เรื่องที่มู่หรงดัวหยางส่งหมายศาลให้เย่ซือเฉินนั้น ไม่ว่าเย่ซือเฉินจะตอบอย่างไร การมีเธออยู่ ก็ไม่มีทางเกิดปัญหาอะไรกับมู่หรงดัวหยางและเย่ซือเฉินอยู่แล้ว
อันที่จริงเวินลั่วฉิงรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเพราะคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ทั้งนั้น เธอไม่เคยโทษเย่ซือเฉินมาก่อนเลย
ในทางกลับกัน เธอเข้าใจว่าเย่ซือเฉินลำบากใจ เพราะถึงอย่างไรทั้งสองคนนั้นก็โตกว่าเย่ซือเฉิน และอายุมากขนาดนั้นแล้วด้วย
อีกอย่างหลังจากที่คุณปู่เย่แกล้งเจ็บป่วยในครั้งก่อน เย่ซือเฉินก็แถลงต่อนักข่าว และอธิบายเรื่องทั้งหมด พูดได้ว่าเป็นเหมือนการตบหน้าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เลยล่ะ
แต่หลังจากนั้นเย่ซือเฉินถูกวางยาเลยทำให้เรื่องมันบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็อยากเป็นใหญ่ในตระกูลถัง ดังนั้นเลยพยายามจ้องจะทำร้ายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ เวินลั่วฉิงนั้นไม่เคยสนใจเลยแม้แต่น้อย
อันที่จริง เย่ซือเฉินทำอะไรไปมากมายแล้ว และมันก็ดีมากพอ ครั้งก่อนเย่ซือเฉินสัญญากับท่านปู่ถังที่ตระกูลถังว่าจะแก้ปัญหาที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่นั้นก่อเอาไว้ มันไม่ใช่การพูดลอยๆ เขาคิดวิธีเอาไว้แล้ว
แต่พอดีว่าเกิดเรื่องของถังจื่อโม่ เย่ซือเฉินเลยมัวแต่สืบเรื่องของถังจื่อโม่ เย่ซือเฉินยิ่งสืบก็ยิ่งพบว่าเรื่องมันแปลกมาก ยิ่งแปลกเย่ซือเฉินก็ยิ่งอยากจะตรวจสอบให้ชัดเจน
ดังนั้นเย่ซือเฉินเลยไม่ได้สนใจเรื่องของคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ในช่วงนี้ ขนาดงานเลี้ยงของเว้ยคังในครั้งนี้ยังเลื่อนออกไปเลย ดังนั้นคุณชายสามเย่เลยมาไม่ได้จริงๆ
“คูล!!” ฉู่หลิงเอ๋อเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะชม แล้วก็ผิวปากด้วย
ฉู่หลิงเอ๋อคิดไม่ถึงว่ามู่หรงดัวหยางจะให้คนส่งหมายศาลให้เย่ซือเฉิน เย่ซือเฉินเป็นคนอย่างไร?เย่ซือเฉินมีอำนาจมากมายขนาดไหน?มู่หรงดัวหยางเข้าใจมากกว่าใครดี
ดังนั้นมู่หรงดัวหยางเลยรู้ดีกว่าใครว่าไม่ควรมีเรื่องกับคุณชายสามเย่ แค่ตระกูลเย่ก็ทำให้คนกลัวมากพอแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้คุณชายสามเย่มีอิทธิพลมากกว่าตระกูลเย่ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
แต่ว่ามู่หรงดัวหยางรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรมีเรื่องกับคุณชายสามเย่ ไม่ควรไปแตะเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไม่ยังให้ทนายส่งหมายศาลให้เย่ซือเฉินต่อหน้าทุกคนแบบนี้ เขากล้าเป็นอย่างมากไม่มีใครเกินจริงๆ
มู่หรงดัวหยางเพิ่งได้เป็นประธานก็เปลี่ยนไป นี่มันบ้าอำนาจเหมือนประธานเลยล่ะ!!
มู่หรงดัวหยางมองไปทางฉู่หลิงเอ๋อ พลางมีรอยยิ้มในแววตา: “อันที่จริงคุณเองก็สามารถทำแทนเว้ยคังได้นะ”
“ฉันงั้นเหรอ?ฉันจะไปเหมือนได้อย่างไร” ฉู่หลิงเอ๋ออึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะมองมู่หรงดัวหยาง ด้วยแววตาเป็นประกาย เธอออกโรงปกป้องฉิงฉิงได้ แต่ว่ามันจะไม่เหมือนมู่หรงดัวหยางแน่นอน
“เหมือนสิ” มู่หรงดัวหยางยิ้มมุมปากร้ายๆ อย่างเห็นได้ชัด เสียงก็เบาลง แต่กลับชัดเจนเป็นอย่างมาก
“ฉันออกโรงปกป้องแทนฉิงฉิงได้ แต่เป็นตัวแทนเว้ยคังไม่ได้……” ที่จริงฉู่หลิงเอ๋อก็ทนไม่ไหว แต่เธอเห็นว่าวันนี้เป็นงานเลี้ยงของเว้ยคัง เลยไม่อยากให้มีเรื่องอะไร เลยอดทนเอาไว้
เธอรู้ว่าเวินลั่วฉิงคงจะคิดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเลยไม่อยากจะทำอะไรกับทั้งสองคนนี้เท่าไหร่
แน่นอน ว่าเธอเป็นตัวแทนเว้ยคังไม่ได้ อย่างมากเธอเองก็เป็นเพื่อนของมู่หรงดัวหยาง เธอกับเว้ยคังนั้นยังไม่สนิทสนมมากเท่าเวินลั่วฉิงกับเว้ยคังเลย
“คุณทำได้นั” มู่หรงดัวหยางมองฉู่หลิงเอ๋อตรงๆ โดยไม่กะพริบตา น้ำเสียงเองก็เบาเหมือนเดิม แต่กลับทำให้รู้สึกว่าจริงจัง เขาหยุดพูดเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเสริมขึ้นมา: “คุณเป็นตัวแทนฉันได้……”
มู่หรงดัวหยางสื่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่คิดสักหน่อย ก็สามารถเข้าใจความหมายของมู่หรงดัวหยางได้
ทุกคนที่คิดว่ามู่หรงดัวหยางกับเวินลั่วฉิงนั้นจะมีความสัมพันธ์อะไรที่ไม่ปกติหรือเปล่าเมื่อได้ยินคำพูดของมู่หรงดัวหยางก็ตกใจไป
มู่หรงดัวหยางกำลังสารภาพรักงั้นเหรอ!!
ทั้งหมดนี้มันชัดเจนมาก!!
หัวใจของหลายคนแตกสลาย เพราะรู้ว่ามู่หรงดัวหยางเพิ่งจะเข้ามาบริหารเว้ยคัง และรู้ว่ามู่หรงดัวหยางนั้นโสด ไม่มีแฟน แต่คิดไม่ถึงว่าจะสารภาพรักแบบนี้!!
สารภาพรักแล้ว!!
ฉู่หลิงเอ๋อนั้นไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองมาตลอด แต่ว่าฉู่หลิงเอ๋อก็ไม่ได้โง่ แต่ฉู่หลิงเอ๋อยังฉลาดมากอีกด้วย เมื่อมู่หรงดัวหยางพูดออกมาอย่างชัดเจนขนาดนี้ เธอก็เข้าใจในทันที
เธอมองมู่หรงดัวหยางไปตรงๆ โดยที่พูดอะไรไม่ออก แล้วก็ไม่ขยับ เหมือนจะเหม่อไปในทันที และลืมว่าควรตอบอย่างไร
มู่หรงดัวหยางกับเธองั้นเหรอ?
เธอคิดมาตลอดว่าเธอกับมู่หรงดัวหยางเป็นเพียงเพื่อนกันเฉยๆ อย่างมากก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่ามู่หรงดัวหยางจะชอบเธอ
เพราะว่าเธอกับมู่หรงดัวหยางรู้จักกัน เป็นตอนที่มู่หรงดัวหยางยังคบกับเฉียวหยูหนานอยู่ แล้วเฉียวหยูหนานมาขโมยแบบของฉิงฉิงไป ถึงมู่หรงดัวหยางจะเลิกกับเฉียวหยูหนาน แต่ว่าในตอนนั้น เธอก็เห็นกับตาว่ามู่หรงดัวหยางนั้นไร้ชีวิตชีวาและเศร้าใจเป็นอย่างมาก
ดังนั้น เธอเลยคิดมาตลอดว่ามู่หรงดัวหยางรักเฉียวหยูหนานมาก
ดังนั้นเธอเลยไม่คิดเรื่องนี้มาก่อน
“ยัยโง่ ยืนเหม่ออะไรอยู่?” มู่หรงดัวหยางยื่นมือมา ก่อนจะดีดหน้าผากฉู่หลิงเอ๋อเบาๆ ด้วยท่าทีสนิทสนมกันมาก ถ้าเกิดยังมีคนสงสัยกับคำพูดของมู่หรงดัวหยางอยู่นั้น ท่าทีของมู่หรงดัวหยางในตอนนี้คงจะเห็นได้ชัดมากพอแล้ว
ทุกคนต่างเห็นว่าฉู่หลิงเอ๋อมากับเวินลั่วฉิง เลยมีคนแอบคิด หรือว่ามู่หรงดัวหยางเห็นแก่ฉู่หลิงเอ๋อเลยช่วยเวินลั่วฉิง?
ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ ก็พอจะอธิบายได้อยู่
ฉู่หลิงเอ๋อมีสติกลับมา มุมปากก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ว่าไม่ได้พูดอะไรมาก อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เธอไม่ควรพูดอะไร
มู่หรงดัวหยางเห็นท่าทีของฉู่หลิงเอ๋อ เลยยิ้มในใจเบาๆ ด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าฉู่หลิงเอ๋อน่าจะเข้าใจความในใจของเขา ถ้าเธอเข้าใจก็ดี ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ต้องรีบมากก็ได้ ตอนนี้อยู่ในที่สาธารณะ บางเรื่องมันอาจจะมากเกินไปไม่ได้
ในสถานการณ์แบบนี้ยังมีเรื่องของฉิงฉิงที่ต้องแก้ไข เขาให้คนไปส่งหมายศาลให้เย่ซือเฉิน แต่ว่าคนที่พยายามจิกกัดฉิงฉิงนั้นเขาเองก็คงจะไม่ปล่อยไปเหมือนกัน
จะมามีเรื่องกับฉิงฉิงในที่ของเขา ใครทำให้พวกเธอกล้าขนาดนี้ ยังดีที่เขาเป็นคนเห็นคนพวกนี้ ไม่ใช่แม่ของเขา ถ้าเกิดแม่ของเขามาเห็นคนพวกนี้กลั่นแกล้งฉิงฉิง เขาไม่อยากจะคิดผลที่จะตามมาเลย
“เมื่อครู่ใครขวางเวินลั่วฉิง?” มู่หรงดัวหยางรีบหันไปมองคนที่พูดจาแดกดันเวินลั่วฉิงอย่างรวดเร็ว เหมือนกำลังจะคิดบัญชีคนเหล่านั้นอย่างเห็นได้ชัด!