“มื้อเย็นมีของดีกินกันแล้ว!” ตี้อู่เฮ่ออี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่ขณะที่มองดูหมูป่าตัวนั้น
“น้องเขย ขอบคุณเจ้ามากนะ”
ตี้อู่เฮ่ออี้รู้ดีว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนมาจากซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนทั้งสิ้น แต่ไหนแต่ไรมาการเก็บยาเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่เมื่อมีซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนอยู่ ทุกอย่างจึงสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
“ไม่ต้องเกรงใจ! ครอบครัวเดียวกัน สมควรอยู่แล้ว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนมองดูอวี้เฟยเยียนที่เดินอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน
“พวกเจ้าคือญาติของแมวน้อย ก็คือญาติของข้าด้วย”
จนกระทั่งกลับถึงหมู่บ้าน เมื่อเด็กๆเห็นหัวหมูขนาดใหญ่ที่นำกลับมาด้วย เด็กๆต่างก็ตบมือด้วยความดีใจ
“มีเนื้อกินแล้ว! มีเนื้อกินแล้ว!”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาใสซื่อบริสุทธ์ของเด็กๆแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนก็หันมาสบตากันแล้วยิ้มออกมา
เมื่อมาถึงยังเมืองอู๋โยว พวกเขาไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเลย แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ถึงได้รู้สึกผ่อนคลายสงบสุขอย่างแท้จริง
บรรดาท่านลุงและท่านป้าของอวี้เฟยเยียน ตัดปันหมูป่าออกเป็นส่วนๆ ทุกเครือเรือนทุกบ้านได้ลิ้มลองความสดใหม่ของเนื้อหมูป่าโดยทั่วถึงกัน เมื่อพวกเขาไม่ยอมให้อวี้เฟยเยียนช่วยเหลือ ดังนั้นนางจึงไปจับปลาในแม่น้ำ
“จะเก่งกาจเกินไปแล้ว!” เมื่อตี้อู่หรงเต๋อเห็นอวี้เฟยเยียนปล่อยเข็มเงินออกไปอย่างแม่นยำ เพราะแต่ละเล่มเมื่อชูมือขึ้นก็จะได้ปลาตัวอ้วนใหญ่ขึ้นมาทุกครั้ง น่าอิจฉายิ่งนัก
ไม่นาน ในข้องก็เต็มไปด้วยปลาตัวอ้วนๆเต็มไปหมด
เด็กๆที่มองดูอยู่โดยรอบต่างพากันตบมือชอบใจ
“พี่สาวเก่งจังเลย! พี่สาวยอดเยี่ยมไปเลย!”
“มีน้ำแกงปลากินกันแล้ว ยอดไปเลย!”
“พวกเจ้าอยากจะเรียนวรยุทธ์กันหรือไม่?” อวี้เฟยเยียนเอ่ยถามเด็กๆพร้อมกับรอยยิ้ม
“พี่สามารถสอนพวกเจ้าได้นะ”
“จริงหรือ? “
เมื่อพูดวรยุทธ์ ไม่ว่าเด็กหญิงหรือเด็กชาย ต่างก็จ้องมองอวี้เฟยเยียนตาแป๋ว วาวตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
พี่สาวจะสอนพวกเราจริงๆหรือ?
“แน่นอนสิ!” อวี้เฟยเยียนอุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้นมา
“ช่วงอายุของพวกเจ้าเหมาะสมกับการเรียนวรยุทธ์มากที่สุดเลย! รอให้กลับไป ข้าจะสอนพวกเจ้าเอง!”
“ค่ะ!” เด็กน้อยกลุ่มใหญ่ปรบมือพร้อมกับขานรับ
“พี่สาว ท่านจะอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่จากไปไหนได้หรือไม่คะ?” เด็กน้อยที่อายุมากหน่อยกล่าวถามขึ้น
“หากว่าพี่สาวอยู่ที่นี่ตลอด จะดีสักเพียงไหนกัน!”
คำพูดของเด็กๆทำให้อวี้เฟยเยียนเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา คืนนั้นอาหารอุดมสมบูรณ์กว่าวันแรกมากขึ้น
อวี้เฟยเยียนลงครัวด้วยตัวเอง จี่ปลา ย่างปลา น้ำแกงปลา ปลาทอดน้ำแดง…ลำพังเพียงแค่ปลา นางก็ทำอาหารออกมาถึงแปดอย่าง จึงยิ่งไม่ต้องถึงหมูป่าเลย
“น้องพี่ เจ้าช่างสมบูรณ์แบบครบเครื่องจริงๆ!”
ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยฉีกขาหมูที่ส่งกลิ่นหอมออกจากกัน ท่าทางเปรมปรีดิ์มีความสุขเสียเต็มประดา ส่วนคนอื่นๆก็ชื่นชมอวี้เฟยเยียนไม่ขาดปาก
“ขอบคุณนะ! “
อวี้เฟยเยียนตักปลาใส่ลงในชามของซย่าโหวฉิงเทียน ของขวัญที่เขามอบให้ทุกคนช่างล้ำค่ายิ่งนัก!
“ขอบคุณเพียงแค่ลมปากไม่มีประโยชน์ พี่ต้องการให้เจ้าใช้การกระทำแสดงให้พี่เห็น! “
ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยขึ้น
“น่าเกลียด——” อวี้เฟยเยียนหน้าแดง
“กลางคืนค่อยว่ากัน!”
จนกระทั่งกินข้าวกันเสร็จ ทุกคนมานั่งล้อมวงพร้อมหน้าพร้อมตา อวี้เฟยเยียนจึงได้หยิบของขวัญของตนเองออกมา
“สวรรค์! พวกเจ้ามาดูเร็วเข้า!” ตี้อู่เจ๋อส่งยาให้กับทุกคน
“หอมจริงๆ! ความเข้มข้นเต็มร้อย ไม่มีกากเลยสักนิด! ทุกเม็ดเหมือนกันหมด!”
ชาวตันล้วนเป็นสาวกยา เมื่อพบกับยาวิเศษ แต่ละคนต่างก็ตั้งอกตั้งใจ เริ่มวิเคราะห์ยาของอวี้เฟยเยียนขึ้นมา
“เจ้าสาม เจ้าสามารถปรุงยาเช่นนี้ขึ้นมาได้หรือไม่?” ท่านลุงใหญ่ตี้อู่จิ่งซานกล่าวถามขึ้น
ในบรรดาลุงทั้งสาม ก็มีบิดาของตี้อู่เฮ่ออี้ตี้อู่จิ่งเหรินมีพรสวรรค์มากที่สุด ดังนั้น ตี้อู่เจ๋อจึงมอบตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้กับเขาและขณะนี้ ตี้อู่จิ่งเหรินกำลังถือยาของอวี้เฟยเยียนอยู่ในมือ เขาครุ่นคิดพิจารณาอยู่สักครู่ จึงค่อยส่ายหน้าเบาๆ
“ปกติแล้ว เวลาข้าปรุงยา ก็มักจะมีเศษกากยาอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งของยาผสมอยู่ ดังนั้นความเข้มขนของยาที่ได้น้อยนิดยิ่งนัก อีกทั้ง นี่คือยาที่ปรุงขึ้นในครั้งเดียว สามารถปรุงยาได้เข้มข้นเต็มร้อยและจำนวนมากเพียงนี้ในคราวเดียว ข้าทำไม่ได้”
ลุงทั้งสามคนต่างก็คือเทพโอสถ ซึ่งลำดับขั้นเช่นเดียวกันกับอวี้เฟยเยียนแต่พวกเขากลับยอมรับว่ามิสามารถปรุงยาเช่นนี้ออกมาได้
“ท่านพ่อ ท่านละ? “
ตี้อู่จิ่งเหรินกล่าวถามตี้อู่เจ๋ออีกครั้ง
“ยากมาก” ตี้อู่เจ๋อส่ายหน้า แม้ว่าเขาจะคือปรมาจารย์ยา ซึ่งนอกเสียจากทุกอย่างอย่างพร้อมสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ คน หรือว่าวัตถุดิบ มิเช่นนั้นเขาก็มิกล้ารับปาก
“ความสามารถในการปรุงยาของหลานข้าล้ำหน้าข้าไปแล้ว! คนรุ่นใหม่นี่น่าหวาดกลัวยิ่งนักจริงๆ! พวกเจ้านะ เรียนรู้จากน้องเอาไว้ให้มากๆ!”
นอกจากตี้อู่เฮ่ออี้ที่เคยชินเสียแล้วกับความเก่งกาจยอดเยี่ยมของอวี้เฟยเยียน พี่ชายที่เหลือคนอื่นๆต่างก็กำลังอึ้งกิมกี่ไปตามๆกัน สายตาที่พวกเขามองดูอวี้เฟยเยียนพร่างพราวไปด้วยดวงดาวดวงน้อยพราวแสงวิบวับ
“น้องพี่ เจ้าใช้ติ่งอะไรปรุงยากันหรือ? “
ตี้อู่เย่ไหลคิดไปว่าติ่งปรุงยาของอวี้เฟยเยียนมีความพิเศษอะไร ติ่งที่ปรุงยาที่ดี สามารถยกระดับคุณภาพของยาที่ปรุงออกมาได้
ซึ่งเขาคาดไม่ถึงเลยว่า อวี้เฟยเยียนกลับหยิบติ่งทองแดงธรรมดาๆใบหนึ่งออกมา คราวนี้ทเอาพวกเขาทุกคนต่างก็ต้องนับยอมรับอวี้เฟยเยียนหมดใจ
“น้องเยียนเอ๋อร์ เจ้าทำได้อย่างไรกัน! เจ้าสอนพวกเราทีเถอะ! ไม่เช่นนั้นตกกลางคืนพวกเราคงนอนไม่หลับ กินข้าวไม่ลงเป็นแน่!”
ตี้อู่เย่ไหลยื่นแจ้นเข้ามาหาอวี้เฟยเยียน เมื่อเขาเริ่มเปิดประเด็นแล้ว พี่ชายทั้งหลายของนางต่างก็กระทำในสิ่งเดียวกัน ยาเข้มข้นเพียงนี้ ลำค่ายิ่งนักเชียว!
‘หากว่าพวกเขาสามารถปรุงยาเช่นนี้ออกมาบ้างละก็ คงจะดีไม่น้อย!’
ในเวลานี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยเลยว่าตี้อู่เจ๋อรู้สึกภาคภูมิใจมากเพียงใด เมื่อช่วงกลางวันในตอนที่ออกไปเก็บยานั้น พวกเขาได้เปิดหูเปิดตากับวรยุทธ์ของอวี้เฟยเยียนและซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว ยอดเยี่ยมเหนือคำยรรยาย! ทั้งสองสามารถเคลื่อนไหวท่ามกลางหน้าผาสูงชุนได้อย่างคล่องแคล่วราวกับอยู่บนพื้นก็ไม่ปาน เหมือนดั่งเทพเซียนที่เหาะเหินเดินอากาศได้ทุกอย่าง
มาตอนนี้ อวี้เฟยเยียนยังแสดงถึงพรสวรรค์ทางด้านการแพทย์ให้ทุกคนได้ประจักษ์อีก แล้วจะให้คนแก่เช่นเขาไม่ดีใจได้อย่างไรกัน