เรื่องในคืนนี้ช่างแปลกประหลาดมาก พอถึงเวลาใครก็ไม่อยากพุ่งไปทางที่มีอันตรายหรอก แม้กระทั่งคุณมู่ท่านนั้นก็ดับไฟยอมแพ้แล้ว ใครจะกล้ามาแย่งกับคุณชายสามเย่ในเวลานี้อีก?!
“ห้าล้านห้าแสนครั้งที่หนึ่ง ห้าล้านห้าแสนครั้งที่สอง ห้าล้านห้าแสนครั้งที่สาม…..” พิธีกรดึงสติกลับมาได้ ก็รีบประกาศราคา หัวหน้าเคยสั่งไว้ว่าจะต้องขายน้ำใจหรือบุญคุณให้กับคุณชายสามเย่ชิ้นหนึ่ง พิธีกรเห็นว่านี่คือโอกาสที่ไม่เลว พิธีกรกลัวว่าคุณมู่เบอร์10จะเข้ามายุ่งวุ่นวายต่อ ดังนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าความเร็วของการพูดนั้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
แต่ว่า ในตอนที่พิธีกรประกาศครั้งที่สาม เสียงกริ่งก็ยังดังขึ้นแล้ว
พิธีกรอึ้งไปเลย รีบเงยหน้าหันไปมองทางห้องเบอร์10
ทุกคนที่อยู่ในงานต่างก็มองทางห้องเบอร์10อย่างไม่ได้ตั้งใจกันหมด
“พวกเธออย่ามองฉันสิ กริ่งครั้งนี้ฉันไม่ได้เป็นคนกด” นัยน์ตาสีพีชที่แสนสวยของหัวหน้าน้อยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขารู้อยู่แล้วว่าคนที่อยู่ห้องเบอร์11นั้นก็พุ่งตรงมาทางเย่ซือเฉิน ดังนั้นเมื่อกี้เขาจึงตกลงกับอะเฉียงว่าจะไม่ประมูลแล้ว
เขาไม่ประมูลต่อไม่ได้แปลว่าเขาจะยอมแพ้แล้ว
เขาแค่แบ่งโอกาสให้กับคนห้องเบอร์11 เป็นเหมือนกับที่คิดไว้เลยคนห้องเบอร์11ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง
ไม่เลว ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ!!
พิธีกรได้ยินคำพูดของเขาแล้ว จึงจะดึงสติกลับมาได้ จึงจะเห็นว่ากริ่งที่กดเมื่อกี้เป็นคนที่อยู่ห้องเบอร์11กด เมื่อกี้พอได้ยินเสียงกริ่งแล้ว การตอบสนองแรกของเขาก็คือมองไปทางคุณมู่ที่อยู่ห้องเบอร์10 ไม่ได้ไปสนใจเรื่องอื่นเลย
คนในงานก็เห็นว่ากริ่งครั้งนี้เป็นคนที่อยู่ห้องเบอร์11กด ไม่ใช่คุณมู่ที่อยู่ห้องเบอร์10ท่านนั้นแล้ว
สถานการณ์แบบนี้ ทำให้คนที่อยู่ในงานต่างก็ตกใจกันไปหมดอีกครั้ง คืนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมแต่ละคนต่างก็ต่อต้านกับคุณชายสามเย่กันหมดเลยหรอ?
เริ่มด้วยคุณมู่ที่อยู่ห้องเบอร์10 ตอนนี้ก็มาห้องเบอร์11อีกคนแล้ว?
ห้องเบอร์11เมื่อกี้บอกว่ามือลั่นไม่ใช่หรอ? แล้วครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น? มือลั่นกดผิดอีกแล้วหรอ?
เปอร์เซ็นต์ที่มือจะลั่นสูงเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
นี่เป็นงานประมูลนะ ไม่ใช่ตลาดขายผักสด!!
“หัวหน้า ห้องเบอร์11ก็อยากหาเรื่องนิครับ?” กู้หวูมองไปทางหัวหน้าบ้านตัวเอง หัวหน้าบอกแท้ๆ ว่าไม่ต้องสนใจคนห้องเบอร์11 แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ห้องเบอร์11จะพุ่งมาทางหัวหน้าของพวกเขาแล้ว
คุณชายสามเย่ขมวดคิ้วไปทีหนึ่ง เขามั่นใจมากว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้ฟังผิด นั่นคือเสียงของฉู่หลิงเอ๋อ
ความสามารถระหว่างฉู่หลิงเอ๋อและเวินลั่วฉิงไม่เลว ถึงแม้ว่าฉู่หลิงเอ๋อจะขี้เล่น แต่ว่าคงจะไม่ต่อต้านกับเขาในสถานการณ์แบบนี้หรอก
หรือว่าฉู่หลิงเอ๋อเองก็ชอบไม้ปักผมหยกนี้
แต่ว่าไม้ปักผมหยกนี้เขาตัดสินใจประมูลมาแล้วมอบให้กับเวินลั่วฉิง ดังนั้นเขาไม่มีทางยอมแน่นอน ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นใคร เขาก็จะไม่ยอม
“ประมูลให้ได้” คุณชายสามเย่ออกคำพูดแล้ว ความหมายชัดเจนมากๆ แล้ว
“เข้าใจครับ” กู้หวูได้รับคำสั่งแล้วก็รีบกดกริ่งอีกครั้ง
ครั้งนี้ กริ่งดังขึ้นอีกครั้ง และดังขึ้นตามอีกครั้ง ต่อด้วยความเร็วที่เหมือนกัน เป็นเหมือนกับสองสามครั้งก่อนเลย
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือครั้งนี้ไม่ใช่คุณมู่ที่อยู่ห้องเบอร์10แล้ว แต่เปลี่ยนเป็นห้องเบอร์11แทน
“จื่อโม่ นายจะแย่งกับคุณชายสามเย่จริงๆ หรอ?” ฉู่หลิงเอ๋อที่อยู่ห้องเบอร์11มองไปทางถังจื่อโม่ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าแววตามีความซับซ้อน ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจื่อโม่ไม่ได้ยอมแพ้กับแผนการของเขา สุดท้ายก็ต่อต้านกับคุณชายสามเย่เข้าแล้ว
เพราะว่าเรื่องของคุณมู่ก่อนหน้านี้ จื่อโม่จะต่อต้านกับคุณชายสามเย่อีก จึงทำให้เรื่องราวดูหนักขึ้นไปใหญ่ ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก
อีกอย่างตอนสุดท้ายเด็กน้อยจื่อโม่ก็ยังให้คุณชายสามเย่จ่ายบิลอีก ขณะนี้ฉู่หลิงเอ๋อมีความกังวลเล็กน้อย
แต่ว่าเธอห้ามถังจื่อโม่ไม่อยู่ เธอรู้ว่าถึงแม้ว่าเด็กน้อยจื่อโม่อายุจะน้อย แต่ว่ามีความคิดเป็นของตัวเองมากๆ เรื่องที่เด็กน้อยจื่อโม่ตัดสินใจแล้วแม้กระทั่งฉิงฉิงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ถังจื่อโม่ไม่ได้พูดอะไร แค่กดกริ่งไม่หยุด ใช้การกระทำตอบกลับฉู่หลิงเอ๋อ
ความเร็วที่ถังจื่อโม่กดกริ่งไม่ช้าไปกว่าคุณมู่ที่อยู่ห้องเบอร์10เลย กู้หวูในขณะนี้รู้สึกเลือดทั้งตัวดุเดือดไปหมด ดังนั้นความเร็วในการกดกริ่งของกู้หวูก็เร็วมากเช่นกัน ทันใดนั้นทั้งงานได้ยินแต่เสียงกริ่งอีกครั้ง
ครั้งนี้ดูแล้วจะดุเดือดกว่าครั้งก่อนเยอะมาก เพราะว่าหลังจากคุณมู่แล้ว คนที่อยู่ห้องเบอร์11ก็ออกมาต่อต้านกับคุณชายสามเย่อีก ทำให้บรรยากาศดูน่าตื่นเต้นไปอีก และน่าแปลกประหลาดยิ่งขึ้น!!
ครั้งนี้ พิธีกรไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ได้เปิดภาพฉายจอใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
คนในงานต่างก็นั่งซื่อกันหมด ไม่ขยับเลย แต่ละคนเป็นเหมือนรูปปั้นที่สลักเอาไว้เลย มีเพียงแต่ดวงตาคู่นั้นที่จ้องภาพฉายจอใหญ่ ขยับไปมาบ้างเป็นครั้งคราว!!
สถานการณ์ในคืนนี้อยู่นอกเหนือจากความคิดของทุกคนทั้งหมด คุณชายสามเย่ที่ปกติแล้วไม่มีใครกล้าไปยั่วโมโห คืนนี้กลับมีคนแล้วคนกล่าวออกมาต่อต้านคุณชายสามเย่อย่างกล้าหาญโจ่งแจ้ง
ยังมีอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้อีกไหม?!
ยังมีอะไรที่น่าแปลกประหลาดกว่านี้อีกไหม?!
บนภาพฉายจอใหญ่ ตัวเลขเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม้ปักผมหยกนี้มีราคาเริ่มประมูลที่ค่อนข้างต่ำ ประมูลครั้งหนึ่งเพิ่มขึ้นเพียงห้าแสน แต่เพราะว่าคุณชายสามเย่และคนที่อยู่ห้องเบอร์11ไม่มีความหมายที่จะหยุดลงเลย อีกทั้งความเร็วของทั้งสองฝ่ายที่กดกริ่งก็เร็วมากๆ ดังนั้นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ราคาของไม้ปักผมหยกก็เกิน20ล้านแล้ว
อีกอย่างดูจากสถานการณ์แล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีความหมายที่จะหยุดลงเลย
ภายในความมึนงงของผู้คนก็มีความสับสนแฝงอยู่ ก่อนหน้านี้ที่ประมูลกับคุณมู่ที่อยู่ห้องเบอร์10 ในทุกครั้งจะมีการหยุดลงในราคาที่แน่นอน
จากนั้นก็มีคุณมู่ที่อยู่ห้องเบอร์10ประมูลไปในราคาที่สูง!
ตามหลักแล้วตอนนี้ได้ประมูลถึงราคาที่สูงขนาดนี้แล้ว คุณชายสามเย่ควรจะหยุดลงแล้ว แต่ว่าทำไมตอนนี้คุณชายสามเย่ยังไม่หยุดลงล่ะ?
นี่ตัดสินใจจะประมูลถึงราคาเท่าไหร่กัน?
กริ่งของทั้งสองฝ่ายยังไม่หยุดที่จะดังขึ้นด้วยความรวดเร็ว ในระหว่างนั้นไม่มีการลังเลเลยแม้แต่น้อย นี่แค่พริบตาเดียวราคาบนภาพฉายจอใหญ่ก็จะถึงสามสิบล้านแล้ว
จำนวนครั้งที่ทั้งสองผ่านประมูลก็เยอะมากเกินไปแล้ว
ราคาแบบนี้สำหรับไม้ปักผมชิ้นนี้แล้วถือเป็นราคาที่สูงมากแล้วจริงๆ
อีกอย่างกริ่งของทั้งสองฝ่ายก็ยังดังไม่หยุด ราคาบนภาพฉายจอใหญ่ก็ยังเพิ่มขึ้นด้วยความเร็ว
ไม่มีใครรู้ว่าตอนสุดท้ายราคาจะหยุดอยู่บนตัวเลขอะไร!!
ขณะนี้ทุกคนต่างก็อึ้งกันไปหมดแล้ว ดวงตาแต่ละคู่จ้องภาพฉายจอใหญ่ไว้โดยไม่กะพริบตาเลย ทุกคนต่างก็กลัวว่าจะพลาดจุดที่มหัศจรรย์ไป
“เย่ซือเฉินหมายความว่าอะไร? ตอนนี้ประมูลกับฉันจะหยุดลงก่อนทุกครั้ง ทำไมครั้งนี้ถึงไม่หยุด?” หัวหน้าน้อยที่อยู่ห้องเบอร์10ก็มองจนอึ้งไปเลย มีความไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเย่ซือเฉิน
“คุณชายสามเย่คงจะอยากได้ไม้ปักผมหยกชิ้นนี้มากๆ” อะเฉียงเองก็แปลกใจมาก แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่อะเฉียงจะคิดได้ก็มีเพียงเท่านี้แล้ว
เพราะว่าคุณชายสามเย่ไม่ใช่หัวหน้าน้อย คุณชายสามเย่ไม่ใช่คนที่วู่วามแบบนั้น ดังนั้นคุณชายสามเย่ทำแบบนี้ก็มีความเป็นไปได้อย่างเดียว นั่นก็คือคุณชายสามเย่อยากได้ไม้ปักผมชิ้นนี้จริงๆ แต่ไม่ใช่เหมือนครั้งก่อนที่ทำเพื่ออยากจะรังแกหัวหน้าน้อย
“นายพูดได้ถูกมาก” หัวหน้าน้อยอึ้งไปครู่หนึ่ง สำหรับคำพูดของอะเฉียงแล้วเขาเห็นด้วยเป็นอย่างมาก “ฉันรู้สึกว่าเย่ซือเฉินอาจจะอยากประมูลไม้ปักผมหยกนี้เพื่อไปเอาใจคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง”