บทที่ 418 คุณชายสามเย่จะสติคลั่งแล้ว (1)
“ใช่แล้ว เสียดายมากเลย”ผู้ชายอีกคนเห็นด้วยและพูดต่อว่า:“ทั้งสองเหมือนจะเป็นสามีภรรยากัน เมื่อสักครู่นี้ผมได้ยินผู้ชายคนนั้นแนะนำว่าเป็นภรรยาของเขา”
เย่ซือเฉินได้ยินคำนี้ ร่างกายก็แข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัดเจน ภรรยาของเขา?
ภรรยาของถังไป๋เชียน?
เธอไปเป็นภรรยาของถังไป๋เชียนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ปลอมตัวเหรอ?ปลอมตัวก็ไม่ได้!!
“ดูแล้วทั้งสองเหมาะสมกันดีมาก”หญิงข้างกายผู้ชายคนนั้นเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยค
แววตาของเย่ซือเฉินยิ่งเยือกเย็น
เหมาะสม?
เหมาะที่ไหน?ตาบอดกันไปหมดแล้ว?!
บัดนี้ ถังไป๋เชียนพาเวินลั่วฉิงเดินเข้ามาแล้ว เดิมที่ถังไป๋เชียนก็ไม่ค่อยออกงานอย่างนี้สักเท่าไหร่ เพราะต้องเก็บสถานะของเขาเป็นความลับ
แต่ทว่าวันนี้เป็นกรณีพิเศษบางอย่าง
แต่ยังมีคนรู้จักถังไป๋เชียนอยู่บ้าง เพราะถังไป๋เชียนก็มีอำนาจอยู่ที่ประเทศMเล็กน้อย ปกติเขาก็ใช้สถานะจริงพบปะผู้คนมาไม่น้อย
ถังไป๋เชียนพาเวินลั่วฉิงเดินเข้าใกล้ตำแหน่งที่ห่างจากเย่ซือเฉินห้าเมตรนั้น มีเพื่อนชาวต่างชาติเดินเข้ามาหาถังไป๋เชียน และกล่าวทักทายกับถังไป๋เชียน
“คนนี้เป็นภรรยาของผมครับ”ถังไป๋เชียนทักทายคนนั้นเสร็จก็แนะนำเวินลั่วฉิงให้เขารู้จักอย่างยิ้มชื่นบาน
เมื่อสักครู่เย่ซือเฉินเพิ่งจะได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับภรรยาของถังไป๋เชียนจากปากของคนอื่น แต่ทว่าตอนนี้ ถังไป๋เชียนอยู่ไม่ห่างจากตัวเขามากนัก เขาจึงได้ยินอย่างแจ่มชัด
ชั่วขณะที่ได้ฟังถังไป๋เชียนกล่าวแนะนำ ดวงตาของเย่ซือเฉินก็แผ่ความสังหารออกมา
จากนั้นดวงตาของเย่ซือเฉินก็ไปหยุดอยู่ที่เวินลั่วฉิง เขาอยากจะดูสิว่าเธอจะตอบเช่นไร
“คุณนายถังช่างสวยงามนัก”เพื่อนชาวต่างชาติยื่นมือมายังเวินลั่วฉิงอย่างสุภาพ
“ขอบคุณ”เวินลั่วฉิงก็จับมือกับเขาอย่างมีมารยาท พลางคลี่ยิ้มกล่าวคำขอบคุณ วันนี้เธอกับรุ่นพี่ปลอมตัวเป็นคู่สามีภรรยากัน ฉะนั้นในหลายๆเรื่องเธอก็ต้องให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ได้ฟังคำตอบของเวินลั่วฉิง มุมปากของเย่ซือเฉินก็ยกขึ้นจนกลายเป็นรูปโค้งอย่างแปลกประหลาด ซึ่งรูปลักษณ์เช่นนี้เสมือนยิ้มและไม่เหมือนยิ้มในเวลาเดียวกัน
คุณนายถัง?!เธอไม่คัดค้านเลยสักนิด!
สายตาของเย่ซือเฉินจับจ้องอยู่แต่เวินลั่วฉิง เวินลั่วฉิงก็รับรู้ได้
แต่ทว่าเวินลั่วฉิงไม่ได้มองเขาอีก เวินลั่วฉิงรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดหวังไม่ได้
เธอไม่อาจให้เรื่องส่วนตัวของตนมาส่งผลกระทบต่องานของรุ่นพี่
หลังจากที่แวบเขาตอนเข้ามาที่ประตูแล้ว เธอก็ไม่ได้ชายตามองอีกเลย มุมปากของเย่ซือเฉินยิ่งยกสูงขึ้นกว่าเดิม
จากนั้นเขากยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้ง โดยการดื่มแรงๆคำเดียวหมดเกลี้ยง
ครั้งนี้เขาเอาเหล้าขาวมาดื่ม ซึ่งดีกรีนั้นสูง เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจึงทำให้เขารู้สึกทรมานเล็กน้อย อยากจะสำลักออกมา แต่เขาก็อดกลั้นเอาไว้
ถึงแม้เวินลั่วฉิงไม่ได้มองเขา แต่บัดนี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเขานัก หางตาของเธอก็เห็นการกระทำของเขา
คิ้วของเธอขมวดขึ้น เขากำลังดื่มเหล้า?หรือดื่มน้ำกันแน่?
“ไปกันเถอะ พวกเราไปทางโน้นกัน ไปทักทายกับเพื่อนคนหนึ่งก่อน”มือของถังไป๋เชียนที่โอบเอวของเธอไว้ไม่ได้ใช้แรงมากนัก
แต่วางโดยมารยาทอย่างสุภาพไว้ในเอวของเธอ
ตอนนี้เธอกำลังปลอมตัวเป็นสามีภรรยากับถังไป๋เชียนอยู่ ฉะนั้นเป็นเรื่องปกติที่ถังไป๋เชียนจะโอบรัดเอวบางของเธอเอาไว้ ซึ่งเธอไม่อาจจะปฏิเสธได้
เพราะวันนี้พวกเขาไม่ได้มาเที่ยวเล่น แต่เป็นการทำภารกิจ ฉะนั้นจะให้มีพิรุธอะไรไม่ได้
“ค่ะ”เวินลั่วฉิงพยักหน้าเล็กน้อย ตอบเสียงเบาต่ำ จากนั้นก็เดินไปด้านหน้าพร้อมกับถังไป๋เชียน
ตอนนี้ถังไป๋เชียนพาเธอผ่านหน้าเย่ซือเฉิน
เวินลั่วฉิงรุ้ว่าเย่ซือเฉินช้อนตามองเธอตั้งแต่ตอนเข้ามาแล้ว ตอนแรกอยู่ในระยะที่ห่างกัน ยังรู้สึกดีหน่อย แต่ตอนนี้เธอต้องเดินผ่านหน้าเขาไป
เขามองเธอเช่นนี้ เวินลั่วฉิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องตื่นเต้นด้วย เธอหย่ากับเย่ซือเฉินแล้ว จึงไม่มีความสัมพันธ์ใดๆอีก ถ้าพูดตามหลักแล้วไม่น่าจะเป็นแบบนี้นี่นา
ถังไป๋เชียนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเธอ มองเธอพลางพูดเสียงต่ำเบาว่า“เป็นอะไรไหม”
ขณะที่ถังไป๋เชียนพูดคำนี้อยู่นั้นได้เข้าที่ข้างหูของเธอด้วยเสียงกดต่ำ บัดนี้เมื่อมองจากมุมของเย่ซือเฉินแล้ว ริมฝีปากบางของถังไป๋เชียนเกือบแนบชิดติดกับใบหน้าของเธอเสียแล้ว ดูแล้วช่างรักใคร่กลมเกลียวกันจริงแท้
เท้าของเย่ซือเฉินยกขึ้นด้วยสัญชาตญาณ
แต่ทว่าเวลานี่เอง เวินลั่วฉิงก็เอียงใบหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย พลางอมยิ้มมองถังไป๋เชียน “ไม่เป็นอะไร”
เวินลั่วฉิงรู้ว่าเมื่อกี้ตนเสียสมาธิในการปฏิบัติภารกิจ ในสถานการณ์เช่นนี้จะไม่อนุญาตให้มีเรื่องผิดพลาดไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น
เพราะแค่ผิดพลาดหนึ่งจุดก็อาจทำให้ภารกิจล้มเหลวได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีอันตรายถึงชีวิตด้วย ฉะนั้นเวินลั่วฉิงจึงปรับอารมณ์ของเธออย่างรวดเร็ว
วินาทีที่เห็นเวินลั่วฉิงมองถังไป๋เชียนอย่างยิ้มแย้ม ทันใดนั้นเย่ซือเฉินก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาฟาดใส่กลางอกของเขา ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ทรมานมาก
เท้าของเย่ซือเฉินที่กำลังจะเดินออกไปได้หยุดลง แต่ดวงตากลับยิ่งเคร่งขรึมและเยือกเย็นมากขึ้น
สายตาของเขายังคงอยู่ที่ตัวเธอ เมื่อเห็นเธอได้ก้าวใกล้ก้าวตนเข้ามาทุกที หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว
เขาเห็นเธอใกล้ตัวเขามากขึ้นทุกที จนสูญเสียการเต้นของหัวใจเต้นที่เป็นจังหวะเสียแล้ว
เธอในนาทีนี้ได้เดินมาอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งห่างกันไม่ถึงหนึ่งเมตร เขาแค่ยื่นมือออกไปก็สามารถจับตัวเธอได้แล้วและสามารถโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนได้อย่างสบายๆ
บัดนี้เย่ซือเฉินอยากจะเช่นนั้นเหลือเกิน ใช่แล้ว เขาอยากทำมากมาย
แต่ทว่าเขาพบว่าผู้หญิงสมควรตายคนนี้กลับทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนมาตั้งแต่ต้นจนถึงจบ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะเดินมาอยู่ต่อหน้าเขา แต่ก็ไม่ได้มองเขาแม้แต่แวบเดียว
แม้กระทั่งหางตาก็ไม่มี
หากเวลานี้เขายื่นมือไปจับเธอ เธอจะทำอย่างไรกันนะ?
ยังจะทำอย่างไรได้อีก?ก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขาหนะสิ
เขาไม่สงสัยเลยสักนิด ผู้หญิงคนนี้ทำได้แน่นอน เพราะเธอเป็นคนที่ไร้หัวใจอย่างสิ้นเชิง
ชั่วขณะนั้น มือของเย่ซือเฉินไม่ยื่นออกไปอย่างฝืนทน ได้แต่เบิกตากว้างมองเธอผ่านไปต่อหน้าเขา
จากนั้นเขาเห็นถังไป๋เชียนโอบกอดเธอไว้ พลาเดินไปอยู่ตรงหน้าข้าราชการคนหนึ่ง พลางกล่าวทักทายข้าราชการผู้นั้น ซึ่งเขาเห็นเอให้ความร่วมมือกับถังไป๋เชียนอย่างเต็มที่
เขาแต่งงานกับเธอมาเป็นเวลาสามเดือน นอกจากที่หมิงเจ๋แล้ว เขาไม่เคยให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงเป็นเพื่อนเขาเลยสักครั้งเดียว
เขารู้ว่าเธอไม่ชอบเรื่องพวกนี้ ฉะนั้นเขาไม่เคยคิดจะฝืนเธอเลย
แต่ทว่าตอนนี้เพื่อถังไป๋เชียน เธอกลับทำได้ดีถึงเพียงนี้ เธอได้ประดับรอยยิ้มไว้บนใบหน้าตลอดเวลาอย่างไม่ได้ฝืนเลยสักนิดเดียว
หรือเธอไม่ได้รู้สึกฝืนเลย เพราะคนคนนั้นคือถังไป๋เชียน
หากเปลี่ยนเป็นเขา?เธอจะทำเช่นนี้หรือไม่?
ยังจะยิ้มหวานอย่างนี้ตลอด เพื่อให้ความร่วมมือกับเขาไหม?
เธอจะทำไหม?