บทที่ 494 ความสวยและความสามารถของเธอ ช่างน่าตกใจ (4)
ถังหยุนเฉิงได้ยินที่เฟิ่งเหมียวเหมียวพูดก็ขมวดคิ้วแน่น เขาลากสายตาขึ้นมองเวินลั่วฉิง นี่เธอนอนตั้งแต่เย็นเมื่อวานจนถึงตอนนี้? ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้ทาน?
แต่ถังหยุนเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
“คุณก็กลับมาแล้วเหรอ พอดีเลยมาทานข้าวด้วยกันสิ” ตอนนั้นเองเฟิ่งเหมียวเหมียวถึงมองเห็นถังหยุนเฉิง พลางยกอาหารออกมาจากห้องครัวเรื่อยๆ
หลังจากเวินลั่วฉิงทานเสร็จแล้วจึงลุกขึ้นยืดแขนบิดขี้เกียจ: “เมื่อกี้ทานมากไปหน่อย ฉันขอตัวออกไปเดินเล่น”
“โอเค ไปเดินเล่นเถอะ ใช่สิ แถวนี้เธอไม่ค่อยคุ้นเคย ให้ฉันไปเดินเป็นเพื่อนไหม” เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้คิดอะไร พูดได้ว่าตามใจเวินลั่วฉิงอยู่มาก
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปเดินเองได้” เวินลั่วฉิงอยากไปดูสถานการณ์ ถ้าเฟิ่งเหมียวเหมียวไปด้วยก็คงไม่สะดวก
เวินลั่วฉิงเดินออกประตูไป ดูเหมือนเดินไปอย่างไร้จุดหมาย แต่ก็ต้องหันกลับมามองอย่างประหลาดใจ
จากนั้นเวินลั่วฉิงก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ
“คุณเป็นแขกของตระกูลถังใช่ไหม?” หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าเวินลั่วฉิง ด้วยน้ำเสียงเกรงใจ ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่เวินลั่วฉิงกลับเห็นความเกลียดชังและอิจฉาอยู่ไม่น้อยในแววตาเธอ
เวินลั่วฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นคนของตระกูลกู้ แต่ความอิจฉา? เกลียดชัง?
เวินลั่วฉิงรู้ว่าข่าวลือข้างนอกตอนนี้เธอคือแฟนสาวของถังหลิน แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ชอบถังหลิน
“อืม ฉันเป็นแฟนของถังหลิน” นัยน์ตาของเวินลั่วฉิงเป็นประกายขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างจงใจ
ในตอนนั้นเวินลั่วฉิงสวมแว่นกันแดดสีดำและหน้ากากอนามัย ดังนั้นกู้หนานจึงมองไม่เห็นท่าทางสีหน้าของเวินลั่วฉิง
เมื่อกู้หนานได้ยินที่เวินลั่วฉิงพูดแล้ว รอยยิ้มที่พึ่งฝืนยิ้มออกมาก็หายไปในทันที ความเกลียดชังในแววตาเข้มขึ้นเล็กน้อย มือของเธอแอบกำหมัดแน่น
เวินลั่วฉิงมองเธอแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกก่อนจะเดินจากมา
เวินลั่วฉิงเดินไปรอบๆ จนถึงเนินเขาด้านหลังสุดแล้วนั่งอยู่สักพัก จากนั้นก็กลับไปที่บ้าน
หลังจากเวินลั่วฉิงกลับมาแล้วก็กลับไปที่ห้องเพื่อนอนต่อ
ต่อมาเวลาทั้งสองวันของเวินลั่วฉิงนอนหลับอยู่ในห้องตลอด ตื่นขึ้นมาแค่ตอนที่ถึงเวลาทานข้าว ทุกวันเธอทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วจะออกไปเดินเล่นรอบๆ แล้วนั่งอยู่ที่เนินเขาเล็กๆ ด้านหลังสักพัก
วันที่สาม ถังหยุนเฉิงจึงทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว
เวินลั่วฉิงทานข้าวเสร็จแล้ว กำลังจะกลับไปนอนที่ห้อง……
“เธอหยุดอยู่ตรงนั้นเลย” ถังหยุนเฉิงตะโกนเรียกเธอ: “ถังหลินบอกว่าส่งคุณมาช่วยไขคดี ผลสุดท้ายคุณกลับกินๆ นอนๆ ทั้งวัน ไม่ออกไปไหนเลย คุณคิดว่าที่นี่เอาไว้เลี้ยงคนขี้เกียจสันหลังยาวเหรอ?”
ถังหยุนเฉิงที่ทำอะไรเคร่งครัดตั้งแต่ไหนแต่ไรมา จัดการเรื่องอย่างเข้มงวด ที่ไม่อาจทนดูได้เลยก็พวกกินๆ นอนๆ แบบนี้
“นี่คุณกำลังทำอะไร เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง คุณจะว่าเธอขนาดนี้ทำไม?” เฟิ่งเหมียวเหมียวห้ามถังหยุนเฉิง ที่จริงแล้วเวินลั่วฉิงกินๆ นอนๆ ไปวันๆ เธอเองก็มองว่าไม่ค่อยดี แต่ถึงอย่างไรเวินลั่วฉิงก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จะว่าเธอขนาดนี้ไม่ได้
“ผู้หญิงแล้วจะเป็นแบบนี้ก็ได้เหรอ ถ้าเธอเป็นแบบนี้ต่อให้เป็นคนของตระกูลถัง ผมก็จะหักขาเธอ” ถังหยุนเฉิงไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาถ่าน อย่างไรก็ตามเธอก็อยู่ที่บ้านของเขาและอยู่แค่ไม่กี่วัน เขาเองก็ขี้เกียจจะยุ่ง
แต่นี่เป็นคนของพวกเขาตระกูลถัง เขาจึงตีไปหนึ่งที เด็กผู้หญิงจะเป็นแบบนี้ไม่ได้…..
“คุณเบาเสียงหน่อย” เฟิ่งเหมียวเหมียวถลึงตาใส่เขา: “ท่าทางคุณตอนนี้ระวังเธอตกใจ”
“เธอตกใจ? คุณก็ดูท่าทางเธอสิ ตลอดทั้งวันจนถึงค่ำไม่ตื่น ถ้าเธอยังรู้จักกลัว ทำไมไม่กลัวใหลตายล่ะ” ถังหยุนเฉิงมองท่าทางของเวินลั่วฉิงแล้วยิ่งโกรธ
จริงๆ แล้วตามปกติถังหยุนเฉิงจะไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น ลูกหลานของคนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเขา แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาทนมองเด็กคนนี้เป็นแบบนี้ไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะเข้าไปยุ่ง
ความรู้สึกเหมือนมองลูกหลานของตนเองที่ไม่มุมานะนั้น ถังหยุนเฉิงเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้น
“ถุย ถุย พูดให้มันดีๆ ตายอะไรกัน ฉิ้นเอ๋อ เธอกลับห้องไปก่อน หรือไม่ก็ออกไปเดินเล่น ไม่ใช่ว่าทุกวันตอนเที่ยงเธอจะออกไปเดินเล่นเหรอ?” เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้จักนิสัยของถังหยุนเฉิงดี ดังนั้นจึงคิดแยกเวินลั่วฉิงออกไปก่อน
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันออกไปเดินเล่นก่อน” เวินลั่วฉิงเตรียมตัวแล้วกำลังจะออกประตูไป
“จะออกไปก็ออกไป จะทำให้เป็นแบบนั้นทำไมกัน?” ถังหยุนเฉิงมองเวินลั่วฉิงสวมแว่นดำและหน้ากากอนามัยแล้วก็ยิ่งโกรธ
ถังหยุนเฉิงคิดว่าเธอกำลังคิดว่าตนเองนั้นหน้าตาไม่ดี จึงไม่อยากให้คนอื่นเห็น
หน้าตาสำคัญขนาดนั้นเลย?
แต่เวินลั่วฉิงไม่ได้สนใจเขา แล้วออกไปข้างนอกทันที
หลังจากที่เวินลั่วฉิงออกไปแล้ว ถังหยุนเฉิงจึงโทรหาถังหลิน
เสียงรอสายดังอยู่นานก่อนที่อีกฝ่ายจะรับสาย เมื่อรับสายแล้ว ถังหยุนเฉิงก็ตะโกนลั่นออกมา: “มาเอาคนของลูกกลับไป”
“คุณพ่อ ผมไม่ได้อยู่ที่เมืองA ตอนนี้ไปรับไม่ได้ คุณพ่อก็รอสักสองวันได้ไหม ให้ผมกลับเมืองAก่อนค่อยคุยกัน” ถังหลินที่ได้ยินพ่อของตนเองตะโกนลั่น มุมปากก็กระตุกอย่างแรง ทำให้เจ้าพ่อถังโมโหได้ขนาดนี้เลย? ฉิงฉิงก็เก่งกาจเสียจริง หลายปีแล้วที่เขาไม่เห็นเจ้าพ่อถังโมโห ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโมโหจนขึ้นหน้าแบบนี้!!
“นี่เหรอผู้เชี่ยวชาญการไขคดีที่ลูกหามาให้พ่อ? พ่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการนอนหลับเถอะ? อายุก็ยังน้อยอยู่แท้ๆ” ในตอนนั้นถังหยุนเฉิงโมโหจริงๆ ถึงแม้ว่าเดิมจะไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่แบบนี้ เขาก็ทนมองต่อไปไม่ไหวจริงๆ
“คุณพ่อ บ้านเราเองก็ไม่ได้ขาดแคลนที่นอน คุณพ่อก็ยอมๆ ……” ถังหลินเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงที่ดี แต่คำพูดนั้นฟังอย่างไรก็รู้สึกเหมือนกำลังราดน้ำมันใส่กองไฟ
“นี่ลูกหมายความว่าอย่างไร? บ้านเรากลายเป็นที่เลี้ยงคนขี้เกียจไปแล้วเหรอ?” ถังหยุนเฉิงโกรธจนเริ่มเจ็บหน้าอก: “นี่ลูกพูดเรื่องบ้าอะไร อยากให้พ่อโมโหใช่ไหม?”
เมื่อถังหยุนเฉิงพูดจบก็ตัดสายไปทันที
“ไอ้ลูกบ้านี่หมายความว่าอย่างไร? เขาส่งคนคนนี้มาที่นี่เพื่อนอนหลับหรืออย่างไร?” ถังหยุนเฉิงในตอนนี้โกรธมาก เดิมก็ถูกคดีนี้กดดันอยู่นานแล้ว ความคืบหน้าสักนิดก็ไม่มี แม้ว่าถังหยุนเฉิงจะไม่ได้พูดออกมา แต่ก็ต้องไม่สบายใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
เขาเองก็รู้ดีว่าถ้าคดีนี้ไขไม่ได้ อะไรจะรอเขาอยู่ อะไรจะรอตระกูลถังของพวกเขาอยู่
ดังนั้นเขาจึงร้อนใจมากกว่าใคร เพียงแค่ทนมาตลอด ตอนนี้ถูกเวินลั่วฉิงและถังหลินกวนโมโห จึงโมโหอย่างหนัก
เวินลั่วฉิงเดินไปรอบๆ เหมือนทุกครั้ง และนั่งอยู่หลังเขาเหมือนทุกที
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ เวินลั่วฉิงกำลังมาถึงแค่ตีนเขา ยังไม่ทันได้ขึ้นเขาก็ชนเข้ากับคนกลุ่มหนึ่ง
แปดสุดยอดวงศ์ตระกูลเกี่ยวข้องกับธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าขายหรืออื่นๆ
แปดสุดยอดวงศ์ตระกูลมักจะฝึกผู้เชี่ยวชาญไปจัดการเรื่องเฉพาะทาง
ที่นี่เป็นศูนย์กลางของทั้งแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล ในนั้นมีค่ายฝึกอบรมเฉพาะทางหลายแห่ง ซึ่งลึกเข้าไปหลังเขามีค่ายอบรมฝึกทางด้านกายภาพอยู่แห่งหนึ่ง
เวินลั่วฉิงมองออก พวกเขาน่าจะพึ่งกลับมาหลังฝึกเสร็จ