จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 112-3 คนที่ทำให้เขาเจ็บ สับมันเป็นชิ้นๆ
เหล่านางกำนัลขันทีเห็นอำนาจอันยิ่งใหญ่ของใต้เท้าอวี้หลัวซ่าแล้ว ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆกัน
ซึ่งซย่าโหวฉิงเทียนเองก็มิได้โมโหอารมณ์เสียแต่อย่างใด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน
หลินเจียงอ๋องอายุสิบขวบ ก็มีชื่อเสียงเลื่องลือขจรไปไกลในเรื่องของความเ**้ยมโหด!
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ล่วงเกินฮ่องเต้ได้ แต่ล่วงเกินซย่าโหวฉิงเทียนไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าต่อหน้าอวี้หลัวซ่า ท่านอ๋องกลับเรียบร้อยราวกับหนูเห็นแมวก็ไม่ปาน นี่มันผิดปกติวิสัยไปแล้วนะ หรือว่าในนี้มีความลับอะไรที่มิอาจบอกใครให้รู้ได้อยู่
คงจะมิใช่แพ้ทางกันในแบบธรรมชาติหรอก ใช่ไหม
เหล่าขันทีนางกำนัลกำลังคิดจินตนาการไปไกลถึงความสัมพันธ์ระหว่างซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนไปเรื่อยๆ
ในตอนนั้นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนที่กำลังแช่อยู่ในน้ำสมุนไพร ก็เงยหน้าขึ้นใช้สายตาเย็นชากวาดมองนางกำนัลทุกคน เล่นเอาพวกเขาหวาดกลัวจนต้องรีบคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับแทบไม่ทัน
แม่เจ้า สายตานั่น น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
สายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ!
พวกเขาไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีก มิเช่นนั้นแล้วคนที่ต้องรองรับอารมณ์ความโกรธเกรี้ยวของท่านอ๋องก็คือพวกเขานี่เอง!
“ภาพลักษณ์ของพี่เสียหายด้วยน้ำมือของเจ้าแล้ว!”
รอจนกระทั่งทุกคนออกไปจากห้องจนหมด ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้ปลดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออกไปจากร่าง นอนคว่ำหน้าแช่น้ำศีรษะเกยริมถัง จ้องมองอวี้เฟยเยียนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขารึสู้อุตส่าห์สร้างภาพลักษณ์อันโหดเ**้ยมที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครจนสำเร็จ มาตอนนี้ทุกคนคงรู้กันหมดแล้วว่าเขาเกรงใจอวี้เฟยเยียน
หลิงเจียงอ๋องผู้เด็ดขาดเ**้ยมโหดกลับเป็นคนกลัวเมีย…
เชื่อว่าข่าวนี้จะต้องแพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งต้าโจวภายในเวลาอันรวดเร็วเป็นแน่
“เจ้าต้องชดใช้ให้พี่!”
“ท่านเอามือลงไปแช่ด้วยเดี๋ยวนี้นะ!”
ในสถานะการณ์เช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนยังมีอารมณ์เง้างอนอยู่อีก อวี้เฟยเยียนถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความจนปัญญา นางก้าวไปด้านหน้าจับมือของเขาแช่ลงไปในน้ำยาสมุนไพร
“แช่ครึ่งชั่วยาม! ห้ามขยับเขยื้อนนะ ได้ยินหรือยัง”
“หอมแก้มเป็นการชดเชยให้พี่ครั้งหนึ่ง ไม่เช่นนั้นพี่ไม่ทำ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนยืนหยัดในข้อแลกเปลี่ยน
เขางอนแล้วนะ แมวน้อยกลับไม่สนใจ
จะได้อย่างไรกัน!
เรื่องทุกอย่างหากว่ามีครั้งแรก ย่อมต้องมีครั้งที่สอง! เขาจะไม่ยอมให้แมวน้อยเคยชินจะกลายเป็นนิสัย!
ในเมื่อเขายอมลงทุนเง้างอนแล้ว นางก็ต้องรับผิดชอบ!
อีกอย่าง หลังจากกลับถึงเมืองหลวง ห่างจากกันไม่ทันไร เขาก็คิดถึงนางจนแทบทนไม่ไหว!
เมื่อครู่ตอนที่เห็นอวี้เฟยเยียนสั่งสอนขุนนางพวกนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็แทบอยากจะเข้าไปหอมแก้มนางสักครั้ง
ต้องเผชิญหน้ากับนิสัยเด็กๆของซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนแทบอยากจะฟาดเขาให้กระเด็น
ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าทรมานใจของเขา อีกทั้งยาในถังน้ำก็เหม็นฉุนเสียขนาดนั้น อวี้เฟยเยียนจึงเดินเข้าไปหาแล้วใช้จมูกสัมผัสที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว
“ไม่นับ!”
สัมผัสเพียงผิวเผินเช่นนี้ จะเรียกว่าจูบได้อย่างไรกัน!
“ในเมื่อเจ้าทำไม่เป็น เช่นนั้นพี่จะสอนเจ้าเอง!”
ซย่าโหวฉิงเทียนยื่นมือออกไปคว้าคอของอวี้เฟยเยียนเอาไว้ แล้วประกบริมฝีปากจุมพิตนางอย่างลึกซึ้ง
หลังจากที่ได้สัมผัสใกล้ชิดกันเมื่อคราวที่แล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งติดอวี้เฟยเยียนแจ จนแทบอยากจะเก็บนางเอาไว้ข้างตัวตลอดเวลาด้วยซ้ำไป
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาจุมพิตกันอย่างลึกซึ้ง แต่ในทุกครั้ง นางก็สามารถทำให้เขาใจสั่นหวั่นไหว มีความสุขจนลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างไปชั่วขณะได้ทุกครั้ง
“เรื่องการรักษาโรคต้องฝากให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว! เรื่องอื่นให้เป็นหน้าที่ของพี่ เจ้าวางใจได้เลย!”
หลังจากจุมพิตที่แสนยาวนานผ่านไป ซย่าโหวฉิงเทียนก็ก้มหน้าลงมาจุมพิตที่หน้าผากกลมมนของอวี้เฟยเยียนแผ่วเบา
“ดูแลตัวเองให้ดี! มีข่าวอะไรให้รีบแจ้งพี่ทันที!”
“รู้แล้วน่า! พูดมากจัง…”
คำบ่นกระปอดกระแปดแสนหวานของอวี้เฟยเยียนยังมิทันขาดคำ จุมพิตที่แสนลึกซึ้งก็โจมตีเข้าให้ จนกระทั่งแข้งขาทั้งสองข้างของอวี้เฟยเยียนอ่อนยวบ เขาจึงยอมปล่อยริมฝีปากคู่นั้นของนางเป็นให้เป็นอิสระอย่างอ้อยอิ่ง
น่าโมโหยิ่งนัก ลมหายใจเฮือกหนึ่งของหมอนี่ทำไมถึงได้นานเพียงนี้นะ ทำเอานางเกือบจะกลายเป็นปลาน้อยขาดอากาศหายใจอากาศตายอยู่แล้ว!
ก่อนจะออกไป อวี้เฟยเยียนยังถลึงตาจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนด้วยความไม่สบอารมณ์
มองดูริมฝีปากที่แดงก่ำบวมเจ่อของนางแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็ถึงกับหัวเราะออกมายกใหญ่
“เด็กดี! ไว้พี่จะไปเยี่ยมเจ้านะ!”
“ใครขอร้อง!”
อวี้เฟยเยียนสบถออกมาด้วยความขัดใจ หมุนกายเดินออกไปจากวังหลวงมุ่งหน้าหอคืนชีพทันที
รอจนกระทั่งอวี้เฟยเยียนหายไปจากสายตา สีหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้เข้มขึ้น
ตี้อู่เฉิน เฉินฉู่
เก็บมันสองคนเอาไว้ก็จะเป็นภัย ต้องกำจัดให้สิ้นซาก!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตี้อู่เฉิน ถึงกับใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้เล่นงานประชาชนชาวต้าโจว เขายังเป็นคนอยู่อีกหรือ เผ่าตันขวา ไม่มีดีเลยสักคนเดียว!
รอให้เขาไปที่เมืองอู๋โยวเสียก่อน ค่อยไปคิดบัญชีกับพวกมัน!
ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องการเด็ดหัวคนสองคนนั้นยิ่งนัก แต่เขาก็ยังเชื่อฟังคำสั่งของอวี้เฟยเยียน แช่อยู่ในถังยาอย่างว่าง่าย
อวี้เฟยเยียนหวังดีกับเขา เขารู้ดี
โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยของนางแล้ว หัวใจน้ำแข็งของซย่าโหวฉิงเทียนก็หลอมละลาย
หญิงอันเป็นที่รักห่วงใยรักใคร่ เป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆเลย!
ว่างจนรู้สึกเบื่อ ซย่าโหวฉิงเทียนใช้ดวงจิตติดตามตี้อู่เฉินต่อไป ซึ่งนึกไม่ถึงว่าพวกเขาไปที่บ้านหลังหนึ่งของชาวบ้าน
จนกระทั่งตามเข้าเข้าไปในบ้านหลังนั้นเข้าไปในห้องแล้วเห็นผู้ที่นอนอยู่บนเตียงเข้า ก็ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนต้องตกตะลึง
นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะจับตี้อู่เฮ่ออีเอาไว้!
“นายน้อย วันนี้ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”
ตี้อู่เฉินนั่งลงที่ข้างเตียง เขายื่นมือออกไปจับชีพจรให้กับตี้อู่เฮ่ออี
“ไม่เลวนี่นา! สมแล้วที่เป็นนายน้อยแห่งตันซ้าย ฟื้นฟูพละกำลังได้อย่างรวดเร็ว!”
กล่าวจบ ตี้อู่เฉินก็หยิบจอกชาขึ้นมาแล้วใช้มีดกรีดที่ข้อมือของตี้อู่เฉ่ออี้ให้เลือดหยดลงในจอกชา
รอจนกระทั่งเลือดของตี้อู่เฮ่ออีหยดลงจนเต็มจอก เขาจึงส่งชาจอกนั้นให้กับเฉินฉู่
“รีบดื่ม! เลือดของประมุขน้อยแห่งเผ่าตันขวาเป็นของล้ำค่า!”
เดิมที เฉินเจินรู้สึกว่ารู้สึกว่าการดื่มเลือดมนุษย์นั้นน่าขยะแขยง ในทุกวันเมื่อเขาเห็นตี้อู่เฉินดื่มเลือดของตี้อู่เฮ่ออี เขาก็มักเลือกที่จะหลบหลีกเสมอ
ทว่าเมื่อได้ยินตี้อู่เฉินกล่าวเช่นนี้ เฉินฉู่ก็รีบดื่มเลือดจอกนั้นลงไปจนหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
ดื่มเสร็จ เขาก็เลียริมฝีปากจนเกลี้ยง
เลือดจอกนั้นเมื่อเข้าสู่ร่างกายของเฉินฉู่ เขาก็รู้สึกว่าความเข้มข้นของมันแทรกซึมไปทั่วร่าง ตำแหน่งที่เดิมทีไร้ซึ่งความรู้สึกกลับมีความรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้แขนขวาของเขาที่ด้านชาอ่อนแรง กลับมีความรู้สึก
มิน่าเล่าใครๆต่างก็กล่าวว่าชาวเผ่าตันนั้นลึกลับแสนวิเศษ!
ที่แท้แล้วเลือดของพวกเขาคือยาวิเศษที่ใช้รักษาโรคได้นั่นเอง!