หลินเป้ยคิดไปถึงเรื่องราวคืนนั้น นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับถังหลิน……
ทันใดนั้นหลินเป้ยรู้สึกตกใจ หลินเป้ยเธอกำลังคิดอะไรอยู่?เธอกำลังคิดอะไรอยู่?
คิดแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!!
โชคดี เพราะใช้ลิฟต์ ไม่นานก็ไปถึงชั้นแปด บนชั้นแปดไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งช่วงนี้มีเพียงพวกเขาสามคนเข้าพักในชั้นนี้ ปกติไม่มีคนขึ้นมาตรงนี้เลย
ดังนั้น เมื่อมาถึงชั้นแปด พอออกจากลิฟต์ การตอบสนองแรกของหลินเป้ยคือคิดจะหนี แต่เมื่อเธอประเมินสถานการณ์ด้วยสายตา
พบว่าจากตรงนี้ไปถึงห้องพักของเธอมันมีระยะห่างอยู่ เธอรู้ว่า ด้วยความเร็วของเธอคงหนีไม่พ้นเป็นแน่
ถังหลินนั้นแข็งแกร่งมาก เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา
เธอคิดอยากหลุดออกจากอุ้งมือของถังหลินเช่นนี้ มันเป็นไปไม่ได้
ดังนั้น หลินเป้ยระงับความวู่วามในการหนี ศีรษะของเธอยังคงพิงอยู่บนไหล่ของถังหลิน
“ไปห้องของคุณ?หรือไปห้องของฉัน?”ศีรษะของหลินเป้ยพิงอยู่บนไหล่ของถังหลิน เธอชูหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากของเธอก็อยู่ใกล้กับหูของเขาพอดี เสียงของเธอเบามาก เจือความอ่อนโยนหลายส่วน
ถังหลินมองหน้าเธอ แววตาพลันหรี่ขึ้น ซึ่งปนการมองประเมินไว้หลายส่วน อีกทั้งยังมีความสงสัยอีกหลายส่วนร่วมด้วย
เมื่อสักครู่ตอนอยู่ชั้นล่าง เธอยังพยายามสุดขีดเพื่อที่จะแบ่งเส้นขวางกั้นระหว่างเธอกับเขา แล้วการตอบสนองในตอนนี้ถือเป็นเรื่องปกติไหม?
เห็นได้ชัดว่าไม่ปกติ ไม่ปกติมากๆ!!!
เห็นถังหลินสงสัย มุมปากหลินเป้ยก็ยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มออกมา
ทันใดนั้นหลินเป้ยยืนตัวตรง ก่อนจะเขย่งเท้า จากนั้นก็จูบไปที่ริมฝีปากของเขา
เพราะอย่างไรเสีย สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ คืนนั้นก็ทำหมดแล้ว งั้นตอนนั้นจูบเพิ่มอีกหน่อยจะเป็นไรไป?!
ในใจหลินเป้ยรู้ดี ถ้าให้ถังหลินเข้าห้องของเธอ ทั้งสองอยู่ในห้องเพียงลำพัง เช่นนั้นก็ไม่ใช่แค่การจูบเท่านั้นแล้วแหละ
ดังนั้น เธอปล่อยให้ถังหลินเข้าห้องไม่ได้เด็ดขาด ไม่ได้เป็นอันขาด
หลินเป้ยจูบเขาครั้งหนึ่งแล้วก็ปล่อยออก แต่มือของเธอยังคงคล้องคอเขาไว้:“ไปห้องฉันแล้วกัน ห้องฉันใกล้กว่า”
ตอนที่หลินเป้ยพูด เธอคล้องคอเขาพร้อมกับเดินไปยังห้องพักของเธอ
ถังหลินหรี่ตาขึ้น เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย ดังนั้น เขายังคงมีความระแวงหลายส่วน
อันที่จริงจากตรงนี้ไปห้องหลินเป้ยก็ไม่ได้ไกลมากนัก แต่หลินเป้ยเดินช้ามาก ระหว่างนั้นเธอยังเขย่งเท้าไปจูบถังหลินหลายครั้ง แน่นอนแต่ละครั้งก็คือจูบแบบพิธีเท่านั้น
พูดให้เข้มงวดหน่อยก็คือ มันไม่ได้ถือว่าเป็นการจูบเลย น่าจะเรียกว่าหอมมากกว่า
ตอนแรกถังหลินไม่ได้ตอบสนองอะไร ปล่อยให้เธอทำตามใจชอบ แต่ตอนที่เธอจูบครั้งที่สี่ แววตาถังหลินก็มืดทะมึน ตอนที่เธอจูบแล้วคิดจะถอยออก มือข้างหนึ่งของถังหลินก็จับท้ายทอยของเธอไว้ จากนั้นก็ใช้แรงจูบเธอ
หลินเป้ยชะงัก มุมปากยกขึ้นเผยรูปเรเดียนออกมาเล็กน้อย หลินเป้ยไม่ได้ปฏิเสธ ไม่ได้ต่อต้าน ในทางกลับกันเธอยังให้ความร่วมมือ
เอามือคล้องคอเขาไว้
แต่ ระหว่างนี้ เท้าของเธอยังคงเคลื่อนย้าย เธอนำเขาเดินไปยังประตูห้องของเธอ
ตอนที่มาถึงประตูห้องของเธอ ถังหลินยังคงจูบเธอไม่หยุดยั้ง หลินเป้ยก็ไม่ได้ห้าม แต่มือข้างหนึ่งของเธอล้วงเข้ากระเป๋า เอาคีย์การ์ดออกมา จากนั้นก็พยายามเปิดประตูออก
แต่เธอเปิดหลายครั้งก็เปิดไม่ได้
“ถังหลิน หยุดก่อน ฉันเปิดประตูก่อน”เธอใช้แรงผลักถังหลินเบาๆ
หางคิ้วถังหลินขมวดเล็กน้อย ถึงแม้ไม่เต็มใจ แต่อยู่นอกประตูก็ไม่ค่อยเหมาะสมนัก อีกทั้งเมื่อเขากับหลินเป้ยขึ้นมาแล้ว เจ้าชายใหญ่ก็อาจจะตามขึ้นมาได้……
คิดมาถึงตรงนี้ ถังหลินจึงให้ความร่วมมือ หยุดการกระทำ
แต่ถังหลินยังคงโอบเอวเธอไม่ปล่อย
มุมปากหลินเป้ยยกโค้งขึ้นอีกครั้ง เธอเปิดประตูอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้แป๊บเดียวก็เปิดได้แล้ว
วินาทีต่อมา หลินเป้ยก็รีบดันประตูเข้าไป หลุดออกจากอ้อนแขนของถังหลินไปโดยปริยาย เธอพุ่งเข้าไปถึงห้องอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้ถังหลินตอบสนองทัน เสียงปิดประตูก็ดังปัง จากนั้นก็ทิ้งให้ถังหลินอยู่ด้านนอก
หลินเป้ยมองประตูที่ถูกล็อคเป็นที่เรียบร้อย พลางโล่งอกในที่สุด ถังหลินอยากเข้าห้องของเธอ?อย่าได้คิดเชียว!!
เห็นทีการที่เธอใช้แรงพิศวาสเข้าช่วย มันได้ผลดีแท้ สามารถขังถังหลินไว้นอกประตูสำเร็จแล้ว
ถังหลินที่ถูกปิดประตูทิ้งอยู่ด้านนอก ใบหน้าก็มืดครึ้มในชั่วพริบตา ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์เสียจริงๆ
ดังนั้น เมื่อกี้เธอจงใจยั่วสวาท ไม่ใช่เพราะมีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น แต่เพื่อสลัดเขาทิ้งต่างหาก?
ดี ดีมาก เขาจะดูว่าเธอหนีไปถึงที่ไหน?