บทที่ 561 ถังจื่อโม่ไปพบคุณย่าแท้ๆ (1)
“เด็กคนนี้ไม่เลวจริงๆ ฉันก็ชอบเหมือนกัน แต่เกรงว่าซือเฉินจะไม่ยินยอม หากพวกเราไปหมั้นหมายกันเอง แต่ซือเฉินไม่ยอมแต่งงานด้วย พอถึงเวลานั้นเกรงว่า……”คุณย่าเย่เห็นด้วยกับความคิดของคุณปู่เย่ แต่หล่อนรู้จักนิสัยใจคอของเย่ซือเฉินดี รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย
“คุณวางใจไปทำตามที่ผมบอกได้เลย ผมมีวิธีให้เขาแต่งงานกับกู่หยิงหยิง”มุมปากคุณปู่เย่กระตุก หัวเราะขึ้นมากะทันหัน เพียงแต่รอยยิ้มที่ฉายออกมาเจือกลอุบายและความโหดร้ายเอาไว้
เซี่ยเถียนเถียนได้ยินคำพูดของคุณปู่เย่พลันอิจฉาตาร้อน ทำไมต้องเป็นกู่หยิงหยิง เพราะอะไรถึงเป็นกู่หยิงหยิง หล่อนเทียบชั้นกู่หยิงหยิงไม่ติดตรงไหน?
หล่อนสวยกว่ากู่หยิงหยิงเป็นไหนๆ
หล่อนต้องคิดหาหนทางไม่ให้กู่หยิงหยิงได้แต่งงานกับเย่ซือเฉินเด็ดขาด
หลังจากที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จากไป เซี่ยเถียนเถียนถึงจะเดินออกมา บัดนี้หล่อนลืมเรื่องจะไปเยี่ยมเพื่อนเสียสนิท เดินตรงไปยังด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เซี่ยเถียนเถียนเดินออกมาจากโรงพยาบาลก็เจอกับโจว๋อันหนานเข้าอย่างพอดิบพอดี
“พี่สาวลูกพี่ลูกน้อง ยังไม่กลับอีกเหรอ?”เซี่ยเถียนเถียนรู้สึกประหลาดใจที่เจอหน้าหล่อน
“อืม ทางนี้มีคนไข้คนหนึ่ง ผอ.ให้ฉันมาช่วยดูแล”โจ๋วอันหนานมองหน้าเซี่ยเถียนเถียนพลันอธิบายอย่างง่ายดายด้วยสีหน้าเรียบเฉย เย็นชา ไม่ได้สนิทสนมกลมเกลียวเฉกเช่นเมื่อก่อนแล้ว
เพียงแต่ขณะที่โจ๋วอันหนานกล่าวอยู่นั้นดวงตาพลันกะพริบไปมาอย่างรวดเร็ว
หล่อนไม่ได้ถามเซี่ยเถียนเถียนเรื่องอื่น เพราะหล่อนรู้ดีว่าเซี่ยเถียนเถียนจะเป็นฝ่ายบอกตนด้วยตัวเอง
“พี่ ฉันรบกวนเวลาพี่ไม่กี่นาทีได้ไหม?”เป็นดังคาด วินาทีต่อมา จู่ๆเซี่ยเถียนเถียนก็ลากหล่อนไปด้านข้าง ลดเสียงลงมาพูดหลายส่วน“พี่ ฉันบอกอะไรให้ฟังนะ เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปดูงิ้วเด็ดๆมา”
“หา?”โจ๋วอันหนานขมวดคิ้วพลันจ้องมองหล่อนด้วยความสงสัย
“เมื่อกี้ฉันเห็นคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ไปหาเวินลั่วฉิงมา ฉันได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ช่างน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ เวินลั่วฉิงถึงกับเคยแต่งงานกับคุณชายสามเย่ แต่พวกเขาได้หย่าร้างกันแล้ว ซึ่งเวินลั่วฉิงยังคงพัวพันอยู่กับคุณชายสามเย่อย่างไร้ยางอาย สาเหตุที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่หาหล่อนก็เพราะอยากให้หล่อนออกไปจากชีวิตของคุณชายสามเย่ แต่ว่าเวินลั่วฉิงเก่งกาจมาก ทำให้คุณย่าเย่ถึงขั้นคุกเข่าขอร้องหล่อน คุณปู่เย่จะกระโดดตึกอยู่แล้ว หล่อนก็ยังไม่รับปาก”เซี่ยเถียนเถียนกดเสียงต่ำพลันพูดด้วยความเร็ว
“อย่าพูดไปเรื่อยนะ”สีหน้าโจ๋วอันหนานเคร่งขรึม จ้องมองหล่อนด้วยความตักเตือน
“พี่ ฉันไม่ได้พูดไปเรื่อยนะ ฉันมีหลักฐาน เมื่อกี้ฉันบันทึกวิดีโอไว้ด้วย พี่ไม่รู้ว่าเวินลั่วฉิงโหดร้าย ไร้ปรานีแค่ไหน แต่ตอนที่คุณปู่เย่จะกระโดดตึกจริงๆ หล่อนก็รับปากแล้ว”เซี่ยเถียนเถียนพูดพลันเปิดวิดีโอที่บันทึกเมื่อสักครู่นี้ให้โจ๋วอันหนานดู
ดวงตาโจ๋วอันหนานกะพริบอย่างรวดเร็ว สีหน้าดูคล้ายกับไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร แต่ดวงตากลับจ้องเขม็งภาพวิดีโอแบบไม่ละสายตากันเลยทีเดียว
หล่อนเห็นเวินลั่วฉิงตอบตกลงว่าจะไม่แต่งเข้าบ้านตระกูลเย่อีกก็เม้มปากขึ้นมา คล้ายกับโล่งอกไปหนึ่งเปลาะด้วยจิตใต้สำนึก
หล่อนเห็นเวินลั่วฉิงบอกคุณปู่เย่ว่าอยากกระโดดก็กระโดดเลย ดวงตาทั้งคู่ก็หรี่ขึ้นมา นัยน์ตามีประกายแสงที่ผิดปกติแวบผ่าน
“น้องบันทึกวิดีโอนี้เพื่ออะไร?”โจ๋วอันหนานแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก แกล้งทำเป็นจ้องมองเซี่ยเถียนเถียนแบบธรรมชาติ
“แน่นอนก็ต้องไปลงโซเชียลอยู่แล้ว ตอนนี้โลกออนไลน์มีผลกระทบยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่น หากฉันแพร่วิดีโอนี้ออกไปเมื่อไหร่ รับรองว่าเวินลั่วฉิงจะต้องกลายเป็นหนูตามซอกซอยที่ใครเห็นเป็นต้องทุบตีให้ตายแน่ๆ”สีหน้าของเซี่ยเถียนเถียนเกิดความลำพองใจหลายส่วนอย่างเห็นได้ชัดเจน
“พี่ขอห้ามน้องว่าอย่าไปหาเรื่องใส่ตัว พี่รู้จักซือเฉินดี หากเขารู้เรื่องจะไม่ปล่อยน้องไปแน่ อีกอย่างสุดท้ายเวินลั่วฉิงก็รับปากแล้วไม่ใช่เหรอ?อันที่จริงเรื่องนี้เวินลั่วฉิงก็ไม่ได้ผิดอะไร ฉันรู้เรื่องระหว่างเย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงไม่น้อย เย่ซือเฉินรักเวินลั่วฉิงนะ……”โจ๋วอันหนานห้ามปรามหล่อนด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“อะไรนะ คุณชายสามเย่ชอบเวินลั่วฉิง?”เซี่ยเถียนเถียนได้ยินคำพูดของโจ๋วอันหนานพลันรู้สึกบันดาลโทสะ ดวงตาของหล่อนหรี่ขึ้นอย่างดุร้าย“ไอ้ขี้เหร่อย่างเวินลั่วฉิงจะคู่ควรกับคุณชายสามเย่เหรอ?”
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด เวินลั่วฉิง นังสารเลว ยัยขี้เหร่ ฉันต้องสั่งสอนเธอหน่อยแล้ว พี่ คำพูดของพี่เมื่อกี้เตือนสติฉัน ฉันไม่ใช้มือถือของตัวเองแพร่วิดีโออันนี้ พอถึงเวลาคุณชายสามเย่ก็จะตรวจสอบไม่ถึงตัวฉัน สำหรับเรื่องที่เวินลั่วฉิงตอบรับปากตอนท้ายยิ่งไม่มีปัญหา เพราะสามารถตัดต่อวิดีโอได้ ฉันจะตัดตอนที่เวินลั่วฉิงตอบตกลงทิ้ง เหลือไว้แต่เพียงภาพที่เวินลั่วฉิงให้คุณปู่เย่กระโดดตึกไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งวิเศษเลย”เซี่ยเถียนเถียนมีความอิจฉาริษยาสูง แต่กลอุบายไม่แยบยล สมองไม่ได้เฉลียวฉลาด แต่คำพูดของโจ๋วอันหนานกลับเตือนสติหล่อนได้เป็นอย่างดี
“เถียนเถียน อย่าไปทำซี้ซั้ว”โจ๋วอันหนานเอ่ยกับหล่อนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“พี่ เรื่องนี้พี่ไม่ต้องยุ่ง ฉันรู้ว่าควรทำยังไง พี่ไปดูแลคนไข้ของพี่เถอะ”เวลานี้เซี่ยเถียนเถียนไม่มีเวลาคลุกคลีอยู่กับโจ๋วอันหนาน จึงโบกมือให้โจ๋วอันหนาน ก่อนที่จะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
โจ๋วอันหนานไม่ได้ขัดขวางหล่อน ไม่ได้เรียกหล่อนให้หยุดแต่อย่างใด
หลังจากที่เซี่ยเถียนเถียนออกไป โจ๋วอันหนานก็ยืนอยู่กับที่ชั่วครู่ หล่อนไม่ได้เข้าไปด้านในโรงพยาบาล แต่รีบเดินออกไปด้านนอกทันที
หลังจากที่เวินลั่วฉิงออกมาจากโรงพยาบาลก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะจากที่เธอรู้จักคุณปู่เย่ คุณปู่เย่สามารถทำเรื่องอย่างนี้ออกมาได้ก็ไม่ถือว่าแปลกประหลาดอะไร
เวินลั่วฉิงช่วยคุณปู่เวินรับยามาแล้ว ดังนั้นจึงขับรถกลับบ้านตระกูลเวินอย่างรวดเร็ว
เวินลั่วฉิงเพิ่งเทียบจอดรถ มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา เวินลั่วฉิงเห็นว่าเป็นสายจากเยว่หงหลิง ดวงตาทั้งคู่พลันสว่างวาบ
ก่อนหน้านี้เธอเคยคุยกับพี่หงหลิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้พี่หงหลิงพาตัวลูกรักทั้งสองกลับมาที่เมืองA พี่หงหลิงโทรมาเวลานี้ หรือจะเป็นเพราะได้พาลูกรักทั้งสองเดินทางมาถึงเมืองAแล้ว?!
เวินลั่วฉิงไม่ได้รีบลงจากรถ แต่รีบรับสายโดยพลัน
เมื่อนึกว่าจะได้เจอหน้าลูกรักทั้งสองแล้ว ในใจเธอก็อดที่จะดีใจไม่ได้
เมื่อกี้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่บีบคั้นเธอเช่นนี้ และบวกกับปฏิกิริยาของทั้งสองที่มีต่อเธอก่อนหน้านี้ เวินลั่วฉิงจึงไม่อยากให้พวกเขารู้เรื่องลูกรักทั้งสองของเธอ
แต่สาเหตุนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความคิดของเวินลั่วฉิงที่จะพาเด็กทั้งสองกลับเมืองAได้
“พี่หงหลิง พวกพี่ถึงเมืองAแล้วเหรอ?”เมื่อรับสายเวินลั่วฉิงก็เอ่ยถามด้วยความยิ้มแย้ม
“ฉิงฉิงพวกเรายังไม่ได้กลับไป ตอนแรกคิดจะกลับวันนี้ แต่มีคุณป้าท่านหนึ่งเชิญเด็กๆไปเที่ยวเล่นที่บ้านของท่าน เด็กทั้งสองรับปากไว้แล้ว ดังนั้นจึงกลับช้าไปหนึ่งวันนะ”เยว่หงหลิงรีบอธิบาย
“คุณป้า?คุณป้าไหน?”เวินลั่วฉิงหยุดชะงัก รู้สึกสงสัย“พวกพี่ไปท่องเที่ยวไม่ใช่เหรอ?อยู่ตรงโน้นยังรู้จักคนอีกเหรอ?”