บทที่ 616 คุณชายสามเย่ถูกวางยา (3)
“พี่เหวิน หลายปีมานี้ ฉันช่วยพี่ปกปิดความลับมาโดยตลอดเลย อีกอย่างยังปิดความลับได้ดีมากๆ อีกด้วย ที่ฉันทำแบบนี้ เพราะเห็นแก่ความเป็นสามีภรรยาของเรา…..” จินหมิงเจินยิ้มที่มุมปาก เขาตั้งใจหยุดพูดในขณะนี้ แต่ว่าความหมายนั้นกลับเห็นได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้ว่าเย่โป๋เหวินไม่เคยแต่งงานกับเธอ ตระกูลเย่ก็ไม่เคยยอมรับเธอ แต่ไม่ว่ายังไงแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงของเย่โป๋เหวิน อีกอย่างเธอยังคลอดลูกชายให้กับเย่โป๋เหวินอีกด้วย
เย่โป๋เหวินก็ยังคงไม่พูดอะไร มองดูแววตาของเธอค่อยๆ หันออกไป ไม่ได้มองจินหมิงเจินอีก
“พี่เหวิน พี่ลองคิดพิจารณาดีๆ นะ หนูไม่ได้พูดเล่นนะ หลังจากที่จินหมิงเจินเห็นสภาพเขาในแบบนี้แล้ว ก็อึ้งไปอย่างเห็นได้ชัดเจน”
เธอคิดว่าเขาอาจจะกลัว อาจจะกระวนกระวาย แต่ว่าการตอบสนองนี้ทำให้เธอเคว้งไปเลย
“พี่เหวิน พี่น่าจะรู้ดีนะ ถ้าหากเรื่องในตอนนี้ถูกเย่ซือเฉินรู้เข้าแล้ว ผลที่ตามมาจะเป็นยังไง” จินหมิงเจินพูดเสริมเพิ่มอีกประโยคหนึ่ง
“20ปีแล้ว สิ่งที่ต้องเกิดก็ต้องเกิดอยู่ดี” เย่โป๋เหวินยิ้มที่มุมปากอ่อนๆ ในที่สุดเขาก็พูดออกเสียงแล้ว แต่ว่า เขาไม่ได้หันไปมองจินหมิงเจิน
“เธอก็อาศัยอยู่ในบ้านเย่มานานพอสมควรแล้ว” คำพูดของเย่โป๋เหวินหยุดไปสักพัก จากนั้นก็พูดเสริมเพิ่มอีกหนึ่งประโยค
ร่างกายของจินหมิงเจินอึ้งไปเลย ดวงตาคู่กลมๆ นั้นเบิกกว้างขึ้นทันที แน่นอนว่าเธอเข้าใจความหมายคำพูดนี้ของเย่โป๋เหวินดี
เขาไม่กลัวว่าเรื่องในตอนนั้นจะถูกเปิดโปงออกมา อีกอย่างถ้าหากถูกเปิดโปงแล้ว เธอก็อย่าคิดที่จะอยู่ที่บ้านเย่ต่อแล้ว
เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเย่โป๋เหวินนั้นไร้ความรู้สึก การไร้ความรู้สึกของเขาสามารถฆ่าคนได้เลย ก็เหมือนกับเมิ่งหยูเยียนในตอนนั้น
ไม่ว่ายังไงเมิ่งหยูเยียนก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา แต่เธอนั้นไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ตอนนั้นเขายังสามารถไร้ความรู้สึกกับเมิ่งหยูเยียนแบบนั้น โหดร้ายได้ขนาดนั้น แล้วจะนับภาษาอะไรกับเธอ?
เธอเองก็เข้าใจดี เย่โป๋เหวินในตอนนี้สามารถทำได้ถึงว่าไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว แต่ว่าเธอไม่สามารถทำได้
“พี่เหวิน ฉันก็แค่ล้อเล่น ฉันเข้าใจสถานะของฉันดี ฉันไม่มีทางบังคับให้พี่เหวินทำเรื่องใดๆ ทั้งนั้น” หลังจากที่จินหมิงเจินดึงสติกลับมาได้ ท่าทีก็เปลี่ยนไปทันที
“ไป” เสียงที่เย็นชาสุดขีดของเย่โป๋เหวินดังผ่านมาอีกครั้ง
“ได้ ได้ ฉันไป ฉันรีบไปเลย” ครั้งนี้ จินหมิงเจินไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว รีบจากไปเลย
เย่โป๋เหวินนั่งอยู่บนรถเข็น แววตาทั้งสองกำลังจ้องโต๊ะอยู่ โดดเดี่ยวเงียบเหงามาก
เย่ซือเฉินกลับมา สิ่งที่เจอก็คือเย่โป๋เหวินในแบบนี้
ห้องรับแขกในขณะนี้มีเพียงแต่เย่โป๋เหวิน
เย่ซือเฉินหรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตรงไปเลย แล้วไปยืนอยู่ข้างหน้าของเขา มองดูเขา แต่กลับไม่พูดอะไร
เย่โป๋เหวินหันหลังหลับไปมองเขา ขยับริมฝีปากเล็กน้อย “นั่ง”
ขณะนี้ เสียงของเขาต่ำมาก ไม่ได้เย็นชาเหมือนกับที่พูดกับจินหมิงเจินเมื่อกี้
เย่ซือเฉินอึ้งไปเล็กน้อย ตั้งแต่ที่คุณแม่จากไป นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาคุยกับเย่ซือเฉินก่อน
หัวใจของเย่ซือเฉินสั่นเล็กน้อย ตอนนั้นเขามีอายุเพียงเก้าขวบ หลังจากที่คุณแม่จากไปแล้ว ก็หวังที่จะได้รับความรักจากคุณพ่อ แต่ว่าคุณพ่อเขากลับไม่ไถ่ถามไม่ดูแลเขาเลย ไม่มีใครรู้ว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เขาผ่านมาได้ยังไง
เย่ซือเฉินกดทับอารมณ์ที่อยู่ในใจลงไป นั่งลงพร้อมใบหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึก กลับไม่ได้พูดอะไร
หลายปีมานี้ พวกเขาสองพ่อลูกไม่เคยพูดคุยกันเลย เขาไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดอะไรกับอีกคน
“ช่วงนี้มีความกดดันสูง?” เย่โป๋เหวินเงยหน้าขึ้นมองไปทางเขา หลังจากที่นึกถึงคำพูดของคุณย่าเย่แล้ว เขาก็เปิดปากพูดก่อน
หลายปีแล้วที่ไม่เคยคุยดีๆ กับลูกชายเลย การที่พูดมาถึงขั้นนี้ทำให้เย่โป๋เหวินรู้สึกว่ายากมาก
เย่ซือเฉินรีบเงยหน้าขึ้น มองไปทางเขา
ขณะนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าภายในแววตาของเย่ซือเฉินมีความตกใจและความอึ้ง
แต่ว่า ในเวลาเดียวกันแววตาของเย่ซือเฉินก็มีความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ”
พ่อคนหนึ่งที่ไม่เคยคุยกับเขาก่อนเลยมาตลอดระยะเวลา20ปี พ่อคนหนึ่งที่ปฏิเสธที่จะเจอเขามาโดยตลอด จู่ๆ ก็พูดกับเขาก่อน ยังเป็นคำพูดที่ห่วงใน ทำไมเขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามีเป้าหมายอยู่ในนั้น
เย่โป๋เหวินเงยหน้าขึ้นแล้วขมวดคิ้ว เม้มปากเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดปากพูดว่า “ไม่มี”
คำว่าไม่มีของเขาพูดได้ง่ายมาก ไม่มีอารมณ์ใดๆ แฝงอยู่เลย
เย่ซือเฉินหรี่ตาอีกครั้ง มองดูสภาพของเขา ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “ทำไมถึงกลับมากะทันหันล่ะ?”
“คุณปู่ของนายให้คนรับฉันกลับมา” เย่โป๋เหวินตอบกลับตรงๆ ไม่มีการปิดบังใดๆ
“เพราะอะไร?” เย่ซือเฉินอึ้งไปสักพัก ดวงตาของเขาค่อยประกายแสงขึ้น
“ไม่รู้” ในตอนที่เย่โป๋เหวินพูดประโยคนี้ ใบหน้าก็ยังคงไม่มีอารมณ์ใดๆ น้ำเสียงยังคงเบาและไม่มีอะไรผิดปกติ
เย่ซือเฉินมองไปทางเขา ทันใดนั้นก็ยิ้ม รอยยิ้มนั้นดูซับซ้อนมาก เย่ซือเฉินรู้ว่าเย่โป๋เหวินในตอนนี้ไม่ได้พูดโกหก
เพราะว่าไม่จำเป็น พ่อคนหนึ่งที่ไม่เคยสนใจเขามาเลย20ปี ไม่มีความจำเป็นที่จะพูดโกหก
เย่ซือเฉินไม่รู้ว่าขณะนี้เขาควรจะเศร้าใจหรือว่าดีใจ
เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไร เย่โป๋เหวินก็ไม่ได้เปิดปากพูดอีก
เย่โป๋เหวินมองไปทางกาน้ำชาข้างหน้า ยื่นมือไปเติมชา จากนั้นก็ยื่นไปทางข้างหน้าของเย่ซือเฉิน “ดื่มชาเถอะ”
เย่โป๋เหวินรู้สึกผิดต่อลูกชายคนนี้มาโดยตลอด เพราะว่ารู้สึกผิดในใจ ฉะนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะหลบหนี
20ปีแล้ว เขาหลบหนีมา20ปีแล้ว หลบหนีหน้าที่ทั้งหมด และให้ลูกชายของเขามาแบกรับแทนเขาทั้งหมด
คำพูดของคุณย่าเมื่อกี้ และคำพูดของจินหมิงเจิน ต่างก็ทำให้ความรู้สึกผิดในใจของเขาลึกมากยิ่งขึ้น
เย่ซือเฉินอึ้งไปเลย 20ปีมานี้ ปกติคุณพ่อไม่พูดกับเขาสักคำ วันนี้จู่ๆ ก็มาเติมชาให้เขา?!
เขารู้สึกว่าไม่ค่อยปกติ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เห็นถึงความปิดปกติอะไรบนใบหน้าของเย่โป๋เหวิน
ถ้าหกพูดว่ามี นั่นก็คือความรู้สึกผิด ความรู้สึกผิดที่คนเป็นพ่อมีต่อลูก แล้วก็ความอยากจะทดแทนและชดใช้ในความรู้สึกผิด
20ปีที่ไม่ไถ่ถามไม่ดูแล ฉะนั้นเขาในวันนี้จึงอยากจะชดใช้!!
เย่ซือเฉินสูดหายใจลึก สุดท้ายก็ยื่นมือออกไป รับชาในมือของเย่โป๋เหวินมา แล้วดื่มไปคำหนึ่ง
ตอนเขาเก้าขวบ คุณแม่จากไป ฉะนั้นเขาต้องการความรักจากคุณพ่อมากกว่าใครๆ
เมื่อก่อน คุณพ่อดีต่อเขามาก ดีต่อคุณแม่ด้วย แต่เพราะว่าตอนนั้นเกิดเรื่องขึ้น คุณพ่อเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย เขาเข้าใจความยากลำบากในใจของคุณพ่อดี เขาก็รู้ดี เรื่องในตอนนั้น มันเป็นเหมือนการทำร้ายอย่างหนึ่งสำหรับคุณแม่ คุณพ่อก็เช่นกัน
ดังนั้น ตลอดหลายปีนี้ ถึงแม้คุณพ่อจะไม่ไถ่ถามไม่ดูแล เขาก็ไม่เคยโทษคุณพ่อเลย
“ครั้งนี้กลับบ้านมาอยู่กี่วันหรอ?” เย่ซือเฉินดื่มชาในแก้วจนหมด แววตาดูผ่อนคลายลงเยอะมาก และเปิดปากพูดก่อน
เย่โป๋เหวินไม่ได้รีบตอบคำถามของเขา แค่เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางบนตึก