“ไปเช็กประวัติของถังจื่อโม่”จู่ๆเย่ซือเฉินก็พูดขึ้นมา น้ำเสียงเย็นเยือกบาดเข้าถึงกระดูก จับตัวแข็งถึงขีดสุด
“ห๊า?เอ๋อ”กู้หวูตะลึงงัน ตอบสนองไม่ได้ในทันที เมื่อครู่เจ้านายไปที่บ้านถัง ถังจื่อโม่ไม่ใช่ว่าอยู่ที่บ้านถังหรอกเหรอ ?
หรือเจ้านายจะยังไม่เคยเจอกับถังจื่อโม่ ? หรือว่าเจ้านายยังไม่รู้สถานะของถังจื่อโม่ว่าเป็นใคร ?!
“เช็กมาให้ละเอียด ทุกซอกทุกมุมอย่าให้ตกหล่น เอาแบบละเอียดยิบ ” ดวงตาของเย่ซือเฉินหรี่เล็กลง น้ำเสียงที่เยือกเย็นฟังแล้วทำให้ขนพองสยองเกล้า
เขาไม่เชื่อว่าเขาจะหาถังจื่อโม่ไม่พบ
เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าถังจื่อโม่นั้นจะเป็นใครหรือมาจากไหนกัน ?
“นายครับ หากค้นเจอแล้วละครับ ? ” กู้หวูมองเจ้านายตัวเองแล้วแอบกลืนน้ำลายลงคอไม่รู้ตัว อดที่จะถามไปอีกคำไม่ได้
ตอนนี้ท่าทีของเจ้านายนั้นน่ากลัวมาก ท่าทีของเจ้านายในตอนนี้ หากเช็กประวัติเจอแล้ว ก็คงไม่ปล่อยถังจื่อโม่ไว้แน่ๆ
ไม่รู้ว่าเจ้านายจะจัดการกับถังจื่อโม่ยังไง
ดวงตาของเย่ซือเฉินเป็นประกาย ทันใดนั้นก็นิ่งไป คิดไปคิดมา จากนั้นก็พูดอย่างช้าๆทีละคำว่า :“หาตัวมันให้เจอ แล้วเอาตัวมันมาให้ฉัน”
ในตอนที่เย่ซือเฉินพูดคำคำนี้น้ำเสียงดุดัน แล้วกัดฟันพูดมันออกมา
“หลังจากนั้นล่ะครับ ? ”กู้หวูเองอดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ้ม ดูท่าแล้ว ถึงตอนนั้นคาดว่าถังจื่อโม่ไม่พ้นถูกสับละเอียด เป็นหมื่นๆชิ้นแน่
กู้หวูคิดว่าความคิดเขาในตอนนี้ไม่ได้เกินจริงเลย
กู้หวูมองไปที่เจ้านายของตน จากนั้นก็ทำท่าเช็ดคอตัวเอง แน่นอนว่า กู้หวูในตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่าคนให้ตาย แต่แค่เปรียบเปรยเท่านั้น เปรียบว่าจุดจบของคนคนนั้นช่างน่าอนาถ อนาถมาก
“ถึงตอนนั้น ฉันมีวิธีจัดการของฉัน”ดวงตาที่หรี่เล็กของคุณชายสามเย่เผยความอันตรายออกมา ถึงตอนนั้นเขาก็อยากจะดูเหมือนกันว่าถังจื่อโม่จะมีความสามารถอะไร
ในตอนนี้คำพูดของคุณชายสามเย่ก็ดุดันด้วยเช่นกัน แต่มีคำโบราณได้ว่าไว้ โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
ไม่รู้ว่าเมื่อวันนั้นมาถึง จะเกิดอะไรขึ้น ?
ในห้องเขียนภาพของซ่างกวนหง ผู้ดูแลจ้งถือเอกสารปึกหนึ่งเดินเข้ามา แล้วยื่นให้กับซ่างกวนหง:“หัวหน้า นี่เป็นเอกสารข้อมูลของเฉิงโหรวโหรว ที่สืบเสาะมาได้ครับ”
“นายพูดมาเลย”ซ่างกวนหงไม่ได้รับเอาไว้ และไม่ได้มองมันเลยด้วยซ้ำ แม้แต่มือที่เขียนภาพก็ไม่ได้หยุดลง
“เมื่อยี่สิบปีก่อนแม่ของเฉิงโหรวโหรว ได้คลอดเธอที่โรงพยาบาลเล็กๆในซิ่งซาน แม่ของเธอได้ให้กำเนิดเธอไม่นานก็เสียชีวิตลง คนที่โรงพยาบาลได้ส่งเฉิงโหรวโหรวไปยังสถานสงเคราะห์ และหลังจากนั้นเฉิงโหรวโหรวก็ถูกรับไปอุปการะ แต่ครอบครัวที่รับอุปการะเธอไปนั้นไม่ได้เลี้ยงดูเธออย่างดีเท่าที่ควร หนำซ้ำยังมักจะทุบตีทำร้ายเธอ หลังจากนั้นเธอก็ได้หนีออกไป หนีไปยังหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ได้คุณย่าเฉิง ช่วยเหลือเอาไว้ ”คำพูดของผู้ดูแลจ้งหยุดลง มองดูหัวหน้าตัวเองที่ยังคงวาดภาพอยู่
ผู้ดูแลจ้งถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อว่า:“นามสกุลของเฉิงโหรวโหรวนั้นคุณย่าเฉิงเป็นคนเปลี่ยนมันเอง คุณย่าเฉิงดีกับเฉิงโหรวโหรวมาก คุณย่าเฉิงยังมีลูกชายคนหนึ่งชื่อเฉิงต้าเหวย ลูกชายของคุณย่าเฉิงอายุสี่สิบกว่าแล้วแต่ยังไม่แต่งงาน คุณย่าเฉิงพาเฉิงโหรวโหรวกลับไปก็เพื่อรับเธอไปเป็นลูกสาวของเฉิงต้าเหวย อนาคตจะได้ดูแลเฉิงต้าเหวยในยามแก่เฒ่า”
“เฉิงต้าเหวยคนนี้เป็นคนที่ขี้เกียจสันหลังยาว แล้วยังชอบดื่มเหล้าอีกด้วย พอเมาทีไรก็มักจะทุบตีทำร้ายเฉิงโหรวโหรว เฉิงโหรวโหรวยังเรียนไม่จบก็ต้องออกจากโรงเรียน จากนั้นก็ไปทำงานนอกบ้าน เงินที่เฉิงโหรวโหรวหามาได้ก็มักจะถูกเฉิงต้าเหวยรีดไถ”
ผู้ดูแลจ้งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจขึ้นอีกครั้ง :“ไม่พบความผิดปกติใดๆของเฉิงโหรวโหรว ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน ไม่มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกจัดฉากเอาไว้ หรือไม่เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นความบังเอิญ ข้อมูลที่สืบเสาะมาได้ตอนนี้ยังไม่พบข้อพิรุธใดๆ ”
“จะว่าไปเฉิงโหรวโหรวก็เป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง ”ผู้ดูแลจ้งเงยหน้าขึ้นมองไปยังหัวหน้าอีกครั้ง เฉิงโหรวโหรวช่างเป็นคนที่อาภัพจริงๆ ตั้งแต่เล็กก็มีชีวิตที่ลำเค็ญ หากเฉิงโหรวโหรวเป็นลูกสาวของหัวหน้าจริงๆ หัวหน้าได้ยินเรื่องราวที่ทุกข์ยากลำบากของลูกสาว จะไม่ทุกข์ทรมานใจอีกเหรอ !
แต่ว่า ในตอนนี้ซ่างกวนหงก็ยังคงวาดภาพอยู่ ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมา
“หัวหน้า ผมได้ให้คนเฝ้าสังเกตการณ์ทางฝั่งของเฉิงโหรวโหรวอยู่ตลอด ไม่พบเห็นความผิดปกติใดๆ และในช่วงนี้ก็ไม่เห็นใครไปมาหาสู่กับเฉิงโหรวโหรว คุณบอกว่าคนคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก ซ่อนเก็บได้อย่างมิดชิด ? หรือพวกเราจะคาดเดากันผิด ? ” ผู้ดูแลจ้งในตอนนี้ก็เริ่มจะไม่แน่ใจ โดยเฉพาะการที่เขาให้คนมากมายไปสืบเสาะ แต่กลับไม่พบข้อพิรุธอะไรเลย ทำให้ความคิดที่มีก่อนหน้านั้นของเขาเริ่มจะไหวเอน
“หัวหน้า ผมได้ให้คนไปสืบโรงพยาบาลที่แม่ของเฉิงโหรวโหรวได้เข้าไปพักรักษาตัว แม่ของเฉิงโหรวโหรวชื่อหลินหมิน และผมได้ให้คนไปตามหาคุณหมอหลี่แพทย์ผู้ดูแลแม่ของเฉิงโหรวโหรว คุณหมอหลี่บอกว่าหลินหมินหน้าตาสะสวย และอ่อนโยน คุณหมอหลี่ยังบอกด้วยว่าเฉิงโหรวโหรวมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับแม่เธอมาก ผมได้ให้คนนำภาพเหมือนที่หัวหน้าวาดไปให้คุณหมอหลี่ดู คุณหมอหลี่บอกว่าภาพเหมือนของนายหญิงเหมือนหลินหมินมาก ” ผู้ดูแลจ้งยังคงรายงานต่อไป ในขณะที่พูด ก็คอยเฝ้าสังเกตอาการของหัวหน้าไปด้วย
“หัวหน้า หรือเฉิงโหรวโหรวจะเป็น……” เดิมทีผู้ดูแลจ้งก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ตามสืบเรื่องนี้มานาน ไม่มีข้อพิรุธใดๆ อีกทั้งเรื่องราวทุกอย่างก็ดูจะสอดคล้องกันไปหมด ทำให้ผู้ดูแลจ้งก็นึกสงสัยการคาดเดาแต่เริ่มแรกของตัวเอง
เฉิงโหรวโหรวนั้นไม่ได้โดดเด่นอะไร และไม่ได้เพียบพร้อม แต่เด็กคนนี้ไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เกิด ชีวิตลำบากมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่อาหารและเสื้อผ้าก็ยังขาดแคลน บ้านที่อบอุ่นก็ไม่มี อีกทั้งยังต้องใช้ชีวิตในทุกวันด้วยความวิตกกังวล
เด็กที่โตมาในสภาพแบบนี้ ยังจะคาดหวังให้เธอเพียบพร้อมได้แค่ไหนกัน ?
“อะจ้ง ไหนนายเล่ามาสิว่าช่วงนี้เธอทำอะไรบ้าง ?”ซ่างกวนหงหยุดการวาดภาพลง แล้วหันมองมาที่ผู้ดูแลจ้ง จากนั้นจู่ๆก็ถามขึ้นมา
“หืม?”ผู้ดูแลจ้งอึ้ง สติหลุดไปชั่วขณะ
“หัวหน้ากำลังถามว่าเฉิงโหรวโหรวช่วงนี้ทำอะไรเหรอครับ?”เมื่อผู้ดูแลจ้งได้สติ ก็อดไม่ได้ที่จะถามกลับไปคำหนึ่ง
ซ่างกวนหงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ใช้มือแตะลงไปเบาๆ ทิ้งรอยสีลงบนกระดาษวาดรูป
“ช่วงนี้เธอได้ไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ รู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ และไม่มีอะไรที่พิเศษกว่านั้น ”ผู้ดูแลจ้งก็ยังให้ความสนใจกับเรื่องของเฉิงโหรวโหรวอยู่ รู้ว่าช่วงนี้เฉิงโหรวโหรวได้ไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆอยู่บ้าง
“เพียงแค่ช่วงไม่กี่วันนี้ เธอก็ไปร่วมงานเลี้ยงแล้วกว่าห้าครั้ง”ซ่างกวนหงหยิบพู่กันขึ้น แล้ววาดภาพของเขาต่อ
คำพูดนี้ของซ่างกวนหงทั้งนิ่งและผ่อนคลาย น้ำเสียงเรียบเฉย ฟังไม่ออกถึงความผิดปรกติทางอารมณ์ ราวกับพูดมันขึ้นลอยๆ!!