บทที่ 501 คุณชายสามเย่มา เรื่องนี้ก็เข้มข้นขึ้นแล้ว (1)
อันที่จริงนอกเสียจากระดับคุณท่านทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์นี้แล้ว คนอื่นล้วนนึกถึงบุคคลผู้นี้หลังจากที่เวินลั่วฉิงพูดจบทันที
เพราะเวินลั่วฉิงเล่าได้ครอบคลุมและละเอียดถี่ถ้วนมาก ยิ่งไปกว่านั้นบุคคลนี้มีความสามารถที่โดดเด่นในทุกๆด้าน รวมทั้งสถานะก็พิเศษกว่าใครอื่นอีกด้วย
“ออ ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ก็น่าสนใจแล้วล่ะสิ”ใบหน้าของท่านปู่หลี่เพิ่มรอยยิ้มขึ้นมาหลายส่วน หากเป็นคนอื่นอาจจะบอกว่าฝั่งถังหยุนเฉิงเป็นคนกุเรื่องสร้างภาพหลอกลวงขึ้นมาเอง แต่เมื่อเป็นฝ่ายทางนี้ถังเฉิงก็ไม่ตกเป็นขี้ปากวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน
“ผู้ที่มีความสามารถรอบด้านอย่างนี้มีความเป็นไปได้น้อยที่จะถูกขโมยเสื้อผ้า ถึงแม้จะถูกขโมยจริงๆ แต่ก็คงรู้ภายหลังอย่างแน่นอน……”เวินลั่วฉิงเสริมอีกหนึ่งประโยคขึ้นมาอย่างช้าๆ ซึ่งคำพูดของเธอเปี่ยมไปด้วยเลศนัยที่ลำล้ำมาก
“อืม แม่หนูนี้พูดถูก ไปเชิญตัวมาแล้วถามให้กระจ่างว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?”ท่านปู่หลี่เข้าใจความหมายของเวินลั่วฉิงดี ดังนั้นจึงพูดคล้อยตามหนึ่งประโยค
กู้หนานตัวแข็งค้างขึ้นมาทุกที สองขาก้าวไปด้านหลังด้วยจิตใต้สำนึก ราวกับอยากจะหนีออกไปให้พ้นๆ แต่หากเธอหนีไปในสถานการณ์อย่างนี้จริง คงต้องเป็นที่สะดุดตาและสงสัยของผู้อื่นเป็นแน่ ฉะนั้น เธอจึงต้องฝืนระงับความกลัวในใจ ได้แต่ยืนตัวตรงเข้าไว้
ใช่ เสื้อผ้าของหยวนจวินห้าวคงขโมยมาได้ไม่ง่าย เธอจึงใช้คนคิดหาวิธี ‘ยืม’มา
ทั้งความสูงและน้ำหนักของหยวนจวินห้าวล้วนเป็นแบบฉบับผู้ชายทั่วไป คนส่วนมากในนี้ก็มีรูปร่างลักษณะนี้ด้วยกันทั้งหมด
คนที่เธอหามาก็มีรูปร่างคล้ายคลึงกัน เดิมทีเธอคิดว่าด้วยรูปร่างปกติสากลน่าจะตรวจสอบได้ยาก อีกทั้งสถานะของหยวนจวินห้าวก็ไม่ธรรมดา คนทั่วไปไม่อาจสงสัยในตัวเขาได้ ยิ่งไม่มีทางตรวจสอบเขาเด็ดขาด
แต่ว่าไม่ว่ายังไงกู้หนานก็คาดไม่ถึง ผู้หญิงคนนี้ใช้เวลาเพียงน้อยนิดก็ดูออกว่าเป็นเสื้อผ้าของหยวนจวินห้าว
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีผลดีอะไรกับตัวเธอเลย
ด้วยความสามารถและอุปนิสัยใจคอของหยวนจวินห้าว ไม่มีใครกล้าซักไซ้และสงสัยอะไรเขาทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นหยวนจวินห้าวยังมีสถานะสูงส่งเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คน
ดวงตากู้เจิ้งฉุนมองไปยังกู้หนานอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเพิ่มความเย็นชาขึ้นมาหลายส่วน
อันที่จริงเรื่องนี้ไม่อาจโทษกู้หนานได้ เพราะแผนการของกู้หนานนั้นรัดกุมมากอยู่แล้ว เพียงแต่ได้พบคู่ต่อสู้อย่างเวินลั่วฉิงเข้าก็เท่านั้นเอง
เวินลั่วฉิงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว
หยวนจวินห้าวมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็ได้เดินเข้ามากวาดสายตามองโดยรอบแบบสุ่มๆ และเมื่อมองเห็นเวินลั่วฉิง สายตานั้นก็เปี่ยมไปด้วย……
“หัวหน้ากง ท่านถัง ท่านกู้ และผู้อาวุโสทุกๆท่าน ตอนนี้คือเกิดอะไรขึ้นครับ?”สายตาของหยวนจวินห้าวแค่กวาดสายตามองเวินลั่วฉิงแวบเดียว หางคิ้วของเขาก็ยกขึ้น“เกิดเรื่องใหญ่อะไรครับ?ถึงขนาดต้องให้ผู้อาวุโสทุกๆท่านแบกหน้ามา?ท่านทั้งหลายก็มีอายุมากแล้ว ทนความลำบากเช่นนี้ได้เหรอ?”
จากนั้นดวงตาทั้งคู่ของเขาก็มองมายังเวินลั่วฉิงอีกครั้ง“คาดว่าท่านนี้ก็คือแขกลี้ลับของบ้านตระกูลถังใช่ไหม อืม ลี้ลับจริงๆ ปกปิดทั้งดวงตาและจมูกอย่างนี้ คุณไม่กลัวจะอัดตายเหรอ หรือขี้เหร่จนพบหน้าคนไม่ได้?”
คนนี้ช่างพูดช่างจาจริงแท้ และพูดโหดนิดๆ อืม โหดมากๆต่างหาก แต่ตอนนี้พูดอย่างนี้ออกมา แสดงว่าเขากับเวินลั่วฉิงไม่รู้จักกันมาก่อน
“คุณอย่ามัวแต่พูดอยู่เลย ดูสิว่าเสื้อที่คนนี้ใส่เป็นของคุณหรือเปล่า”ถังหยุนเฉิงแทรกคำพูดของเขา และบอกเจตนาที่เรียกเขามาในตอนนี้ให้ทราบ
ได้ยินคำพูดของถังหยุนเฉิง สายตาของเขาจึงหันไปมองช่างไม้คนนั้น ดวงตาของเขาหรี่ขึ้น “ทำไมเสื้อของผมถึงใส่อยู่บนตัวเขาได้ล่ะ?”
ประโยคของเขาเท่ากับเป็นการยอมรับ
เวินลั่วฉิงแอบหัวเราะอยู่ในใจ อันที่จริงเธอดูออกแต่แรกแล้ว คนนี้มาถึงก็เห็นว่าเสื้อตัวนี้เป็นของเขาแล้ว
หรือควรจะพูดว่าก่อนเขามาก็รู้เรื่องนี้แล้ว
เพียงแต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นก็เท่านั้นเอง จากนั้นก็พูดคุยขึ้นมา ต้องบอกว่าคำพูดของเขาน่าสนใจมาก ดูราวกับช่างพูดช่างจา แต่ทุกคำล้วนมีประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น
เขานี้แสดงละครได้เก่งทีเดียว
“อันนี้ถามคุณน่าจะถูก คุณไม่รู้ว่าเสื้อตัวเองหายเหรอ?”ถังหยุนเฉิงไม่ได้สังเกตอะไรมากมาย เพียงแต่ถามตามประโยคที่เขาเอ่ยมาเท่านั้น
“อืม ผมต้องรู้อยู่แล้ว เมื่อวานเจ้าล่ายจื่อทำเสื้อผมเลอะ บอกว่าจะช่วยผมซัก แต่ว่าตอนนี้ทำไมเสื้อของผมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?”หางคิ้วหยวนจวินห้าวยกขึ้น จากนั้นก็มองไปยังคนที่อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่ง“เจ้าล่ายจื่อ คุณอธิบายให้ผมด้วยว่านี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
คนที่เขาเรียกว่าเจ้าล่ายจื่อก็คือผู้ที่ก่อนหน้านี้ถ่ายรูปของเวินลั่วฉิงคนนั้น
“ผม ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?เป็นไปได้ไหมว่าถูกขโมยตอนผมตากเสื้อผ้า?”บัดนี้เจ้าล่ายจื่อยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น แต่สองขาเริ่มสั่นเทาเล็กน้อย
“ถูกขโมยตอนตากเสื้อ?รูปร่างของเขาเหมือนกับคนในกลุ่มเกือบทั้งหมด ทำไมบังเอิญมาขโมยของผมได้ล่ะ?อีกทั้งยังอยู่ในช่วงหลังจากที่คุณทำเสื้อผมเลอะแล้วด้วย?”มุมปากหยวนจวินห้าวยกโค้งขึ้น มองเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“เออ เออ?ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ?”เจ้าล่ายจื่อไม่รู้ว่าควรตอบยังไง ชั่วขณะนั้นหน้าผากก็มีเหงื่อไหลซึมออกมา
“ก่อนหน้านี้คนนี้ยังถ่ายรูปเป็นหลักฐานให้พวกเราดู เรื่องนี้บังเอิญเกินไปหรือเปล่า”ท่านหลี่ก็เสริมขึ้นมาหนึ่งประโยคได้อย่างพอดิบพอดี
“ตอนนั้น เดิมทีพวกเราจะออกไปอยู่แล้ว แต่เขาลากพวกผมไปดูความคึกคักที่เกิดขึ้น ตอนที่เขาถ่ายรูปนั้นก็คือตอนที่บุคคลนั้นยื่นเอกสารให้คุณถังอยู่”มีคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งก่อนได้สติกลับคืนมา จึงรีบพูดรายละเอียดขึ้นมาหนึ่งรอบ
“ใช่แล้ว ตอนนั้นผมก็รู้สึกแปลกๆ ยังถามเขาอยู่เลย ตอนนั้นเขาบอกว่าจะให้คุณถังดู เมื่อเขาถ่ายเสร็จก็ลากพวกเราออกไป ฉะนั้นพวกเราจึงไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง ”
“หากตอนนั้นพวกเราไม่ออกไป แต่รอดูต่อก็คงต้องรู้ว่าคุณถังรับเอกสารจากบุคคลผู้นั้นหรือไม่ แต่เขาลากพวกเราออกไปหมด จึงไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ต่อจากนี้เลย”มีคนหนึ่งช่วยเตือนความทรงจำ คนอื่นก็พลอยกระจ่างไปด้วย
“เขาบอกว่าอยากรู้อยากเห็น จึงลากพวกเราไปดู แต่ก็ไม่ให้พวกเราดูจนจบ เรื่องนี้แปลกพิลึกน่าดู คล้ายกับให้พวกเราดูในสิ่งที่เขาอยากให้พวกเราดูโดยเฉพาะ”
ตอนนี้คำพูดที่คนพวกนี้เอ่ยขึ้นมาเพียงพอต่อความชัดเจนของเรื่องทั้งหมดแล้ว
“คนรับผิดชอบไขปริศนา คุณว่าเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ?อย่ามัวแต่ทำตัวลี้ลับอยู่เลย”จู่ๆหยวนจวินห้าวก็หันไปมองเวินลั่วฉิง ยกหางคิ้วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เกิดอะไรขึ้น คาดว่าผู้อาวุโสทุกท่านที่อยู่ในนี้คงเข้าใจกันหมดแล้ว ยังต้องให้ฉันพูดอีกเหรอ?เรื่องนี้หัวหน้ากงเป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบด้วยตัวเองอยู่นะ”เวินลั่วฉิงยิ้มบางๆ ถึงตอนนี้เรื่องกระจ่างแจ้งดีแล้ว ทุกคนที่อยู่ในนี้ไม่ใช่คนโง่ ใครจะไม่เข้าใจกัน?
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผลลัพธ์ที่เธออยากได้บรรลุเป้าหมายแล้ว ขั้นตอนต่อมา……