เจิ้งฉงคิดว่าสามารถวางอุบายจากเรื่องนี้ได้ ถ้าทำออกมาดี ไม่แน่เขาอาจประสบความสำเร็จพรวดพราดขึ้นมาเลยก็ได้
หลังจากที่ซุนซิ่งกลับไปแล้ว เจิ้งฉงก็กลับไปในห้องอย่างรวดเร็ว ในห้องมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังรอเขาอยู่
“เป็นอะไร? มีเรื่องอะไรเหรอ?” หญิงสาวรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว ว่าเจิ้งฉงในตอนนี้ไม่เหมือนเดิม
“มีข่าวเรื่องหนึ่ง ฉันคิดว่าสำหรับพวกเรามันเป็นข่าวดีเรื่องหนึ่งเลยล่ะ” เจิ้งฉงไม่ได้ปิดบัง เพราะเขาจำเป็นต้องให้ผู้หญิงคนนี้ช่วยเขาออกความคิดเห็น
ผู้หญิงคนนี้มีความคิดที่ร้ายกาจมาโดยตลอด
เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้อยู่กับเขาไม่ใช่เพราะรักอะไรในตัวเขาหรอก แต่เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้จำเป็นต้องให้เขาช่วยเหลือ ในเมื่อเธอต้องให้เขาช่วยเหลือ เขาจึงไม่กลัวว่าเธอจะหักหลัง
“ข่าวอะไรเหรอ?” ดวงตาของหญิงสาวกะพริบปริบ ๆ ข่าวดีงั้นเหรอ? จะมีข่าวดีอะไรนะ? ตอนนี้มีเพียงต้องกำจัดเวินลั่วฉิงเท่านั้นถึงจะถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับเธอ
แต่เธอรู้ดีว่าการกำจัดเวินลั่วฉิงไม่ง่ายดายขนาดนั้น เมื่อก่อนไม่ง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่มีเย่ซือเฉินกับตระกูลถังคอยปกป้องเธอ
“เมื่อกี้นี้ซุนซิ่งมาบอกข่าวว่าหัวหน้ามาที่เมือง A” เจิ้งฉงดึงเธอมาอยู่ข้างกาย ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมา เพียงแต่ก้อนเนื้อตรงโหนกแก้มนั้น ทำให้ดูไม่หล่อเลยสักนิด
หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ หัวหน้ามาที่เมือง A แล้วเหรอ?
เธอไม่เคยเจอกับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้มาก่อน แต่เคยได้ยินมามากมาย สำหรับคนทั่วไปแล้วหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้นั้นเป็นคนที่เข้าถึงได้ยากมากคนหนึ่ง
ไม่มีใครไม่อยากไปตีสนิทกับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ เพราะหากได้ใกล้ชิดกับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็เท่ากับสามารถรุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นมาในชั่วพริบตา
แต่หลายปีมานี้กลับไม่มีใครที่สามารถใกล้ชิดตีสนิทกับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้เลยสักคน
เพราะไม่มีใครได้เจอกับหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้
ก่อนที่จะมาหาเจิ้งฉง เธอก็คิดที่อยากจะรู้จักกับหัวหน้าที่ลึกลับคนนี้ แต่ไม่ว่าเธอจะทำวิธีไหน ก็ไม่สามารถพบกับหัวหน้าองค์กรที่ลึกลับคนนี้ได้เลย
“หัวหน้ามาที่เมือง A อีกแล้วเหรอ?” เธอรู้ว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตีมาที่เมือง A บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงไม่ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดเท่าไหร่
“มาตามหาคุณนายอีกแล้วเหรอ?” เธออยู่ข้างกายเจิ้งฉงมาตั้งหลายปี จึงรู้เรื่องที่เกี่ยวกับองค์กรโกสต์ซิตี้อยู่พอสมควร
ถึงแม้ทุกครั้งที่หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มาเมือง A เพื่อตามหาคุณนายจะทำอย่างลับ ๆ ไม่ทำให้คนในสาขาของเมือง A แตกตื่น แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ ทางด้านสาขาเมือง A ก็พอรู้เรื่องภายในอยู่บ้าง
เพราะได้ให้ซุนซิ่งเข้าไปคอยสอดแนมอยู่ข้างกายเจ้าเก้า หลายปีที่ผ่านมาเจิ้งฉงจึงได้รู้ข่าวเรื่องที่หัวหน้าตามหาคุณนายมากขึ้น
หลังจากที่เจิ้งฉงรู้ว่าหัวหน้าต้องการตามหาคุณนาย ก็มีความคิดดี ๆ ขึ้นมา เขาคิดว่าถ้าหากเขาช่วยหัวหน้าตามหาคุณนายจนพบ หัวหน้าต้องดีกับเขามากขึ้น และต้องเห็นความสำคัญของเขามากขึ้นแน่นอน
ต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าถึงแม้หัวหน้าจะตามหาคุณนาย ทว่า แม้แต่ชื่อของคุณนายก็ยังไม่รู้เลย ถึงขนาดที่ไม่รู้ว่าคุณนายหน้าตาเป็นยังไง
สิ่งที่หัวหน้ามีก็แค่ภาพเหมือนที่ตัวหัวหน้าเองวาดขึ้นมา และภาพเหมือนที่หัวหน้าวาดก็เห็นหน้าตาไม่ชัดเจน ดังนั้นการที่หัวหน้าตามหาคุณนาย อาศัยความรู้สึกในการตามหาล้วน ๆ
หลังจากที่ได้รับข้อมูลมาเจิ้งฉงก็คิดกลอุบายขึ้นมาได้ทันที เขาให้ซุนซิ่งหาวิธีเอาภาพเหมือนออกมาภาพหนึ่ง
เจิ้งฉงหาผู้หญิงที่รูปร่างสูง หุ่นดีตามลักษณะในภาพเหมือน แน่นอนว่าคนที่เจิ้งฉงหามาล้วนเป็นสาวงามทั้งนั้น
เจิ้งฉงคิดว่าถึงยังไงหัวหน้าก็ไม่รู้ว่าภรรยาตัวเองรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงอยู่ดี ขอแค่คนที่เขาหามาสวยมากพอ และน่าหลงใหล ขอแค่หัวหน้าถูกใจ เรื่องนี้ก็เป็นอันสำเร็จ
แต่เจิ้งฉงคิดไม่ถึงว่า สาวงามหลายคนที่สวยเหมือนนางฟ้าที่เขาหามานั้นกลับไม่เข้าตาหัวหน้าเลยสักคน ได้ยินมาว่าหัวหน้าแค่กวาดตามองผ่าน ๆ แล้วก็ไล่ออกมาเลย
เจิ้งฉงไม่เข้าใจเลยว่า ในเมื่อหัวหน้าไม่รู้ว่าคุณนายหน้าตาเป็นยังไง ทำไมแค่กวาดตามองผ่าน ๆ ก็มั่นใจว่าไม่ใช่คุณนาย?
ต่อมา หลังจากที่ผิดหวังติดต่อกันหลายครั้ง เจิ้งฉงก็เลยยอมแพ้ เพราะเจิ้งฉงแน่ใจแล้วว่าถึงแม้หัวหน้าจะไม่เคยเห็นภรรยาตัวเองมาก่อน แต่ก็ไม่สามารถหลอกได้ง่าย ๆ
“ครั้งนี้ไม่ใช่มาตามหาคุณนายแต่มาตามหาลูกสาว” เจิ้งฉงเข้าไปใกล้หูของหญิงสาว กดเสียงพูดให้ต่ำลงแต่กลับกลบความดีใจเอาไว้ไม่ได้ : “ฉะนั้น ฉันคิดว่านี่เป็นข่าวดีสำหรับพวกเรา”
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจความหมายของเขาทันที : “นายอยากหาผู้หญิงสักคนมาสวมรอยเป็นลูกสาวของหัวหน้า?”
“ฉลาดดีนี่ ไม่เสียแรงที่เป็นผู้หญิงของฉัน” เจิ้งฉงหัวเราะออกมาอย่างสะใจและภูมิใจ : “เรื่องที่หัวหน้าตามหาคุณนายล้วนใช้ความรู้สึกในการตามหา เลยทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น แต่การตามหาลูกสาวต่างกันออกไป ตามหาลูกสาวขอแค่ดีเอ็นเอตรงกันก็พอแล้ว”
“นายคิดจะตบตาหัวหน้าเหรอ? นายคิดว่าหัวหน้าหลอกง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง?” ไป๋หยิงผลักเขาออกเล็กน้อย น้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
เจิ้งฉงเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว นั่นคือหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้เชียวนะ หลอกได้ง่าย ๆ ที่ไหนล่ะ
“เมื่อก่อนอาจจะยาก แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ซุนซิ่งจัดการเจ้าเก้าจนอยู่หมัดแล้ว และเจ้าเก้าก็เป็นคนที่อะเหลียงไว้ใจมากที่สุด ขอแค่มีเจ้าเก้าคอยช่วยเหลือ และพวกเราวางแผนกันให้ละเอียดรอบคอบ เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะพลาดแล้ว” เจิ้งฉงทะเยอทะยานมาโดยตลอด ขอเพียงแค่มีโอกาสเล็กน้อยเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไป : “ไป๋หยิง นี่เป็นโอกาสที่ดีของพวกเรา”
ดวงตาของไป๋หยิงกะพริบไปมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้นิ่งเงียบไม่พูดจา
“ฉะนั้น ฉันต้องการให้เธอช่วยฉันคิดหาวิธีดี ๆ เธอมีความคิดที่ใช้ได้มาตลอด” เจิ้งฉงโอบหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง แล้วพูดกล่อมเสียงเบา : “หลายปีมานี้มีเธอคอยช่วยฉันวางแผน ฉันถึงได้เติบโตอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ขอแค่ครั้งนี้พวกเราทำสำเร็จ ต่อไปพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว”
เจิ้งฉงไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนโยนอะไรนัก ปกติก็ไม่ค่อยเอาใจผู้หญิงอย่างนี้ เพราะปกติมีแต่ผู้หญิงมาคอยเอาอกเอาใจเขา แต่เพื่อผลประโยชน์ เขาจึงต้องพูดจาหวาน ๆ แบบนี้บ้าง
“ถึงตอนนั้นเธออยากได้อะไรฉันจะให้เธอทุกอย่าง” หน้าของเจิ้งฉงซุกไปที่ซอกคอขาว ๆ ของเธอ แล้วกัดลงเบา ๆ คำพูดนี้ถือว่าเป็นคำมั่นสัญญาอย่างหนึ่ง
แต่คำสัญญาแบบนี้เมื่อไหร่ถึงจะเป็นจริงล่ะ? แล้วจะเป็นจริงแบบไหนกันนะ?
ถึงตอนนั้นก็คงมีแต่ผู้ชายคนนี้ที่เป็นใหญ่
ผู้ชายยิ่งมีอำนาจมากขึ้น ก็ยิ่งมีสิทธิ์ทำตามอำเภอใจมากขึ้น การกระทำกำเริบเสิบสานมากยิ่งขึ้น
ใครสามารถรับประกันคำพูดของผู้ชายที่นิสัยกำเริบเสิบสาน ต่ำช้าไร้ยางอายได้ล่ะ?
“นายให้ฉันคิดดูหน่อยแล้วกัน” ดวงตาของไป๋หยิงหลุบต่ำลง เพื่อปกปิดอารมณ์ที่แฝงอยู่ในตา ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ไป๋หยิงเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากคนหนึ่ง เธอไม่ใช่เด็กสาวประเภทนั้นที่เพ้อฝันถึงผู้ชาย ดังนั้นเธอจึงไม่เชื่อคำพูดของเจิ้งฉง
แต่เรื่องที่เจิ้งฉงพูดนั้นมีความเป็นไปได้สูง ถ้าทำออกมาได้ รับรองว่าได้ประโยชน์มากมายเลยทีเดียว
ถึงแม้เธอจะอยู่ข้างกายเจิ้งฉงมาหลายปี แต่เธอก็รู้จักผู้ชายคนนี้ดี ผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริงใจเลยสักนิด
ดังนั้นเรื่องนี้ เธอจำเป็นต้องทำให้อยู่ในเงื้อมมือตัวเอง เธอต้องเป็นฝ่ายคุมเกม