“หลิวเซิ้ง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เห็นใบหน้าของหลิวเซิ้งเริ่มม่วงคล้ำ อวี้เฟยเยียนจึงยื่นมือไปจับชีพจรตรวจอาการให้กับเขา ส่วนตี้อู่เฮ่ออี้เองก็จับชีพจรจากมืออีกข้างอย่างเป็นกันเอง
“ฮูหยิน ข้ามองไม่เห็นแล้ว เบื้องหน้าของข้ามืดสนิท ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย!”
ท่าทางของหลิวเซิ้งนิ่งสงบไม่มีอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินเสียงของอวี้เฟยเยียน เขาก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก
“พิษร้ายแรงยิ่งนัก!” หลังจากที่ตรวจอาการของหลิวเซิ้งแล้ว อวี้เฟยเยียนก็มีสีหน้าหนักใจเล็กน้อย
“น้องพี่ พี่ในร่างของเขาก็คือพิษจากชาวตันขวา!” ตี้อู่เฮ่ออี้ที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสียงเครียด
ชาวตันขวา คือชาวตันผู้ทรยศ พวกเขาปรากฏตัวแล้ว!
สำหรับพี่ชายญาติทางมารดาของอวี้เฟยเยียนคนนี้ เสิ่นถูเลี่ยเพิ่งเคยพบหน้าเป็นครั้งแรก แต่ทว่าในตอนแรกก่อนที่ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนจะเดินทางไปที่สกุลสุ่ยนั้น เขาก็เคยได้ยินชื่อคนๆนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว
ตอนนี้อีกฝ่ายเพียงแค่ตรวจชีพจรของหลิวเซิ้ง ก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าพิษชนิดนี้เกี่ยวข้องกับชาวตันขวา นั่นทำให้เสิ่นถูเลี่ยต้องเปลี่ยนมุมมองต่อตี้อู่เฮ่ออี้คนนี้ใหม่เสียแล้ว
“หลิวเอ้าวหลานบอกว่า นี่คือพิษของตันขวาที่ชื่อว่า กวนอิมยิ้ม!”
“ต้องรีบถอนพิษให้เร็วที่สุด!” อวี้เฟยเยียนและตี้อู่เฮ่ออี้เอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน
เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นถูเลี่ยก็ไม่รอช้า รีบแบกหลิวเซิ้งขึ้นหลังตรงดิ่งไปที่โรงเตี๊ยมเซียนเค่อทันที ตอนนี้เขายังไม่มีที่พำนักเป็นหลักแหล่งอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงเหมาโรงเตี๊ยมแห่งนี้เอาชั่วคราว
อวี้เฟยเยียนและตี้อู่เฮ่ออี้ตามไปช่วยถอนพิษให้หลิวเซิ้ง ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนกลับก้มมองหลิวอ้าวหลานที่นอนหอบหายใจอยู่บนพื้น
เขาได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากหานจื่อแล้ว
‘ฉวยโอกาสตอนที่ตนเองไม่อยู่มาหาเรื่องที่เมืองเฮ่อ?’
‘ยังทำร้ายหลิวเซิ้งจนบาดเจ็บ?’
‘คนผู้นี้ช่างกล้าหาญชาญชัยยิ่งนักนะ!’
“ข้านี่แหละคือประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น เจ้าไม่ใช่ต้องการแก้แค้นให้กับลูกชายลับๆของเจ้าหรือ? ลุกขึ้นมาสิ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนยืนหลังตรง สวมชุดสีม่วงที่ปักลวดลายดอกไอริสทั้งชุด
“ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น?”
หลิวอ้าวหลานเงยหน้าขึ้น มองดูชายหนุ่มตรงหน้า
‘รูปหล่อ สูงศักดิ์ ดูราวกับเทพบุตรก็ไม่ปาน’
หลิวอ้าวหลานเคยได้พบเห็นลูกหลานของตระกูลทั้งแปดมามากมาย ไม่มีคนไหนมีสง่าราศีเทียบเท่าชายหนุ่มชุดสีม่วงตรงหน้านี้ได้เลย
“เจ้าสังหาร…หลิวติง?”
หลิวอ้าวหลานพยายามฝืนยืนหยัดจนลุกขึ้นนั่งได้ แม้ว่าเขาจะถูกหานจื่อเล่นงานเสียจนร่างกายช้ำอย่างหนัก แต่เมื่อได้พบหน้าศัตรูที่สังหารลูกชายของเขาแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็อัดแน่นไปด้วยความคลั่งแค้น
“คนเลว สมควรตาย!”
ซย่าโหวฉิงเทียนยื่นมือไปลูบหัวหานจื่อ
“เจ้า——”
อีกฝ่ายพูดออกมาราวกับสิ่งที่ตนเองกระทำเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักทำนองครองธรรมเสียเต็มประดา ทำเอาหลิวอ้าวหลานโกรธแค้นจนแทบกระอัก
“เจ้าบังอาจยิ่งนัก! เจ้าไม่กลัวว่าจะล่วงเกินสกุลหลิวหรืออย่างไร?!”
ก่อนหน้านี้หลิวอ้าวหลานจนปัญญาที่จะพูดเรื่องเหตุผลกับเจ้าสุนัขสีดำตัวยักษ์นั่นได้ เพราะเขารู้ดีว่าเดรัจฉานจะมาเข้าใจเรื่องราวของสกุลทั้งแปดได้อย่างไรกัน!
ตอนนี้นายของมันเผยตัวออกมาแล้ว ทำให้หลิวอ้าวหลานฮึดสู้จนมีเรี่ยวแรงและพลังขึ้นมาอีกครั้ง
ดังนั้น เขาจึงยกสกุลหลิวขึ้นมา เพื่อต้องการข่มขู่ซย่าโหวฉิงเทียน
“สกุลหลิว?” เมื่อได้ยินชื่อนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ้มเยาะครั้งหนึ่ง
“สกุลหลิวคืออะไร! แล้วเจ้าละ เป็นตัวอะไรอีก!”
“เจ้า เจ้า——”หลิวอ้าวหลานได้ยินดังนั้นก็โมโหจนแทบกระอักเลือด
“เจ้าหนุ่มอวดดี ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ! เจ้าคิดว่าสกุลหนานกงสามารถเทียบเทียมสกุลหลิวเราได้อย่างนั้นหรือ? อย่าคิดนะว่าเจ้าล้างบางสกุลหนานกงได้แล้ว ตนเองจะเก่งกาจเหนือใคร! หากไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลที่เหลือ เจ้าก็จะไม่มีทางเชิดหน้าชูตาบนแผ่นดินอู๋โยวได้…”
หลิวอ้าวหลานพูดด้วยเสียงอันดัง ก็เพื่อต้องการให้ผู้คนโดยรอบได้ยินในสิ่งที่ตนเองพูด
เพียงแต่ คำพูดข่มขู่นี้ของเขา ซย่าโหวฉิงเทียนกลับไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
“ดูเจ้ายังสดชื่น มีกำลังวังชายังดี ถึงสามารถพูดประโยคยาวๆได้อย่างนี้ คงจะได้รับบทเรียนไม่พอสินะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนแตะที่ลำตัวของหานจื่อเบาๆ
“หานจื่อ เจ้าแก่นี่ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกันนะ! จำเอาไว้ว่า อย่าไปกินเนื้อของเขาเข้าละ! ของน่าสะอิดสะเอียดพันธุ์นี้ เอามาทำเป็นปุ๋ย ยังสกปรกพื้นที่ของข้าด้วยซ้ำไป!”
ถูกซย่าโหวฉิงเทียนมอบหมายหน้าที่สำคัญให้ ทำเอาหานจื่อตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก
“นายท่าน ข้าน้อยรับรองว่าจะทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วง”
หานจื่อขานรับอย่างฮึกเหิม จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าหาหลิวอ้าวหลานทันที
“ต่ำช้า! ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น เจ้าช่างต่ำช้าเหลือเกิน!” เมื่อเห็นเจ้าสุนัขตัวยักษ์กระโจนเข้ามาหาตนเองด้วยท่าทีดุดัน เขาก็กระเด้งตัวขึ้นทันที
เมื่อเห็นหลิวอ้าวหลานด่าทอซย่าโหวฉิงเทียน หานจื่อก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป มันกัดเข้าที่ก้นของหลิวอ้าวหลานซึ่งเป็นส่วนที่เล็ดลอดร่มผ้า ตะปบเอาเนื้อก้นโชกเลือดหลุดติดมือมาด้วย
“อ๊าก”
หลิวอ้าวหลานที่กำลังเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับได้รับแรงม้าดั่งช้างสารเขาพุ่งตัวหนีอย่างรวดเร็ว
เขาจะไม่รอความตายอยู่ที่นี่อีกแล้ว เจ้าหมายักษ์สีดำตัวนี้น่ากลัวเหลือเกิน!
หลังจากที่หานจื่อไล่กวดตามหลิวอ้าวหลานไปจนทัน มันก็จดจำคำสั่งของซย่าโหวฉิงเทียนที่ว่าอย่าให้หลิวอ้าวหลานมาตายที่นี่ เพราะจะสกปรกพื้นดินเขตแดนของเขา ดังนั้น ฉับพลันหานจื่อจึงไล่ต้อนหลิวอ้าวหลานอย่างหนัก จนเขาหนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเขตเมืองเฮ่อไกลกว่าร้อยลี้
ผลสุดท้ายหลิวอ้าวหลานเหน็ดเหนื่อยจนขาดใจตายอยู่ที่นอกเขตเมืองเฮ่อ
เขตของสกุลหลิวอยู่ทางใต้ของเมืองอู๋โยว ติดกับเขตของซย่าโหวฉิงเทียนนั่นเอง
วินาทีที่ก้าวเท้าข้ามพ้นเขตเมืองเฮ่อของซย่าโหวฉิงเทียนไปนั่นเอง หานจื่อก็กระโจนขึ้นมากัดลำคอของหลิวอ้าวหลานจนขาดสะบั้น
“ฉึก——” ศีรษะของหลิวอ้าวหลานหล่นลงบนพื้น วันนี้เขามาเพื่อแก้แค้นให้กับลูกชายแท้ๆ แต่ทว่าสุดท้าย เขากลับต้องมาจบชีวิตลงที่นี่เสียเอง
มองดูหลิวอ้าวหลานนอนตาย ตายไม่หลับอยู่ในเขตแดนของตนเอง หานจื่อก็ตวัดหางไปมาด้วยความพึงพอใจ
“ถือว่าทำภารกิจที่นายท่านมอบจนสำเร็จลุล่วง!”
“ข้าน้อยจะไม่ยอมให้เจ้าเฒ่านี่ทำให้เขตแดนของนายท่านสกปรกเด็ดขาด!”
เมื่อทำภารกิจสำเร็จ หานจื่อก็สะบัดก้นเดินกลับไปด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส่เปรมปรีดิ์สุดๆ คงเหลือไว้เพียงศพของหลิวอ้าวหลานที่นอนตายอยู่บนพื้นอย่างเดียวดาย
หลังจากที่หานจื่อกลับไปได้ไม่นาน บังเอิญมีฝูงหมาป่าเดินผ่านมาตรงบริเวณนี้พอดี เมื่อพวกมันเห็นว่ามีอาหาร พวกมันก็รีบพุ่งตัวเข้ามาเข้ารุมทึ้งฉีกร่างของหลิวอ้าวหลานเพียงสองสามครั้ง จนสุดท้ายศพของหลิวอ้าวหลานเหลือเพียงโครงกระดูกส่วนล่างทิ้งเอาไว้เท่านั้น
ด้านนี้หานจื่อไล่กรวดหลิวอ้าวหลานไปไกลกว่าร้อยลี้
ส่วนอีกด้านอวี้เฟยเยียนและตี้อู่เฮ่ออี้กำลังช่วยกันถอนพิษให้กับหลิวเซิ้ง
พิษที่ชาวตันขวาปรุงขึ้นที่ชื่อว่า ‘กวนอิมยิ้ม’ ไม่อาจขับออกได้ง่ายๆ
แม้ว่าตี้อู่เฮ่ออี้จะได้รับการฝึกฝนวิชาแพทย์ที่สืบทอดต่อมาจากชนเผ่าตัน แต่ตันซ้ายก็หลบหลีกจากโลกภายนอกมานาน ตัดขาดการติดต่อสื่อสารทุกด้าน หลายปีที่ผ่านมานี้ ตันขวาก็มีพัฒนาการจนยิ่งใหญ่และก้าวรุดหน้าไปมาก จึงได้คิดค้นยาพิษแปลกประหลาดต่างๆนานาขึ้นมามากมาย
สำหรับตี้อู่เฮ่ออี้แล้ว นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้คลุกคลีสัมผัสกับพิษของตันขวา
รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นตี้อู่เฮ่ออี้จึต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
เมื่อตี้อู่เฮ่ออี้เห็นอวี้เฟยเยียนระบายเลือดพิษของหลิวเซิ้งออกมา เขาก็พยักหน้าเบาๆ
“น้องพี่ เจ้าต้องการจะตรวจสอบปริมาณของพิษจากเลือดของหลิวเซิ้ง แล้วค่อยหาทางปรุงยาถอนพิษจากพิษแต่ละชนิดที่พวกเขาใช้ ใช่หรือไม่?”
“พี่เฮ่ออี้ ท่านหลักแหลมยิ่งนัก!”
อวี้เฟยเยียนอมยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่ทำการรักษาคนนั้น นางและตี้อู่เฮ่ออี้เข้าขากันได้เป็นอย่างดี และเนื่องด้วยคนทั้งสองทำงานร่วมกันเข้าขากันเป็นอย่างดี ดังนั้นเวลาที่ใช้ในการรักษาจึงสั้นลงมากกว่าที่ควรจะเป็นเกินกว่าครึ่ง