เวินลั่วฉิงมองหน้าเขา ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ“ฉันแค่อยากบอกคุณว่า คุณคิดผิดแล้ว เวินลั่วฉิงอย่างฉัน พอตั้งมั่นอะไรแล้วจะมุ่งมั่นเพื่อสิ่งเดียวเท่านั้นและรักเดียวใจเดียวแน่ๆ ดังนั้นในเมื่อฉันตกลงกับคุณแล้ว ก็ไม่มีทางสองจิตสองใจเด็ดขาด”
เวินลั่วฉิงเสริมคำพูดที่ถูกเย่ซือเฉินตัดบทเมื่อสักครู่ เดิมทีเธอแค่อยากแสดงความรู้สึกออกมา พูดตรงๆก็คือสารภาพรัก แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับตัดบทเธอทิ้ง ทั้งยังเข้าใจเธอผิดขนาดนั้นอีก
“แต่พวกเราคิดต่างกัน ดังนั้น พวกเราต่างฝ่ายต่างทำให้ตัวเองใจเย็นแล้วลองคิดดูดีๆเถอะ”บัดนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกโกรธเล็กน้อยจริงๆเขาไม่รู้เรื่องอะไรก็เอาแต่จะหึงก็ยังพอว่า แต่เขากลับสงสัยในตัวเธอจริงๆ?และเข้าใจเธอผิดขนาดนี้?
หากเย่ซือเฉินเชื่อใจเธอก็คงไม่สงสัยเธอ จะไม่มีทางเกิดความเข้าใจผิดเด็ดขาด
เธอจำได้ว่าครั้งหนึ่ง เธอกำลังนอนอยู่ก็ถูกเย่ซือเฉินปลุกให้ตื่น จากนั้นเย่ซือเฉินก็ถามเธอว่าถังจื่อโม่เป็นใครด้วยใบหน้าโกรธเคือง
ตอนนั้นเธอบอกเย่ซือเฉินว่าถังจื่อโม่เป็นลูกชายของเธอ แต่เย่ซือเฉินก็ไม่เชื่ออย่างเด่นชัด
ตอนนั้นเขาไม่เชื่อคำพูดของเธอ เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอโกหก เข้าใจผิดคิดว่าเธอหลอกเขา เขาคิดเองเอ่ยเองว่าถังจื่อโม่เป็นคู่รักของเธอ
ดังนั้น พอเขาได้ยินฉู่หลิงเอ๋อพูดถึงจังจื่อโม่จึงทำหน้าราวกับเห็นศัตรู
ตอนนั้นเขาไม่เชื่อเธอก็แล้วไป แต่ตอนนี้เขาไม่คิดจะใช้สมองครุ่นคิดหน่อยเหรอ?
เขาทำความรู้จักกับจื่อซีแล้ว จื่อซีแซ่ถัง หรือเขาก็ไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลยสักนิดเหรอ?
เขาจำชื่อถังจื่อโม่ขึ้นใจ แต่เขากลับลืมคำพูดของเธอเสียสนิท
ผู้ชายคนนี้?
เธอไม่รู้ว่าควรพูดเขายังไงดี
“คุณกลับไปเถอะ”เวินลั่วฉิงกะพริบตา จากนั้นก็บิดหน้าไปอีกทาง ไม่มองเขาอีกเลย
เวินลั่วฉิงรู้ว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ เย่ซือเฉินคิดเองเอ่ยเองอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนจื่อโม่สุดที่รักก็ยืนกรานว่ายังไม่ทำความรู้จักกับเย่ซือเฉิน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสักครู่ ถังจื่อโม่พูดผลลัพธ์ไว้รุนแรงมาก
เวินลั่วฉิงรู้ว่าต้องจัดการปัญหาระหว่างสองพ่อลูกนี้เสียที ถึงแม้เย่ซือเฉินจะสงสัยเธอ แต่เย่ซือเฉินหึงจนไม่มีสติปัญญา ซึ่งแสดงว่าเย่ซือเฉินแคร์เธอมาก
เพราะแคร์จึงไม่อาจใจเย็นได้ จนกลายเป็นคนบุ่มบ่าม กระทั่งทำตัวงี่เง่าด้วย
ครั้งก่อนเธอก็เคยเข้าใจเย่ซือเฉินผิด ยังไม่เข้าใจเรื่องราวก็หึงเย่ซือเฉินด้วยสาเหตุจื่อซีสุดที่รัก
ตอนนั้นเธอก็ใจร้อนบุ่มบ่าม ทำตัวงี่เง่าเช่นกัน
ดังนั้นเวลารักมากก็จะหึงได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นเวลาหึงขึ้นมา จะสูญเสียสติปัญญาไปหมด
ดังนั้นเธอจึงโทษเย่ซือเฉินจริงๆไม่ได้
งั้นวิธีเดียวในตอนนี้ก็คือ รีบแก้ไขปัญหาสองพ่อนี้โดยด่วน
เวินลั่วฉิงคิดได้วิธีหนึ่ง เธออยากทำอะไรที่ตรงกันข้ามกัน
ตอนนี้ถังจื่อโม่กำลังโกรธเย่ซือเฉินอยู่ ไม่อยากนับเย่ซือเฉินเป็นพ่อ ซึ่งเธอรู้จักนิสัยจื่อโม่ดี สถานการณ์อย่างนี้ใครโน้มน้าวใจก็ไม่เป็นผล
เธอก็เข้าใจว่าสาเหตุที่ถังจื่อโม่ยังไม่นับเย่ซือเฉินเป็นพ่อ ประเด็นหลังก็คือกลัวเย่ซือเฉินไม่รักเขา แต่ถังจื่อโม่สนับสนุนเธอกับเย่ซือเฉินมาก จื่อโม่ของเธอหวังให้เธอมีความสุข
หากเธอกับเย่ซือเฉินทะเลาะกันเพราะเรื่องจื่อโม่ จื่อโม่คงต้องร้อนใจแน่ๆ ถึงเวลาจื่อโม่ก็จะออกมานับพ่อกับเย่ซือเฉินเอง
เพื่อสองพ่อลูกคู่นี้ เธอก็จำเป็นต้องลำบากแสดงละครเสียหน่อย!!
“หมายความว่ายังไง?”บัดนี้เย่ซือเฉินไม่ได้คิดอะไรมาก ดังนั้นเขาไม่เข้าใจเจตนาของเวินลั่วฉิง เขาได้ยินเพียงว่าเวินลั่วฉิงไล่เขากลับไป
เธอไล่เขาเพราะถังจื่อโม่คนนั้น?!
“ฉิงฉิงไม่ต้องโกรธสิ มีอะไรคุยกันดีๆ อย่าใจร้อน”ฉู่หลิงเอ๋อคิดว่าเวินลั่วฉิงพูดจริง จึงรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย ไม่ง่ายเลยกว่าสองคนนี้จะได้คบกัน คงทำให้เกิดความเข้าใจผิดเพราะลูกชายแท้ๆไม่ได้หรอก
“คุณกลับไปเถอะ พวกเราควรใจเย็นแล้วคิดดูดีๆ”เวินลั่วฉิงไม่กล้าพูดตรงๆ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ถังจื่อโม่อยู่ไหน?
ไม่แน่ว่าถังจื่อโม่อาจจะซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ คำพูดของเธอถังจื่อโม่อาจจะได้ยิน
ฝ่ายหนึ่งเป็นลูกชายแท้ๆของเธอ อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่เธอหมายปอง ทั้งสองขัดแย้งกัน เธอที่อยู่ตรงกลางไม่ง่ายเลย?
เธอทำตัวลำบาก?
“ความหมายของคุณก็คือโทษผมใจร้อน?”เย่ซือเฉินหรี่ตาขึ้นเล็กน้อย แววตาเผยอันตรายหลายส่วน เธอรังเกียจเขาหรือ?รังเกียจที่เขาใจร้อน?
เธอรังเกียจเขาเพราะถังจื่อโม่คนนั้น?
“คุณคิดว่าตอนนี้คุณใจเย็นไหมล่ะ?”เวินลั่วฉิงมองเขา อยากหัวเราะเล็กน้อย ตอนนี้เขาร้อนรนจนจะกระโดดขึ้นมาแล้วเชียวเหมือนจื่อโม่ไม่มีผิด ท่าทางของเขาอย่างนี้เรียกว่าใจเย็นเหรอ?
“ผมไม่ใจเย็น?ใช่ ผมไม่ได้ใจเย็น ตอนนี้ถ้าผมใจเย็น ผมก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว”เย่ซือเฉินแอบขบฟัน ปรับเสียงดังขึ้น ฟังแล้วเป็นเสียงตวาด
เวินลั่วฉิงตกใจกับคำพูดของเขา พลางชะงักค้าง
“ใจเย็นๆ พวกคุณใจเย็นๆ อย่าทะเลาะกัน”ฉู่หลิงเอ๋อมึน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ทำไมถึงทะเลาะกันล่ะ เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด เข้าใจผิดทั้งนั้น
หากได้อธิบาย ความเข้าใจผิดก็จะหายไป แต่ตอนนี้ฉู่หลิงเอ๋ออธิบายไม่ได้ เพราะเมื่อสักครู่ถังจื่อโม่ขู่เธอไว้แล้ว ไม่ให้เธอบอกเย่ซือเฉิน
แต่ถ้าเกิดสองคนนี้ทะเลาะกันด้วยเรื่องถังจื่อโม่ก็จะได้ไม่คุ้มเสีย
ทำไงดี?ตอนนี้ทำอย่างไรดี?
“เวินลั่วฉิงตอนนี้ผมของถามคุณ ตกลงคุณจะเลือกถังจื่อโม่หรือเลือกผม?”แววตาเย่ซือเฉินเคร่งขรึม มองเวินลั่วฉิงแล้วถามหนึ่งประโยคขึ้นมากะทันหัน เย่ซือเฉินถามแรงมาก
เวินลั่วฉิงตะลึง เลือกเขาหรือเลือกถังจื่อโม่ มันเลือกไม่ได้!!
“จะ?จะเลือกยังไง?มันเลือกไม่ได้!”ฉู่หลิงเอ๋อตะลึงงัน ให้ฉิงฉิงเลือกระหว่างสองคนนี้?บ้าไปแล้วหรือ?
คำถามบ้าบออะไรของคุณชายสามเย่เนี่ย?!
“เลือกไม่ได้?หรือคนที่คุณเลือกเป็นถังจื่อโม่เสมอมา หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ……”เย่ซือเฉินยังคงจ้องมองเวินลั่วฉิงอยู่เช่นเดิมเขาหยุดพูด ไม่อาจพูดประโยคท้ายออกมาได้
เขาไม่อยากเห็นผลอย่างนี้ที่สุด แต่เธอบอกว่าถังจื่อโม่สำคัญที่สุดสำหรับเธอเสมอ แล้วเขาจะไปฝืนใจอะไรได้?
เป็นอย่างที่เวินลั่วฉิงคาดเดา ตอนนี้ถังจื่อโม่หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ และเมื่อเย่ซือเฉินเข้าไปถึงในห้อง ประตูห้องก็ไม่ได้ปิด ดังนั้นถังจื่อโม่ได้ยินบทสนทนาในห้องอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉิน ร่างกายถังจื่อโม่แข็งทื่อ เขากำลังโกรธเย่ซือเฉินอยู่ก็จริง แต่เขาไม่อยากให้คุณแม่กับเย่ซือเฉินเข้าใจผิดเพราะเขา
เขาไม่อยากให้คุณแม่โกรธ เขายิ่งไม่อยากให้คุณแม่เป็นทุกข์ เมื่อก่อนเขาคิดว่าหากคุณแม่หาคู่ชีวิตได้แล้ว ถ้าเกิดสามีของคุณแม่ไม่ชอบเขากับน้องสาว เขาก็จะเลี้ยงดูน้องสาวเอง
ตอนนี้คุณแม่เลือกพ่อแท้ๆของเขา อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ดีกว่าการคาดเดาของเขาเยอะมากแล้ว ยังมีอะไรให้เขารู้สึกไม่พออีก?
เขายังต้องโวยวายอะไรอีก?
ร่างกายถังจื่อโม่ขยับ ค่อยๆลุกขึ้น เขารู้สึกว่าเขาควรไปปรากฏตัว ปรากฏตัวต่อหน้าเย่ซือเฉิน!