จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 138-3 ทหารไล่ล่ามาอีกครั้ง ศึกนองเลือดริมแม่น้ำ

ตอนที่ 138-3 ทหารไล่ล่ามาอีกครั้ง ศึกนองเลือดริมแม่น้ำ

จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 138-3 ทหารไล่ล่ามาอีกครั้ง ศึกนองเลือดริมแม่น้ำ
ในเวลาเพียงไม่นาน นับรบทั้งสิบเก้าคนก็หลงเหลือเพียงเจ็ดคน และเมื่อมองไปก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความรวดเร็วของพวกเขากำลังเสื่อมถอยลง

อวี้เฟยเยียนรู้ดีว่า คนที่สุ่ยเยว่เอ๋อร์เป็นห่วงที่สุดก็คือมารดาของนาง ดังนั้นศัตรูที่เหลืออีกเจ็ดคน นางจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของซย่าโหวฉิงเทียน ส่วนตนเองเข้าไปจัดการสุ่ยเจ๋อหนาน

ชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั้นนับเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวในสายตาของสุ่ยเจ๋อหนาน แต่สาวน้อยในชุดสีมพูนั้นไม่น่าหวาดกลัวแต่อย่างใด

หากว่าในมือของอวี้เฟยเยียนมียาพิษ เขาก็จะรีบหลบหลีกไปให้ไกล จะได้ไม่ถูกนางวางยาพิษเอาได้

แต่เมื่อครู่เขาเห็นกับตาว่าอวี้เฟยเยียนโยนผงยาพิษให้กับตี้อู่เฮ่ออี้ไปเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นตอนนี้ ในสายตาของสุ่ยเจ๋อหนาน อวี้เฟยเยียนเป็นเพียงจอมปราชญ์อาวุโสตัวเล็กๆที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเท่านั้น

คนของตนถูกสังหารจนตายไปจำนวนมาก ทำให้สุ่ยเจ๋อหนานทั้งโกรธทั้งแค้น ตอนนี้อวี้เฟยเยียนมาให้เขาเชือดถึงที่ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องฆ่าคนเพื่อระบายแค้นอยู่แล้ว!

ไม่สิ เขาจะจับอวี้เฟยเยียนมาเป็นเชลย เช่นนั้นแล้วจะทำให้หมากตัวสำคัญในมือของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกคน

สุ่ยเจ๋อหนานรอจนกระทั่งอวี้เฟยเยียนเข้ามาใกล้และเมื่อเขาเห็นใบหน้าของนางก็ถึงกับแสยะยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยออกมา

‘คนงามเสียด้วย!’

‘อีกทั้งนิสัยยังแข็งกร้าวดุร้ายไม่เบา! อย่างนี้ฆ่าไม่ได้ ต้องเก็บเอาไว้ชื่นชมให้หนำใจ!’

ดูเอวเล็กๆนั่นสิ ทั้งเรียวบางอ้อนแอ้นทั้งอ่อนช้อย จะจับบิดไปทางไหนก็ย่อมได้ เชื่อแน่ว่านางจะต้องเป็นของเล่นชั้นดียามเมื่ออยู่บนเตียงอย่างแน่นอน!

แววตาหื่นกระหายของสุ่ยเจ๋อหนาน อวี้เฟยเยียนไหนเลยจะมองไม่ออก

‘ตาเฒ่านี่ รนหาที่ตายชัดๆ!’

พู่กันพิพากษาในมือของอวี้เฟยเยียนพุ่งตรงเข้าไปที่ดวงตาของสุ่ยเจ๋อหนาน

‘คนสวยดุเสียด้วย!’

สุ่ยเจ๋อหนานหลบหลีกได้ทัน เขาฉีกยิ้มน่ารังเกียจออกมา

“คนสวยตัวน้อย ดุดันถึงเพียงนี้เชียว น่าสนใจยิ่งนัก! รอให้ข้าจัดการธุระที่นี่ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน พวกเราค่อยกลับไปสนุกด้วยกันสักตั้ง!”

“เหอะ! ก็ต้องรอดูว่าเจ้าจะมีชีวิตกลับไปได้ไหม!” อวี้เฟยเยียนลงมือไม่มีปราณี พู่กันพิพากษาในมือของนางราวกับมีตาก็ไม่ปาน จ้วงแทงไปยังจุดตายของสุ่ยเจ๋อหนานแทบทุกครั้ง

“ยังไม่ทันได้ลิ้มรองคนสวยตัวน้อยเลย ข้าจะยอมตายได้อย่างไรกัน!”

สุ่ยเจ๋อหนานกล่าวจบ พู่กันพิพากษาก็เฉียดไหล่ของเขาไปเพียงนิด ทิ้งบาดแผลที่โชกเลือดซึ่งลึกถึงกระดูกเอาไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน

กระทั่งรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากร่างกายของตน สุ่ยเจ๋อหนานจึงเพิ่งจะรู้ว่า สาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้นนับว่าเป็นผู้มีฝีมือคนหนึ่ง

“ข้าดูถูกเจ้าเกินไปจริงๆ!” สุ่ยเจ๋อหนานกระชากปลายเสื้อออกมาเพื่อห้ามเลือดบริเวณบาดแผล

เวลานั้นแววตาของเขาวาวโรจน์ด้วยแรงสังหาร นับตั้งแต่เขาสำเร็จขั้นราชาอาวุโส ก็ไม่มีใครกล้ามาท้าทายเขาอีกเลยทำให้เขาไม่ได้บาดเจ็บมาเป็นเวลานาน มาวันนี้กลับถูกปราชญ์อาวุโสตัวเล็กๆเล่นงานจนบาดเจ็บได้ มันถือเป็นการลบหลู่เขาอย่างใหญ่หลวงทีเดียว!

“คนสวยตัวน้อย! ในเมื่อไม้อ่อนไม่ชอบชอบไม้แข็ง ข้าก็ไม่ถือสาที่จะขืนใจศพ!”

สุ่ยเจ๋อหนานชักกระบี่ออกมา ลำแสงสีเขียวล้อมรอบไปทั่วร่าง

“เยียนเอ๋อร์ระวัง กระบี่สุริยันจันทราของเขาร้ายกาจยิ่งนัก!” อวี้ซิงฉงเมื่อเห็นภาพนั้น เขาก็ร้อนใจขึ้นมาทันที

แต่ทว่า ยังไม่ทันที่อวี้ซิงฉงจะเข้าไปช่วยเหลืออวี้เฟยเยียน ทันใดนั้น ทันใดนั้นผู้ที่เมื่อครู่ยังวรยุทธ์สูงส่งอยู่เลยอย่างสุ่ยเจ๋อหนานกลับเริ่มโซซัดโซเซ มือขวาจับกระบี่ปักลงบนพื้น เข่าข้างหนึ่งทรุดลงเพื่อคำยันร่างกาย

ขณะเดียวกันเลือดที่ออกมาจากบาดแผลที่บ่าของเขาก็ค่อยๆกลายเป็นสีดำ ทำให้สุ่ยเจ๋อหนานตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

“นังคนชั้นต่ำ เจ้าวางยาพิษข้า!” เดิมทีสุ่ยเจ๋อหนานคิดว่าอวี้เฟยเยียนได้โยนถุงยาพิษให้กับตี้อู่เฮ่ออี้ไปหมดแล้ว ในตัวนางของนางคงจะไม่หลงเหลือพิษอยู่อีก จึงสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย ไหนเลยจะคาดคิดว่านางกลับทายาพิษเอาไว้บนพู่กันซึ่งเป็นอาวุธของนาง

เขาช่างสะเพร่าจริงๆ!

“ไอ้น่าโง่ ข้าเป็นหมอ เจ้าคิดว่าข้าจะใช้วรยุทธ์ต่อสู้กับเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

“ต่ำช้า!”

รู้สึกว่าแขนขวาของตนค่อยๆอ่อนเปลี้ยและด้านชา สุ่ยเจ๋อหนานก็พุ่งเข้าไปหามารดาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ แล้ววางกระบี่ชิดลำคอของนางทันที

“เอายาถอนพิษมาให้ข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านางเสีย!” สุ่ยเจ๋อหนานกล่าวด้วยน้ำเสียงเ**้ยมเกรียม

ด้วยเกรงว่าอวี้เฟยเยียนจะไม่ยอมมอบยาถอนพิษให้ สุ่ยเจ๋อหนานจึงกดกระบี่กรีดไปบนลำคอของซือไท่มารดาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์เล็กน้อย

“ท่านแม่”

เสียงร้อนรนของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ดังขึ้น นางจะก้าวเท้าออกไปแต่ทว่าถูกอวี้ซิงฉงรั้งเอาไว้

“เยว่เอ๋อร์ พวกเราต้องเชื่อในเยียนเอ๋อร์!”

เมื่อได้ยินเสียงเตือนของอวี้ซิงฉง สุ่ยเยว่เอ๋อร์จึงค่อยได้สติ นางไม่ควรจะเพิ่มความยุ่งยากให้กับอวี้เฟยเยียน

ในขณะที่สุ่เยจ๋อหนานกำลังครุ่นคิดว่าตนเองกำลังเข้าตาจนนั่นเอง อวี้เฟยเยียนก็โยนยาเม็ดสีแดงมายังเบื้องหน้าของเขา

“เอาไป!” การที่อวี้เฟยเยียนยอมมอบยาถอนพิษออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้ ตรงกันข้ามกลับทำให้สุ่ยเจ๋อหนานไม่เชื่อถือ เขาเคยตกหลุมพรางของอวี้เฟยเยียนมาครั้งหนึ่งแล้ว ดั่งที่โบราณว่าเอาไว้ ผิดเป็นครู รู้จักเข็ดหลาบ

“เจ้าโกหก! เจ้ากินยานั่นเข้าไปเสียก่อน ข้าจึงจะเชื่อเจ้า!”

“ได้ ข้าจะกิน!” อวี้เฟยเยียนค่อยๆเดินเข้าไปหาสุ่ยเจ๋อหนานอย่างช้าๆ ในขณะที่สุ่ยเจ๋อหนานกดกระบี่เข้าไปชิดลำคอของซือไท่มากยิ่งขึ้น พร้อมๆกับมองมาที่อวี้เฟยเยียนอย่างระแวดระวัง

วินาทีที่อวี้เฟยเยียนหยิบยาเม็ดนั้นท่าทางจะกลืนมันเข้าไปนั่นเอง นางก็ใช้ศีรษะของตัวเองต่างอาวุธกระแทกเข้าที่ดวงตาของสุ่ยเจ๋อหนานอย่างแรง

“อ๊าก! นังคนชั้นต่ำ!”

สุ่ยเจ๋อหนานกุมที่ดวงตาของตนแล้วร้องออกมาเสียงดัง เตรียมจะลงมือทำร้ายมารดาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์

ฉับพลัน อวี้เฟยเยียนก็ปล่อยเข็มเงินออกไป เข็มเงินพุ่งเข้าแทงที่ดวงตาทั้งสองข้างของสุ่ยเจ๋อหนานทันที ขณะเดียวกันอวี้เฟยเยียนก็พุ่งตัวเข้ากอดมารดาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์เอาไว้ คนทั้งสองกลิ้งลุนๆไปตามทางลาดรอดพ้นจากเงื้อมือของสุ่ยเจ๋อหนานมาได้

“นังชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ!”

ดวงตาทั้งสองข้างของสุ่ยเจ๋อหนานมีเลือดไหลออกมา เขาพยายามคลำทางเพื่อลุกขึ้น มือจับกระบี่เอาไว้ไล่ฟันไปทั่วทุกทิศทางอย่างไรจุดหมาย

วินาทีที่เขาใช้กระบี่ฟันมั่วไปทั่วนั้นเอง กระบี่ของเขาก็ถูกใครบางคนหนีบเอาไว้แน่น พลันสุ่ยเจ๋อหนานก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่รุนแรง

“ขืนใจศพ? “

น้ำเสียงของซย่าโหวฉิงเทียนเย็นชาราวกับน้ำเย็นในเดือนสิบสอง หากมิใช่ต้องจัดการเศษสวะที่เหลือเหล่านั้นให้เรียบร้อย เขาคงเด็ดหัวสุ่ยเจ๋อหนานไปตั้งนานแล้ว

‘นี่มันบังอาจมาคิดไม่ซื่อกับแมวน้อย?’

‘รนหาที่ตาย’

“ในเมื่อเจ้าชอบนัก เช่นนั้นข้าก็จะส่งเสริมเจ้า!” ซย่าโหวฉิงเทียนหักแขนหักขาของสุ่ยเจ๋อหนาน แล้วโยนเขาทิ้งเอาไว้บนพื้น ขณะเดียวกันก็จัดแจงยัดยาเม็ดสีแดงสดเม็ดหนึ่งใส่ปากสุ่ยเจ๋อหนานไปด้วย

“เจ้าจะทำอะไร? เจ้าจะทำอะไร!” สุ่ยเจ๋อหนานหวาดกลัวจนแทบทนไม่ไหว

ยาเม็ดเมื่อครู่คือยาถอนพิษ มันกำลังบรรเทาความเจ็บปวดที่แขนขวาของเขา

แต่สุ่ยเจ๋อหนานไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าเพราะอะไร ชายผู้นี้จึงต้องกระทำเช่นนี้

‘ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ฆ่าเขาให้ตายไปเสียเลย? ชายผู้นั้นถึงขนาดทำลายวรยุทธ์ หักแขนหักขาของเขาแล้ว แต่กลับยังให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป’

สุ่ยเจ๋อหนานรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด เขากลัวตาย แต่ที่หวาดกลัวยิ่งกว่าตายนั่นก็คือ การถูกทรมานยิ่งกว่าตาย

อีกด้าน สุ่ยเยว่เอ๋อร์ได้ประคองมารดาขึ้นมา

“ท่านแม่ ท่านแม่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ! ท่านแม่ ลำบากท่านแล้ว!”

“ข้าไม่ลำบาก คนที่ลำบากคือเจ้าต่างหาก!”

ซือไท่ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ด้วยอาการตื่นเต้น นางไม่ได้พบบุตรสาวมาเป็นเวลานาน มองดูใบหน้าที่ซูบผอมของสุ่ยเยว่เอ๋อร์แล้ว ก็ทำให้นางรู้สึกสงสารบุตรสาวยิ่งนัก

ทว่าประโยคที่นางกล่าวขึ้นหลังจากนี้ ทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึงไปตามๆกัน

“ลูกเอ๋ย พ่อของเจ้ามิใช่สุ่ยเจ๋อซี เขาคือศัตรูที่ฆ่าท่านพ่อของเจ้าต่างหาก! เดิมทีเขาคือสหายของท่านพ่อของเจ้า เพราะเขาหลงใหลในความงามของแม่ จึงฉวยโอกาสสังหารพ่อของเจ้า แล้วแย่งชิงแม่มาเป็นอนุภรรยาของเขา”

“เดิมทีแม่คิดที่จะตายตามสามีไป แต่ในตอนนั้นแม่มีเจ้าอยู่ในท้องเสียแล้ว ดังนั้นแม่จึงต้องกล้ำกลืนฝืนทน! แม้กระทั่งในตอนที่ให้กำเนิดเจ้านั้น แม่ยังต้องซื้อตัวหมอตำแย เพื่อให้นางพูดออกไปว่าแม่คลอดก่อนกำหนด จึงสามารถช่วยให้เจ้ารอดชีวิตมาได้…”

“ลูกเอ๋ย เจ้าไม่ได้แซ่สุ่ย เจ้าแซ่หมี หมีเยว่คือชื่อที่แม่และพ่อบังเกิดเกล้าของเจ้าตั้งให้กับเจ้า!”

ข้อมูลที่ได้รับจากคำพูดของมารดามากมายเหลือเกิน ซึ่งสุ่ยเยว่เอ๋อร์ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้

คนที่นางเรียกเขาว่าพ่อมาตั้งหลายปี ที่แท้แล้วคือศัตรูที่ฆ่าบิดาของนาง เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเข้าทำให้สุ่ยเยว่เอ๋อร์สะเทือนใจไม่น้อย

จำนนรักชายาตัวร้าย

จำนนรักชายาตัวร้าย

Status: Ongoing

เพราะการทดลองถอดดวงจิตของดอกเตอร์คิว ทำให้วิญญาณ อวี้เฟยเยียน นักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ข้ามเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูโลลิต้า (?) แห่งจวนจงอี้โหว ซึ่งไม่เพียงร่างกายอ่อนแอจนฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ แม้แต่สติปัญญายังถูกคนวางยาพิษทำลายจนอาจจะตายได้ภายในสามเดือน นับเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง แต่แล้วเมื่อเธอบังเอิญได้พบกับท่านอ๋องผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีใดอย่างซย่าโหวฉิงเทียน และช่วยชีวิตเขาไว้จากการลอบสังหาร ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เขาสนใจอยากได้นางมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยง’ ของตน! แต่แล้วเมื่อรู้ว่านางคือว่าที่พระชายาองค์ชายสี่ เท่ากับมีศักดิ์เป็นหลานสะใภ้ของตน เช่นนั้นแล้วเขาจะทำเช่นไรกับ ‘แมวป่าน้อย’ ที่เขาสู้อุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมมาตัวนี้ดีเล่า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท