ท่านปู่ถังรู้ ครั้งนี้เกรงว่า……
เวินลั่วฉิงลงจากเครื่องบินแล้ว เปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรหาเยว่หงหลิง เธอโทรเบอร์ปกติที่ใช้ติดต่อกับเยว่หงหลิงโดยเฉพาะ เบอร์นี้นับว่าเป็นเบอร์ที่ใช้ภายในของพวกเขาโดยเฉพาะ คนนอกไม่มีใครรู้
ก่อนหน้านี้เยว่หงหลิงก็ใช้เบอร์นี้ติดต่อเธอ และนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เวินลั่วฉิงต้องรีบมาเช่นกัน
โทรศัพท์ดังขึ้น ทางนั้นกดรับสาย : “ฉิงฉิง เธอถึงแล้วหรือ?”
เสียงของเยว่หงหลิงดูทุ้มต่ำ แต่กลับไม่ได้ยินถึงความรีบเร่งมากเกินไปเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เวินลั่วฉิงสามารถรับรู้ได้ว่าเวลานี้น้ำเสียงของเยว่หงหลิงนั้นกำลังสะกดความรู้สึกตัวเองเอาไว้อยู่
“อืม ฉันถึงแล้ว พี่อยู่ไหน?” เวินลั่วฉิงตอบกลับเบาๆ ใบหน้าไม่มีความผิดปกติใดๆปรากฏออกมา ตอนนี้เธอลงจากเครื่องบินมาแล้ว ไม่ว่าจะมีคนแอบมองเธออยู่หรือเปล่านั้น เธอก็จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังอย่างรอบคอบ
เดิมทีเธอก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
“ฐานปฏิบัติการห้องใต้ดินของเราสองคน” เยว่หงหลิงทางปลายสายนั้นชะงักไปเล็กน้อย : “ฉิงฉิง อย่าบอกคนอื่นนะ….เธอมาแล้วฉันจะอธิบายให้เธอฟัง”
“โอเค” ถึงแม้เวินลั่วฉิงจะรู้สึกแปลกอยู่บ้างแต่กลับไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก ส่วนทำไมเยว่หงหลิงถึงไม่บอกคนอื่นนั้น เวินลั่วฉิงเองก็เดาไม่ออกเช่นกัน
ส่วนสถานที่ที่เยว่หงหลิงพูดถึงนั้น เวินลั่วฉิงเองก็รู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง สถานที่นั้นนับว่าเป็นฐานปฏิบัติการของพวกเขาจริงๆ เพราะสถานที่นั้นเป็นที่ที่พวกเขาสองคนเลือกในการทำภารกิจหนึ่งให้สำเร็จ เพื่อภารกิจในครั้งนั้นพวกเขาสองคนอยู่ที่นั่นเป็นครึ่งเดือน
ต่อมาเยว่หงหลิงก็ได้ซื้อสถานที่นั้นเอาไว้ เพียงแต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ใช้อีกเลย เวินลั่วฉิงเองก็ไม่ได้ไปอีกด้วยเช่นกัน
ทำไมเยว่หงหลิงถึงได้ไปอยู่ในห้องใต้ดินนั้นกัน? แล้วทำไมเยว่หงหลิงถึงไม่บอกคนอื่น?
ในใจของเวินลั่วฉิงนั้นรู้สึกสงสัย แต่เธอก็ยอมเชื่อเยว่หงหลิง ดังนั้นในเวลานี้เวินลั่วฉิงจึงไม่ได้รู้สึกลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วก็ไม่ได้สงสัยด้วยเช่นกัน
เพียงแต่เวินลั่วฉิงที่เพิ่งจะวางสายจากเยว่หงหลิงไปแล้วนั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เวินลั่วฉิงมองดู แล้วรีบกดรับอย่างรวดเร็ว
“ฉิงฉิง ในที่สุดเธอก็เปิดเครื่องแล้ว? ตอนนี้เธออยู่ไหน? ถึงประเทศMแล้วหรือยัง?” เวินลั่วฉิงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เสียงของเฟิ่งเหมียวเหมียวก็ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เอ่ยถามคำถามติดๆกันมาเป็นชุด
เวลานี้น้ำเสียงของเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้นมีความร้อนรนอย่างปกปิดไว้ไม่มิด ยิ่งไปกว่านั้นเฟิ่งเหมียวเหมียวเองก็ไม่ได้คิดที่จะปกปิดกับเวินลั่วฉิงด้วยเช่นกัน
“ฉันเพิ่งถึงสนามบินค่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?” ดวงตาของเวินลั่วฉิงสั่นไหวขึ้นมาโดยจิตใต้สำนึก ได้ยินน้ำเสียงของเฟิ่งเหมียวเหมียวแล้วก็เดาได้เลยว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว
เฟิ่งเหมียวเหมียวรีบร้อนโทรหาเธอแบบนี้ หรือว่าลูกทั้งสองคนจะเกิดเรื่องขึ้นกัน?
นึกถึงความเป็นไปได้นี้แล้วหัวใจของเวินลั่วฉิงนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“ฉิงฉิง อาของเธอไปที่เมืองไห่คนเดียว อาเธอบอกว่าที่เมืองไห่นั้นมีแต่อิทธิพลอำนาจของตระกูลกู้ เขากลัวว่าไปครั้งนี้คนของตระกูลกู้จะก่อเรื่องอีก ดังนั้นอาของเธอก็เลยอยากจะให้เธอไปด้วยกันกับเขา แต่เธอไปประเทศMพอดี” เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้พูดอ้อมค้อม แต่เอ่ยพูดออกมาตรงๆแทน
“คุณอาไปเมืองไห่จะต้องพาคนที่เชื่อใจไปด้วยอย่างแน่นอนค่ะ คุณน้าไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ” เวินลั่วฉิงรู้ดีในความสามารถของถังหยุนเฉิง ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกเป็นกังวล
“อาของเธอถูกแจ้งกะทันหันว่าให้ไปที่เมืองไห่เขาไม่ได้เตรียมตัวอะไรก่อนเลย มีเพียงแค่บอร์ดี้การ์ดคนนึงที่สามารถพึ่งพาได้ที่สุดไปด้วยแค่นั้น อีกทั้งคุณอาของเธอก็ไปกับหัวหน้ากงด้วย มีหัวหน้ากงอยู่ด้วยหลายๆเรื่องที่อาของเธอไม่สามารถตัดสินใจเองได้ หัวหน้ากงเอนเอียงไปทางตระกูลกู้อยู่แล้ว ครั้งที่แล้วเป็นเพราะเรื่องตรวจสอบคดี ในใจของหัวหน้ากงนั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจตระกูลถังมากขึ้นไปอีก อีกทั้งครั้งนี้ไปเมืองไห่แผนเดิมทีแล้วเป็นหัวหน้ากงกับกูเเจิ้งลุ่นไปด้วยกัน แต่ดันมาเปลี่ยนเป็นอาของเธอกะทันหัน น้ากลัวว่าพวกเขาจะทำอะไรอาของเธอ” เฟิ่งเหมียวเหมียวพูดออกมาอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนใจ นี่เป็นเรื่องงานของถังหยุนเฉิง เดิมทีแล้วไม่ควรจะบอกกับเฟิ่งเหมียวเหมียว แต่ถังหยุนเฉิงเป็นกังวลว่าการเดินทางครั้งนี้จะเกิดเรื่องขึ้นนั่นเอง
เมื่อถังหยุนเฉิงออกเดินทางไปเมืองไห่แล้ว ก็จะไม่สามารถติดต่อเวินลั่วฉิงได้อีก ดังนั้น เขาทำได้เพียงแค่ต้องบอกเรื่องราวกับเฟิ่งเหมียวเหมียวเอาไว้
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ เรื่องราวก็ดูจะยุ่งยากอยู่บ้าง คุณอาถูกส่งตัวไปที่เมืองไห่กะทันหัน เป็นไปได้ที่ตระกูลกู้จะทำอะไรคุณอาได้จริงๆ
แต่เรื่องราวนั้นกะทันหันมากเกินไป คุณอาก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากอีกเช่นกัน?
“ถ้ามาอย่างเปิดเผยซึ่งๆหน้า พวกเราไม่กลัวเลย กลัวก็แต่ว่าจะหลบอยู่ในเงามืดนี่สิ เหมือนกับเรื่องของถังหลินครั้งที่แล้ว”เฟิ่งเหมียวเหมียวพูดเสริมขึ้นอีกประโยคหนึ่งอย่างรวดเร็ว และนี่ก็คือความหมายของถังหยุนเฉิงด้วยเช่นกัน
ดวงตาของเวินลั่วฉิงนั้นจมดิ่งลงมาเล็กน้อย ความหน้าเนื้อใจเสือของตระกูลกู้นั้นเธอเองก็เคยสัมผัสมาแล้ว ดังนั้นเรื่องที่เฟิ่งเหมียวเหมียวพูดมานั้นมีความเป็นไปได้มาก
ส่วนเรื่องของถังหลินนั้นไม่ใช่แค่จะพัวพันกับตระกูลกู้ธรรมดาๆเท่านั้น แต่ยังพัวพันไปถึงองค์กรโกสต์ซิตี้อีกด้วย อิทธิพลอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้นแข็งแกร่งกว่าตระกูลกู้เป็นร้อยเป็นพันเท่า เธอกลัวว่าครั้งนี้คนขององค์กรโกสต์ซิตี้เข้ามาด้วย
เรื่องราวครั้งที่แล้วเห็นได้ชัดว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้วางแผนเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว ว่าจะมุ่งเป้าหมายไปยังเย่ซือเฉิน? ถังหลิน? หรือตระกูลถังทั้งตระกูล? เธอให้มู่หรงดัวหยางช่วยเธอติดต่อคนของทางองค์กรโกสต์ซิตี้ แต่ทางนั้นไม่มีการตอบรับเลย ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องของถังหลิน ตอนนี้เวินลั่วฉิงยังสืบหาเบาะแสมาได้ไม่มากนัก
และยิ่งเป็นเช่นนี้ ในใจของเวินลั่วฉิงก็ยิ่งเป็นกังวล!!
“ฉิงฉิง เธอจะรีบตามไปที่เมืองไห่หน่อยได้ไหม? น้ากลัวว่าอาของเธอจะเกิดเรื่องจริงๆ เรื่องถังหลินครั้งที่แล้วทำให้น้าตกใจมากแล้ว” เฟิ่งเหมียวเหมียวไม่ได้ยินเสียงของเวินลั่วฉิง และลองหยั่งเชิงเสริมขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง เธอเองก็รู้ว่าที่จู่ๆฉิงฉิงไปยังประเทศMนั้นจะต้องมีเรื่องด่วนอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เธอไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ จึงทำได้เพียงแค่ต้องขอให้ฉิงฉิงช่วยเพียงเท่านั้น
หยุนเฉิงเองก็บอกแล้ว ว่าเรื่องนี้ถังหลินช่วยเขาไม่ได้ ต้องพึ่งฉิงฉิงเท่านั้น
“ฉันหาดูเมื่อกี้ ไฟท์บินจากประเทศMไปเมืองไห่เร็วๆนี้หลังจากนี้อีกห้าชั่วโมง ฉันจองตั๋วเครื่องบินไปเมืองไห่แล้วค่ะ ฉันจะพยายามรีบจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จแล้วจะรีบไปนะคะ…” เวินลั่วฉิงเองก็รับรู้ได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เธอเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว ตอนที่คุยกับเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้นก็ได้วางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้วก็จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน
“ได้ ได้ ฉิงฉิง ขอบใจเธอมากนะ” เฟิ่งเหมียวเหมียวโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ความจริงแล้วในใจของเฟิ่งเหมียวเหมียวนั้นยังคงร้อนรนอยู่ เธอแทบอยากจะให้ฉิงฉิงสามารถไปอยู่ข้างๆหยุนเฉิงได้เสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลยเสียด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ฉิงฉิงอยู่ไกลถึงประเทศM เธอจะร้อนใจไปกว่านี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นฉิงฉิงก็จัดการได้อย่างดีที่สุดแล้ว
และนี่ก็คือฉิงฉิง ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเธอ เธอก็คงจะดูสับสนวุ่นวายไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่สามารถที่จะจัดการทั้งหมดได้ในเวลาสั้นๆขนาดนี้ได้เลย
ตอนนี้เฟิ่งเหมียวเหมียวเพียงแค่หวังให้ฉิงฉิงสามารถรีบไปให้เร็วที่สุด หวังเพียงแค่ไม่อยากจะให้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น
หลังจากที่เวินลั่วฉิงวางสายไปแล้ว สีหน้าท่าทางก็มีความหนักแน่นและจริงจังขึ้นมามาก เธออยากจะโทรหาถังหลิน แต่นึกถึงสถานะของถังหลิน นึกถึงที่ถังหยุนเฉิงไปที่เมืองไห่ครั้งนี้เป็นงานหลวงของแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล ถ้าหากถังหลินไม่ได้รับคำสั่งก็จะไม่สามารถแทรกมือเข้าไปในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน!!