ดังนั้นเขาจึงอดกลั้นเอาไว้ รอดูว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะพลิกเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ยังไง
อีกด้านคุณชายหานได้แจ้งเจ้าเก้า ให้เจ้าเก้าไปติดต่อเด็กสาวคนนั้นแล้ว เป็นอย่างที่ลุงเหลียงคิดไว้ไม่ผิด หลังจากที่เจ้าเก้าเอาเส้นผมของเด็กสาวคนนั้นกลับมาตรวจดีเอ็นเอก็ได้สั่งให้คนแอบสะกดรอยตามเด็กสาวคนนั้น เพื่อหาที่อยู่ของเด็กสาว
ดังนั้นเจ้าเก้าจึงหาที่อยู่ของเด็กสาวคนนั้นได้อย่างง่ายดาย……
แต่ว่าเด็กสาวคนนั้นไม่อยู่ คนที่พักอยู่ห้องเดียวกับเธอเป็นคนบอกเจ้าเก้า บอกว่าย่าของเด็กสาวป่วย เลยกลับไปเยี่ยมย่า
คนนั้นยังบอกเจ้าเก้าอีกด้วยว่าพรุ่งนี้เช้าเด็กสาวจะกลับมาแน่นอน เพราะพรุ่งนี้เด็กสาวต้องรีบกลับมาทำงาน
เจ้าเก้าค่อนข้างรีบร้อน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ผลตรวจดีเอ็นเอของเด็กสาวยืนยันได้ว่าเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้า
ดังนั้นเจ้าเก้าจึงอยากรีบพาเด็กสาวกลับไปโดยเร็ว
แต่ว่าเด็กสาวกลับบ้านไปเยี่ยมย่าซะแล้ว ต่อให้เจ้าเก้าตามไป ก็คงจะเสียเวลาเปล่า เด็กสาวบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะกลับมา แต่เจ้าเก้าก็กลัวว่าจะคลาดกันกับเด็กสาวแล้วจะยิ่งเสียเวลาไปอีก
ดังนั้นเจ้าเก้าจึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะมาตั้งแต่เช้าตรู่ เจ้าเก้าถามชื่อของเด็กสาวคนนั้น จึงได้รู้ว่าชื่อเฉิงโหรวโหรว
หลังจากที่เจ้าเก้าออกไปจากห้องเช่าของเฉิงโหรวโหรว จู่ ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เฉิงโหรวโหรวกลับบ้านไปเยี่ยมย่า?
พ่อของเฉิงโหรวโหรวไม่ใช่หัวหน้าเหรอ? ย่าของเฉิงโหรวโหรวไม่ใช่แม่ของหัวหน้าหรอกเหรอ?
แม่ของหัวหน้าตอนนี้น่าจะอยู่ที่ปราสาทไม่ใช่เหรอ?
คนทั่วไปไม่มีทางรู้ที่อยู่ปราสาทของพวกเขา ฉะนั้นย่าที่เฉิงโหรวโหรวพูดถึงต้องไม่ใช่แม่ของหัวหน้าแน่นอน
แล้วย่าคนนี้ของเฉิงโหรวโหรวมันยังไงกันแน่ล่ะ?
แต่เจ้าเก้าคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องรองลงมา ยังไงผลตรวจดีเอ็นเอก็ชัดเจนขนาดนั้นแล้ว และนั่นเป็นการยืนยันที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไว้ถึงเวลาค่อยถามให้แน่ชัดแล้วกัน
เพราะคราวก่อนท่าทีของเฉิงโหรวโหรวที่เห็นในร้านอาหาร ทำให้เจ้าเก้าค่อนข้างรู้สึกดีต่อเฉิงโหรวโหรว
เรื่องที่เจ้าเก้าไปหาเฉิงโหรวโหรวไม่นานก็รู้ถึงหูไป๋หยิง
ไป๋หยิงคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจไปพบหัวหน้าน้อย
“หัวหน้าน้อยคะ เจ้าเก้าไปหาเฉิงโหรวโหรวแล้ว บอกว่าจะพาเฉิงโหรวโหรวกลับไป ดังนั้น ผลตรวจดีเอ็นเอตรงกันแล้ว พวกเราทำสำเร็จแล้ว” ไป๋หยิงในตอนนี้ตื่นเต้นมาก และดีใจมากด้วย ขอแค่เรื่องนี้สำเร็จ ต่อไป ก็จะมีเรื่องดี ๆ ตามมาไม่จบไม่สิ้น
แน่นอนว่าเรื่องดีที่ใหญ่สุดสำหรับเธอก็คือได้เหยียบเวินลั่วฉิงให้จมดิน
หัวหน้าน้อยเหลือบมองเธออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง คนของเขาไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ผลตรวจจะไม่ตรงกันได้ยังไง?
เพียงแต่ยัยโง่คนนี้คิดว่าทำสำเร็จแล้ว?
เพ้อฝันมากเกินไปหน่อยมั้ง? คิดว่าตาแก่จะถูกหลอกง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ?
“เธอคิดว่าเรื่องอย่างนี้จำเป็นต้องให้เธอมาบอกฉันด้วยตัวเองงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของหัวหน้าน้อยตอนนี้เย็นชามาก อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความชิงชังและเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด ยัยโง่คนนี้ยิ่งเห็นก็ยิ่งขยะแขยงจริง ๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนยังมีประโยชน์ให้เขาได้ทำเรื่องสนุก ๆ อยู่สักหน่อยล่ะก็ เขาอยากจะถีบเธอออกไปให้พ้นจริง ๆ
“ฉันรู้ค่ะว่าหัวหน้าน้อยทราบข่าวได้ไว เรื่องอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องให้ฉันมาบอกหัวหน้าน้อยด้วยตัวเอง เพียงแต่ฉันอยากพูดเรื่องแผนการต่อจากนี้ของพวกเรากับหัวหน้าน้อยสักหน่อย” ไป๋หยิงเป็นคนฉลาด จึงดูออกว่าหัวหน้าน้อยรังเกียจและเยาะเย้ยเธอ
ในใจไป๋หยิงรู้สึกไม่ชอบและไม่พอใจมาก แต่เธอจำเป็นต้องอดทนไว้ ต่อหน้าเจิ้งฉงเธอไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ได้แต่อดทนมาตลอด กับหัวหน้าน้อยก็เช่นกัน
หัวหน้าน้อยถึงแม้อายุยังน้อย แต่เฉลียวฉลาดกว่าเจิ้งฉงมาก ทั้งความสามารถและวิธีการต่าง ๆ ก็เก่งกว่าเจิ้งฉง
ที่จริงในใจเธอกลัวหัวหน้าน้อยคนนี้
แต่เรื่องนี้หากไม่มีหัวหน้าน้อยก็ไม่มีทางทำสำเร็จ
ตอนนี้ในเมื่อหัวหน้าน้อยช่วยเธอ ถือว่าเป็นพวกเดียวกับเธอแล้ว แม้ว่าหัวหน้าน้อยไม่ชอบเธอ แต่เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของพวกเขาทำให้ไม่สามารถทำอะไรเธอได้
ไป๋หยิงคิดถึงตรงจุดนี้ก็รู้สึกได้ใจขึ้นมา
ไม่ว่าหัวหน้าน้อยเก่งแค่ไหน แต่เรื่องนี้ก็ยังต้องพึ่งพาเธอ
“แผนการต่อจากนี้?” หัวหน้าน้อยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้มองไป๋หยิงตรง ๆ ผู้หญิงคนนี้จะคุยเรื่องแผนการต่อไปกับเขา?
เธอคิดว่าเรื่องต่อจากนี้เธอจะสามารถควบคุมมันได้งั้นเหรอ?
ผู้หญิงคนนี้สำคัญตัวเองมากเกินไปแล้วหรือเปล่า?
“ก็คือแผนการหลังจากที่เฉิงโหรวโหรวกลายเป็นลูกสาวของหัวหน้า และได้ไปอยู่ข้างกายหัวหน้าแล้ว” ไป๋หยิงมองไปที่หัวหน้าน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูได้ใจ เรื่องทั้งหมดนี้เธอวางแผนไว้ดีแล้ว
เดิมทีเรื่องพวกนี้เธอไม่อยากบอกให้หัวหน้าน้อยรู้หรอก แต่ตอนนี้หัวหน้าน้อยดูถูกเธอ เธอจึงคิดว่าควรจะให้หัวหน้าน้อยคนนี้รู้ถึงความเก่งกาจของเธอสักหน่อย
“อ้อ งั้นเธอลองพูดมาสิว่าเธอมีแผนการอะไร” หัวหน้าน้อยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนจะสนใจขึ้นมาสักหน่อยแล้ว
“ให้เฉิงโหรวโหรวกลายเป็นลูกสาวของหัวหน้า ไปอยู่ข้างกายหัวหน้า เป็นเพียงแค่แผนการเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อเรื่องนี้ทำสำเร็จแล้วสุดท้ายพวกเราจะได้ผลลัพธ์แบบไหน” สำหรับเรื่องนี้ไป๋หยิงมีแผนอยู่แล้ว เป้าหมายของเธอชัดเจนมาตลอด ตอนนี้ก็แค่ต้องการดูว่าหัวหน้าน้อยต้องการผลลัพธ์แบบไหน
เธอคิดว่าหัวหน้าน้อยคนนี้คงต้องการองค์กรโกสต์ซิตี้ทั้งหมดแน่นอน
“เธอคิดว่าจะได้ผลลัพธ์แบบไหน?” หัวหน้าน้อยยกมุมปากขึ้น เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้มาเจรจาเรื่องผลลัพธ์กับเขาเนี่ยนะ?
น่าขำเป็นบ้า!!
“สิ่งที่ฉันต้องการไม่จำเป็นต้องให้หัวหน้าน้อยกังวลหรอกค่ะ แต่ฉันสามารถช่วยให้หัวหน้าน้อยได้ในสิ่งที่ต้องการ” ไป๋หยิงพูดด้วยความมั่นใจ เธอมั่นใจในแผนการของตัวเองเป็นอย่างมาก
“เหอะ……” จู่ ๆ หัวหน้าน้อยก็หัวเราะออกมา แต่เสียงหัวเราะนั้นฟังดูแปลก ๆ ฟังไม่ออกว่ากำลังเมินเฉยใส่หรือกำลังเยาะเย้ยกันแน่ : “สิ่งที่ฉันต้องการ? เธอจะช่วยให้ฉันได้มันมา?”
เขารู้สึกว่าตัวเองน่าจะได้ฟังเรื่องตลกที่น่าขำมากที่สุดในชีวิตแล้ว
ยัยผู้หญิงคนนี้ไปเอาความมั่นใจมากจากไหน?
“ถ้าหัวหน้าน้อยไม่เชื่อ ก็รอดูแล้วกันค่ะ ฉันรับรองว่าจะไม่ทำให้หัวหน้าน้อยผิดหวัง” ไป๋หยิงคิดว่าหัวหน้าน้อยไม่เชื่อในความสามารถของเธอ เธอรู้ว่าถ้าหากหัวหน้าน้อยไม่เชื่อเธอ ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เธอสามารถใช้เรื่องจริงมาพิสูจน์ให้เห็นได้
“งั้นเธอลองพูดมาสิว่าฉันต้องการอะไร?” ในที่สุดหัวหน้าน้อยก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่ไป๋หยิง
“ขอแค่แผนการราบรื่น ต่อให้หัวหน้าน้อยต้องการครอบครององค์กรโกสต์ซิตี้ทั้งหมด ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ไป๋หยิงลังเลครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็พูดออกมา เธอเชื่อว่าผู้ชายทุกคนต้องการอำนาจ หัวหน้าน้อยต้องการครอบครองทั้งองค์กรโกสต์ซิตี้แน่นอน
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนทั้งองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ต้องตกเป็นของหัวหน้าน้อยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หัวหน้าต้องการตามหาลูกสาวให้พบ ถ้าหากหัวหน้าตามหาลูกสาวได้จริง ๆ ตำแหน่งของหัวหน้าน้อยในองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ต้องได้รับผลกระทบแน่นอน
เรื่องนี้เชื่อว่าหัวหน้าน้อยรู้ดีกว่าใคร ดังนั้นไป๋หยิงจึงคิดว่าหมากที่เธอเอาออกมาในตอนนี้ต้องทำให้หัวหน้าน้อยหวั่นไหวแน่นอน
“งั้นเหรอ?” หัวหน้าน้อยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจู่ ๆ ก็หันไปทางบอดี้การ์ดที่ชื่ออะเฉียง : “อะเฉียง เมื่อกี้แกบอกว่ามีเรื่องจะรายงาน เป็นเรื่องอะไรนะ?”
อะเฉียงมุมปากขยับเล็กน้อย เมื่อกี้นี้เขาบอกว่ามีเรื่องจะรายงานงั้นเหรอ?
เหมือนจะไม่มีเรื่องอะไรนะ หัวหน้าน้อยมีอะไรทำไมไม่พูดตรง ๆ ล่ะ? ทำไมต้องทำให้เขาลำบากใจด้วย?
เขาก็แค่บอดี้การ์ดคนหนึ่ง!!
แต่โชคดีที่อะเฉียงรู้จักหัวหน้าน้อยของตัวเองดี อะเฉียงจึงเข้าใจความหมายของหัวหน้าน้อยได้อย่างรวดเร็ว : “หัวหน้าให้ลุงเหลียงพาเฉิงโหรวโหรวกลับไปครับ บอกว่าจะให้ตรวจดีเอ็นเอต่อหน้าอีกครั้ง หัวหน้าบอกว่าครั้งนี้จะให้ตรวจด้วยเลือด และหัวหน้าจะจับตาดูขั้นตอนทุกอย่างด้วยตัวเอง”