เวินลั่วฉิงเบ้ปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ว่าตอนนี้คงไม่ต้องการให้เธอพูดอะไร เพราะว่าเด็กผู้หญิงกำลังจะให้คำตอบเอง
“เขา เขาพาฉันกลับไป ไปที่ที่โรงแรมเล็กๆ นั้น……” ระหว่างการไลฟ์ เด็กผู้หญิงปากสั่นเป็นอย่างมาก ฟันที่กัดอยู่ก็สั่นเหมือนกัน ดูเหมือนจะกลัวมาก เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ชะงักไป
มุมปากของเวินลั่วฉิงยกขึ้นเล็กน้อย พลางมีรอยยิ้มเย็นชา การวางแผนในใจนั้น เธอเจอมาไม่น้อยเลย แต่วันนี้ได้เปิดโลก ที่เด็กอายุสิบกว่าขวบนั้น……
เหลือเชื่อจริงๆ !
“แล้วอย่างไรต่อ?” ระหว่างไลฟ์ก็มีเสียงของเจิ้งเยว่แทรกเข้ามา เสียงของเจิ้งเยว่นั้นมีความระวังอยู่มาก เห็นได้ชัดว่ากลัวจะไปทำให้เด็กตกใจ
“เขาให้คุณป้าคนหนึ่งอาบน้ำให้ฉัน จากนั้นเขาก็ให้ป้าคนนั้นออกไป แล้วก็เหลือเพียงพวกเราสองคน……” เด็กผู้หญิงก้มหน้าลง จากนั้นก็หายใจอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าเพราะคิดถึงเรื่องน่ากลัวอะไรหรือเปล่า ตัวของเธอก็สั่นอย่างเต็มแรง
เด็กผู้หญิงหยุดพูดไปสักพัก การหยุดพูดไปของเด็กผู้หญิง ทำให้คนที่ฟังคิดถึงความกลัวและความเจ็บปวดของเด็กผู้หญิง แต่เวินลั่วฉิงกลับมองความคิดของเด็กผู้หญิงออก
การพูดๆ หยุดๆ ของเด็กผู้หญิงนั้นดูเก่งไม่เบา
น่าจะมีคนสอนมาก่อน แต่ถือว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นทำได้ไม่เลวเลยล่ะ
เวินลั่วฉิงรู้ว่าบางคน บางเหตุการณ์จะสามารถบังคับให้ทำเรื่องแย่ๆ ได้ แต่นั่นก็เพราะว่าคิดร้ายอยู่ในใจอยู่แล้ว ส่วนเด็กผู้หญิงคนนี้ก็ถือว่าเป็นคนที่คิดร้ายที่เห็นได้บ่อย
ถึงเด็กผู้หญิงคนนี้จะอายุเพียงสิบกว่าขวบ แต่จิตใจกลับยากแท้หยั่งถึง อีกฝ่ายน่าจะได้ประโยชน์มากมาย
“เขาทำอะไรคุณ?” เสียงของเจิ้งเยว่นั้นเหมือนจะต่ำลงเล็กน้อย เวินลั่วฉิงดูแล้ว อารมณ์ของเจิ้งเยว่ในตอนนี้หนักใจกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นอีก
“เขา เขากอดฉัน ลูบคลำฉัน แถมยังจูบฉันด้วย ทำให้ฉันเจ็บอีกต่างหาก” เด็กผู้หญิงก้มหัวลง ก่อนจะเอามือทั้งสองกำชายเสื้อเอาไว้แน่น พลางจิกอย่างเต็มแรง น่ากลัวเป็นอย่างมาก
แต่คำพูดของเด็กผู้หญิงคนนั้นกลับพูดออกมาอย่างชัดเจน ความหมาย ก็ชัดเจนเช่นกัน
“เขาทำอย่างนั้นกับคุณจริงๆ เหรอ?” เจิ้งเยว่กลับถอนหายใจ เสียงก็ยิ่งแหบแห้งมากกว่าเดิม เจิ้งเยว่เองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่เด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าขวบที่อยู่ตรงหน้านี้ ในตอนนี้ดูกลัวเป็นอย่างมาก และดูกดดันอย่างสุดขีด เลยทำให้เธอไม่เชื่อไม่ได้
“ฉัน ตอนนี้ฉัน……” เด็กผู้หญิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะมองเจิ้งเยว่ดวงตากลับมองไปที่กล้องพอดี
ดวงตาของเด็กผู้หญิงคนนั้นมน้ำตาออกมา แววตานั้นมีน้ำตาไหลออกมาอย่างไร้เสียง ดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก
ปากของเด็กผู้หญิงคนนั้นมุบมิบอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความยากลำบาก: “ร่างกายของฉันเจ็บปวด ข้างบนเจ็บมาก และข้างล่างก็เจ็บเหมือนกัน”
เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตอบเจิ้งเยว่โดยตรง แต่คำพูดของเด็กผู้หญิงในตอนนั้นกลับทำให้คนตกใจมากกว่าตอบไปตรงๆ เสียอีก ซึ่งผลที่ออกมามันจะดีมากกว่าเดิม
แน่นอน ว่านั่นเป็นผลของอีกฝ่าย เมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นพูดจบ ก็ก้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะจับคอเสื้ออย่างไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าของเธอนั้นเผยให้เห็นความตกใจขึ้นมา
เวินลั่วฉิงเห็นได้ชัดผ่านกล้อง ว่าแววตาของเธอนั้นมันเต็มไปด้วยความเย็นชาไร้อารมณ์แค่ไหน
“คุณรู้จักคนนั้นไหม?คุณรู้ว่าเขาคือใครไหม?” ในฐานะที่เจิ้งเยว่เป็นนักข่าว มีบางคำถามที่ต้องถามจริงๆ แต่ตอนที่เธอถามคำถามนั้น ยังมีอะไรบางอย่างที่ยังลังเลไม่น้อย
“ฉันไม่รู้จักเขา ฉันไม่รู้ชื่อของเขา แต่วันนี้ฉันเห็นรูปของเขาในโทรศัพท์” เด็กผู้หญิงไม่ได้พูดชื่อของถังหยุนเฉิงออกไปตรงๆ คำพูดแบบนี้มันยิ่งทำให้ไม่ต้องสงสัยไปใหญ่
“รูปของเขางั้นเหรอ?รูปไหนล่ะ?” เมื่อเจิ้งเยว่ได้ฟังเด็กผู้หญิงพูดแบบนั้น ก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังถามเด็กผู้หญิงต่อไป
ร่างกายของเด็กผู้หญิงคนนั้นขยับเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะ อาจจะไปทำให้เจ็บร่างกายได้ เด็กผู้หญิงคนนั้นเลยร้องออกมา มีมือหนึ่งที่กดเอาไว้ตรงหว่างขาพอดีตามสัญชาตญาณ
ท่าทีของเด็กผู้หญิงคนนั้นเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ในสายตาของทุกคนนั้น มันมองความเป็นไปได้ออกในทันที
เด็กผู้หญิงบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าเธอเจ็บไปทั้งส่วนบนและส่วนล่างของเธอ ดังนั้นเลยกลัวว่าจะเจ็บเป็นอย่างมาก
เวินลั่วฉิงมองโทรศัพท์ ก่อนจะยิ้มมมปากขึ้นมาด้วยความเย็นชา
“ฉันช่วยหยิบให้แล้วกัน” เจิ้งเยว่อดไม่ได้ เลยส่งโทรศัพท์ให้เด็กผู้หญิง จากนั้นแววตาของเจิ้งเยว่ก็มองไปทางเด็กผู้หญิง พลางมีสีหน้าเปลี่ยนไป
เด็กผู้หญิงเจ็บเสียขนาดนั้น จะบาดเจ็บขนาดไหนนะ?
เมื่อครู่เธอเห็นผลตรวจของหมอแล้ว ยังคิดว่าหมอเขียนเกินไป แต่ตอนนี้เหมือนจะเป็นจริง
เด็กผู้หญิงรับโทรศัพท์ไป ก่อนจะเปิดขึ้นมา แล้วก็หารูปรู้หนึ่ง จากนั้นก็ส่งให้เจิ้งเยว่พลางชี้: “เขานี่แหละ”
รูปนั้น เด็กผู้หญิงคนนั้นส่งมาให้เจิ้งเยว่ดู แต่เด็กผู้หญิงกลับทำให้รูปมันหลุดไปตรงกล้องพอดี
ขอแค่เป็นคนที่ได้ดูไลฟ์ในตอนนี้ก็จะได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นชี้ไปที่รูปแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าคือถังหยุนเฉิง!!
นี่นเป็นรูปที่เมื่อวานถังหยุนเฉิงให้สัมภาษณ์ที่เมืองไห่
“เขาเป็นปีศาจ พวกคุณดูสิว่าเขาทำร้ายเด็กจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว?นี่เป็นผลตรวจจากโรงพยาบาล พวกคุณดุสิ ดูสิ” พ่อของเด็กผู้หญิงพูดออกมาเสียงดัง แถมยังส่งผลตรวจมาตรงกล้องพอดี
ผลตรวจนั้นไม่ได้เห็นได้ชัดมาก แต่ถ้าดูดีๆ ก็จะเห็นเนื้อหาโดยละเอียด
ผลตรวจนั้นมันบอกว่าร่างกายของเด็กผู้หญิงบาดเจ็บเป็นอย่างมาก
“เด็กคนนี้นี่มัน……” เย่ซือเฉินคิดว่าร้ายกาจไม่เบา แต่ตอนนี้กลับหาคำมาอธิบายเด็กคนนี้ไม่ออก
เด็กผู้หญิงทำแบบนี้เพราะมีคนสอน แต่เด็กผู้หญิงสามารถแสดงมาได้ขนาดนี้ มันทำให้น่าตกใจจริงๆ
“ไม่ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว” เวินลั่วฉิงปิดไลฟ์ ดวงตาคู่นั้นมองผ่านกระจกไป แววตาโศกเศร้า แต่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เย่ซือเฉินเองก็รู้ว่าไปที่โรงพยาบาลก็ไม่เกิดประโยชน์ อีกอย่างถ้าพวกเขาไป มีแต่จะทำให้เรื่องมันวุ่นวายมากกว่าเดิม
“ไปไหนเหรอ?” เย่ซือเฉินไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อไป ในตอนนี้มันเกิดความคิดของเย่ซือเฉินไปแล้ว
ความรู้สึกนึกคิดของความเป็นคนไปแล้ว
เย่ซือเฉินเองก็รู้ว่าเมื่อไลฟ์นี้ออกไป เกรงว่าจะเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น แถมมันจะยากลำบากต่อถังหยุนเฉิงมากขึ้นด้วย เรื่องแบบนี้มันเลวร้ายพออยู่แล้ว ข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ ทุกคนคงจะยังสงสัยอยู่ไม่น้อยเลย
ตอนนี้เด็กผู้หญิงพูดออกมาจากปากเอง เย่ซือเฉินก็รู้ผลของมันอย่างชัดเจนแล้ว
เด็กสิบกว่าขวบพูดออกมาแบบนี้ แถมยังมีบาดแผลแบบนั้นอีก ไม่มีใครจะไปสงสัยเด็กผู้หญิงคนนั้นแน่นอน มีแต่จะด่าและสาปแช่งถังหยุนเฉิงเท่านั้น
“กลับเมืองA” เวินลั่วฉิงยิ้มขึ้นเล็กน้อยที่มุมปาก แต่กลับเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม: “อีกฝ่ายเข้ามาหาฉันเอง ในเมื่อเป็นคนเข้ามาเอง ฉันก็จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง”