ามีกลิ่นอะไรติดตัวเขาหรือไม่

จริงดั่งที่คาด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกขจรจริงๆ

ตี้อู่หงเยี่ยคนนั้นทำร้ายคนไม่น้อยทีเดียว หรือนางตั้งใจให้ชาวตันฝ่ายขวามาจัดการซย่าโหวฉิงเทียน เพื่อแก้แค้นให้กับนางจริงๆ

ซย่าโหวฉิงเทียนมองดูท่าทางของอวี้เฟยเยียนก็รู้ได้ทันทีว่านางคงจะได้กลิ่นเป็นแน่

น่าแปลกจริงๆ!

ตัวเขาเองพยายามดมอยู่ตั้งนานกลับไม่ได้กลิ่นอะไรเลยทั้งสิ้น เหตุใดแมวน้อยถึงได้กลิ่นง่ายๆ เช่นนี้ นอกเสียจากว่านางมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหมอยานั่น ดังนั้นจมูกถึงได้ไวเพียงนี้

“เหม็นใช่หรือไม่”

ซย่าโหวฉิงเทียนทำราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิดก็ไม่ปาน มองมาที่อวี้เฟยเยียนด้วยสายตาระแวดระวัง

“พี่ไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นจะวุ่นวายเช่นนี้…”

เมื่อเห็นอวี้เฟยเยียนเงียบไป ซย่าโหวฉิงเทียนก็ร้อนใจขึ้นมาทันที

“แมวน้อย เจ้าอย่ารังเกียจพี่นะ พี่จะต้องหาวิธีกำจัดกลิ่นเน่าๆ นี่ไปให้ได้ บนตัวพี่มีจะมีแต่กลิ่นกายของเจ้าเท่านั้น จริงๆ นะ!”

“ล้อเล่นน่า!”

อวี้เฟยเยียนที่กำลังทายาให้กับซย่าโหวฉิงเทียนในจุดที่เป็นรอยแดงถลอกด้วยความระมัดระวัง ถูกเขาหยอกจนหัวเราะออกมา

“เช่นนั้นท่านว่ามาซิ ข้ามีกลิ่นอะไร”

อวี้เฟยเยียนเชิดหน้าขึ้น จ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนอย่างเป็นต่อ

“ท่านพูดสิ!”

“เอ่อ…”

ซย่าโหวฉิงเทียนนึกไม่ถึงว่าอวี้เฟยเยียนจะกล่าวถามเช่นนี้ออกมา จึงพูดไม่ออกชั่วคราว

กลิ่นของแมวน้อยคืออะไรนะ

ซย่าโหวฉิงเทียนครุ่นคิดอย่างหนัก กลิ่นหอมดอกไม้ หรือกลิ่นผลไม้

เขาแยกไม่ออกจริงๆ!

สรุปก็คือกลิ่นแมวน้อยนั่นมันสดชื่น หวานล้ำ หอมอบอวลทำให้คนสูดดมแล้วรู้สึกสบาย เป็นกลิ่นที่หอมที่สุดในโลก

แท้จริงแล้วอวี้เฟยเยียนเจตนาให้ซย่าโหวฉิงเทียนเลิกเอาแต่คิดถึงเรื่องกลิ่นของตี้อู่หงเยี่ยนั่น เมื่อเห็นเขาเริ่มครุ่นคิดสิ่งที่นางถามอย่างจริงจัง อวี้เฟยเยียนก็เริ่มคิดหาวิธีกำจัดกลิ่นดอกขจรนั่นทันที

ตี้อู่เฮ่ออีเป็นชาวเผ่าตานยังไร้ซึ่งหนทาง แล้วนางจะมีวิธีได้อย่างไร

อวี้เฟยเยียนนั่งเท้าคางอยู่บนโขดหินขนาดใหญ่ริมแม่น้ำ

ณ เวลานั้นความมืดค่อยๆ เข้าปกคลุม

สายน้ำแห่งแม่น้ำชางหรวนสุขขีเปรมปรีดิ์นัก ที่โพรงหญ้าริมแม่น้ำสองฝั่งนั้น จิ้งหรีด กบต่างกำลังร้องรำทำเพลง หิ่งห้อยป่าที่ให้แสงสว่างรำไรราวกับตะเกียงบินไปบินมา บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวพราวแสงระยิบระยับ

นางอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์สวยงามเช่นนี้ แต่อวี้เฟยเยียนกลับไม่มีใจไปชื่นชมดื่มด่ำกับราตรีแสนสวยนั้น

นางได้เปิดหูเปิดตากับนิสัยรักความสะอาดของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว หากนางไม่ช่วยเขาหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ละก็ เขาอาจถลกหนังตัวเองออกมาก็เป็นได้

เพื่อป้องกันไม่ให้ซย่าโหวฉิงเทียนกระโดดพุ่งตัวลงไปในแม่น้ำอีก อวี้เฟยเยียนจึงปักหลักในอ้อมอกของเขาเสียเลย จะได้ป้องกันไม่ให้เขาตกน้ำกลางทางด้วย

ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะรู้สึกจะขัดๆ อยู่ในตอนแรก

เพราะใช้กลิ่นคนอื่นมาโอบกอดแมวน้อย มันจะมิทำให้แมวน้อยสกปรกไปด้วยหรือ!

แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมสยบให้กับ ‘อำนาจมืด’ ของอวี้เฟยเยียนจนได้

เหตุผลก็ง่ายนิดเดียวนั่นก็คือ อวี้เฟยเยียนประกาศว่าหากเขาไม่เชื่อฟังละก็ นางจะเลิกกับเขาเสีย!

ถึงแม้ว่าฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายบอกเลิกราก่อนจะเป็นเรื่องพิลึกพิลั่นในสมัยนั้น ทว่าซย่าโหวฉิงเทียนรู้ดีว่า อวี้เฟยเยียนทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อย่างแน่นอน!

“ยังเจ็บอยู่หรือไม่”

อวี้เฟยเยียนลูบไล้แผลถลอกที่แขนซย่าโหวฉิงเทียนแผ่วเบา พร้อมกับถาม

“ไม่เจ็บเลย จริงๆ นะ!”

บาดแผลเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ซย่าโหวฉิงเทียนมิเคยนำมาใส่ใจ

“หากท่านยังไม่รักตัวเองอีกละก็ ข้าจะไม่สนใจท่านอีกแล้ว!”

แล้วอวี้เฟยเยียน ‘เฮอะ’ อย่างเง้างอนเบาๆ

อวี้เฟยเยียนที่กำลังโกรธเคืองเง้างอนเช่นนี้ น่ารักน่าเอ็นดูที่สุด ซย่าโหวฉิงเทียนก้มหน้าลงหมายจะจุมพิตที่ริมฝีปากของนาง ทว่าครั้นเมื่อเขาเข้าใกล้ริมฝีปากของนางนั้น เขาพลันนึกถึงกลิ่นเหม็นที่ติดตัวตนขึ้นมา จึงหยุดการกระทำนั้นเสียดื้อๆ

ตี้อู่หงเยี่ยสมควรตายนัก!

เผ่าตานฝ่ายขวาสมควรตาย!

ข้ากับพวกเจ้าไม่จบกันเพียงเท่านี้แน่!

เดิมอวี้เฟยเยียนเตรียมตัวพร้อมรับจุมพิตจากซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว นางหลับตาลงด้วยความเขินอาย

แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียที

อวี้เฟยเยียนจึงลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นก็คือใบหน้าที่กำลังสับสนของซย่าโหวฉิงเทียน นางจึงนึกรู้ในทันทีว่าเหตุใดเขาถึงได้ยอม ‘ปล่อยนาง’ ได้

ไอ้อาการรังเกียจความไม่สะอาดที่เป็นหนักเช่นนี้ นับเป็นโรคชนิดหนึ่งหรือไม่นะ

เพื่อแสดงว่าตนมิได้รังเกียจซย่าโหวฉิงเทียนแม้แต่น้อย อวี้เฟยเยียนเอื้อมมือไปโน้มคอเขาลงมาแล้วยื่นหน้าไปงับริมฝีปากเขาเอาไว้

ที่ผ่านมาอวี้เฟยเยียนถูกซย่าโหวฉิงเทียนตอดเล็กตอดน้อยมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่นางฝ่ายรุกก่อน

และเพื่อลงโทษที่เมื่อครู่ซย่าโหวฉิงเทียนรีรอๆ อวี้เฟยเยียนจึงคิดจะสั่งสอนเขาเสียบ้าง

ริมฝีปากบางของนางกัดริมฝีปากเขา แล้วใช้ลิ้นเล็กวาดไล้ไปตามกลีบปากเขาไปเรื่อยๆ อ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมรุกล้ำเข้าไปในจุดยุทธศาสตร์เสียที

ถึงแม้ซย่าโหวฉิงเทียนจะพยายามควบคุมตนเองให้นิ่งเข้าไว้ แข็งใจมิยอมให้นารีมามัวเมาได้ แต่สุดท้ายอวี้เฟยเยียนก็เอาชนะเขาได้อยู่ดี

ไฟปรารถนาในใจเขาลุก ‘ซู่’ ขึ้นเมื่อถูกอวี้เฟยเยียนปลุกเร้าเข้าให้

นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อนางเป็นฝ่ายเริ่ม มันจะสวยงามถึงเพียงนี้!

ในขณะที่ซย่าโหวฉิงเทียนกำลังดื่มด่ำอยู่นั่นเอง จู่ๆ อวี้เฟยเยียนก็หยุดชะงักไปเสียดื้อๆ นางถอยร่นไปด้านข้างยืนอมยิ้มล้อเลียนพร้อมกับมองดูเขาไปด้วย

มารน้อยของเขา!

นี่นางจงใจนี่นา!

ครั้นเมื่อซย่าโหวฉิงเทียนเป็นฝ่ายจู่โจมจุมพิตนางบ้าง นางกลับกลายร่างเป็นจิ้งจอกน้อย หลบซ้ายทีขวาทีไม่ยอมให้เขาทำตามใจปรารถนาได้

ตัวแสบ จะหนีไปไหน!

ซย่าโหวฉิงเทียนคิดมาโดยตลอดว่าตนคือนักล่าที่ยอดเยี่ยมที่สุด แล้วจะยอมปล่อยเจ้ามารน้อยที่เอาแต่ทรมานคนลอยนวลไปได้อย่างไรกันเล่า!

ว่าแล้วซย่าโหวฉิงเทียนก็ใช้มือใหญ่ของตนคว้าเอวบางอวี้เฟยเยียนเอาไว้แล้วรั้งนาง มากักขังเอาไว้ในอ้อมกอดตน ราวกับพญาเหยี่ยวคว้าเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น ก่อนก้มหน้าลงไปครอบครองกลีบปากสีแดงสดไว้ด้วยริมฝีปากตน

คงเพราะถูกปลุกเร้ามากเข้า ไฟปรารถนาที่ซย่าโหวฉิงเทียนอดกลั้นเอาไว้มากมาย ก็ถูกปลดปล่อยออกมาในคราวเดียว เขากัดนางตามอำเภอใจด้วยแรงที่ไม่เบา เจ็บจนนางต้องร้องออกมา

“เบาหน่อย…”

หากเป็นในปกติ ซย่าโหวฉิงเทียนคงจะว่านอนสอนง่าย

แต่เมื่อครู่ที่อวี้เฟยเยียนแกล้งทรมานเขา ไม่เห็นนางจะคิดถึงความรู้สึกของเขาบ้างเลย!

ดังนั้นครั้งนี้ซย่าโหวฉิงเทียนจึงตัดสินใจให้รางวัลตัวเองบ้าง ดื่มด่ำตักตวงความหอมหวานให้เต็มที่

แน่นอนว่า ผลการตักตวงอย่างเอาแต่ใจของซย่าโหวฉิงเทียนนั่นก็คือ ริมฝีปากแดงสดน้อยๆ ของอวี้เฟยเยียนบวมเจ่อราวกับไส้กรอกก็ไม่ปาน

เห็นผลงานตัวเองแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกภาคภูมิใจอย่างที่สุด

ผิดกับอวี้เฟยเยียนที่หน้าตาราวกับจะร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตาออกมา

หากรู้ตั้งแต่แรกว่าชายหนุ่มสูงอายุรับไม่ไหวกับการหยอกเย้าละก็ คราวหน้านางมิกล้าอีกต่อไปแล้ว

เมื่อครู่นางถูกจูบจนเกือบจะขาดใจ ทว่าในตอนนี้สัตว์ร้ายที่อยู่ตรงหน้านางก็กำลังเริ่มมายุ่มย่ามที่เอี๊ยมตัวน้อยของนางเสียแล้ว

แม่จ๋า เขาช่างน่ากลัวจริงๆ เลย

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท