จู่ๆเย่ซือเฉินก็จัดงานแถลงข่าวเพื่อตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แบบนี้ คุณปู่เย่คงต้องกังวลใจมาก ในตอนนี้คุณปู่เย่อยากจะพูดคุยอะไรกับเย่ซือเฉินก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
นักข่าวหลู่ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์เข้าไปใกล้กับใบหูของเย่ซือเฉิน และในเวลาเดียวกันนี้ นักข่าวหลู่ก็จงใจพูดเสียงดังว่า “คุณชายสามเย่ นี่เป็นสายจากคุณปู่เย่ คุณจัดงานแถลงข่าวตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ คุณปู่เย่คงร้อนใจมาก คุณปู่เย่มีเรื่องจะพูดกับคุณ ”
ดวงตาของเย่ซือเฉินหรี่ลงอย่างรวดเร็ว สายตาเย็นชากวาดมองมาที่นักข่าวหลู่ คำพูดเมื่อกี้ของเขาก็พูดมันอย่างชัดเจนแล้ว เขากับตระกูลเย่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีก เห็นชัดว่านักข่าวหลู่คนนี้จงใจชัดๆ
“คุณชายสามเย่ คุณควรจะคิดถึงความรู้สึกของผู้แก่บ้าง พวกเขาอายุมากแล้ว ตอนนี้คุณบอกว่าไม่ยอมรับพวกเขา นี่มันเป็นการกระทำที่ทำลายพวกเขาชัดๆ ยังไงคุณก็ฟังที่คุณปู่เย่เขาจะพูดสักหน่อยดีกว่า ” นักข่าวหลู่มองสบตากับเย่ซือเฉิน ตกใจกลัวจนมือไม้สั่น มือถือเกือบร่วงหล่นลงพื้น
แต่แล้วนักข่าวหลู่ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแล้วแนบไปที่ข้างๆหูของเย่ซือเฉินอีกครั้ง
“คุณทำอะไร ? อย่าให้มันมากเกินไปนัก”คุณชายห้าฉิงที่อยู่ข้างๆกับเย่ซือเฉินโกรธจนหน้าเขียว นักข่าวพวกนี้ก็เกินไป พวกเขาทำแบบนี้จงใจจะสร้างความอึดอัดใจให้กับพี่สามมากกว่าละมั้ง ?
อีกทั้งที่นักข่าวคนนี้พูดมันเรื่องบ้าอะไรกัน ?
ดูเหมือนที่พี่สามตัดขาดกับตระกูลเย่นั้นเป็นความผิดของพี่สามยังไงอย่างงั้น ? หากไม่ใช่เพราะคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ทำเรื่องเกินกว่าเหตุ พี่สามจะทำแบบนี้เหรอ ?
“คุณชายห้าฉิง คุณปู่เย่อายุมากแล้ว ตอนนี้จู่ๆคุณชายสามเย่ก็มาบอกว่าไม่ยอมรับพวกเขา คุณเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาไหม ? ตอนนี้พวกเขาคงกลัวแทบแย่ ดังนั้นผมคิดว่าโทรศัพท์สายนี้คุณชายสามเย่น่าจะรับสักหน่อย เกิดคนแก่เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ? ” นักข่าวหลู่พูดกับคุณชายห้าฉิง คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
คุณชายห้าฉิงโมโหจนอยากจะก่นด่า แต่เขาในตอนนี้ก็โต้ตอบนักข่าวไปไม่ได้ อีกทั้งเขาก็ไม่มีทางว่าร้ายคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ในสถานที่แบบนี้แน่ ต่อให้คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จะทำไม่ถูกยังไง พวกเขาที่เป็นเด็กกว่ามาวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังแบบนี้มันไม่สมควรแน่นอน
หากเขาพูดอะไรออกไปในตอนนี้ ย่อมต้องส่งผลเสียกับพี่สามด้วยเช่นกัน ดังนั้นคุณชายห้าฉิงจำต้องระงับอารมณ์โกรธที่มีในใจของเขาลงไป
คุณชายห้าฉิงในฐานะผู้กำกับการสถานีตำรวจนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาต้องควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองอย่างมากแบบนี้
เย่ซือเฉินไม่ได้สนใจนักข่าวหลู่ หันหลังกลับทันที แล้วเดินไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ในเมื่อเขาพูดแล้วว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ ก็ย่อมต้องตัดให้ขาด ต่อให้จะมีคนว่าเขาไม่มีเหตุผล เขาก็ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน
เมื่อนักข่าวหลู่เห็นว่าเย่ซือเฉินกำลังจะเดินจากไป ก็ขืนยกมือขึ้นแล้วแนบโทรศัพท์มือถือไปที่ข้างใบหูของเย่ซือเฉินอีกครั้ง หากเป็นเมื่อก่อนนักข่าวหลู่ไม่มีทางกล้าทำอย่างนี้แน่ แต่ตอนนี้สถานะของเย่ซือเฉินไม่เหมือนเดิมแล้ว เย่ซือเฉินไม่ใช่ประธานของบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปอีกต่อไป เห็นชัดว่านักข่าวหลู่นั้นไม่คิดจะยำเกรงเลย
ดวงตาของเย่ซือเฉินจ้องเขม็ง กำลังจะหันหลังกลับ เพื่อหลบเลี่ยงโทรศัพท์มือถือของนักข่าวหลู่ และในตอนนี้เอง เสียงของถังจื่อซีก็ดังเล็ดลอดออกมาจากมือถือนั้น
“พ่อค่ะ พ่อค่ะ ”เสียงเรียกของถังจื่อซี ชัดเจนมาก และเหมือนมาก เย่ซือเฉินเองก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
เย่ซือเฉินที่กำลังจะหันหลังกลับร่างทั้งร่างก็แข็งค้าง ดวงตาทั้งคู่จมดิ่งลึก โทรศัพท์ของคุณปู่เย่มีเสียงของถังจื่อซีได้ยังไงกัน?
คนของคุณปู่เย่หาตัวถังจื่อซีเจอแล้วงั้นเหรอ ? จากนั้นคุณปู่เย่ก็จับตัวถังจื่อซีไปที่ตระกูลเย่งั้นเหรอ ?
พวกเขากำลังใช้ตัวถังจื่อซีเพื่อบีบบังคับให้เขากลับไปงั้นเหรอ ?
ตอนนี้ดวงตาของเย่ซือเฉินเย็นเยือกจนสุดขั้ว เดิมทีเรื่องที่คุณปู่เย่ให้คนออกตามหาตัวเวินลั่วฉิงกับถังจื่อซีเขาไม่อยากจะเอาเรื่องแล้วเพราะเขาเองก็ตัดขาดกับตระกูลเย่แล้ว กู้หวูเองก็สังเกตเห็นแผนการของคุณปู่เย่มาก่อนล่วงหน้า คุณปู่เย่คงไม่คิดจะทำร้ายเวินลั่วฉิงกับถังจื่อซีหรอกนะ
แต่ว่า เย่ซือเฉินไม่คิดว่าตอนนี้เขาจะจับตัวถังจื่อซีมาได้แล้ว ?
“เย่ซือเฉิน ฉันพาตัวเด็กกลับมาแล้ว แกอยากจะกลับมาดูไหม” เย่ซือเฉินกำลังครุ่นคิด และเสียงของคุณย่าเย่ก็ดังขึ้นมาจากในโทรศัพท์ เสียงของคุณย่าเย่ในตอนนี้ฟังดูแล้วอ่อนโยนมาก อีกทั้งยังเป็นน้ำเสียงของการเจรจา แต่น้ำเสียงนั้นก็สื่อความหมายชัดเจนมาก
นี่คือต้องการให้เย่ซือเฉินกลับไป !!
“หากผมไม่กลับไปล่ะ ? ”ดวงตาของเย่ซือเฉินเย็นเยือกราวกับจะแช่ทุกสรรพสิ่งให้แข็งตัวได้ และแน่นอนว่าน้ำเสียงของเขาก็เย็นเยือกเข้ากระดูกด้วยเช่นเดียวกัน
“เย่ซือเฉิน นี่เป็นลูกของแกเองนะ หรือแม้แต่ลูกแกก็ไม่ต้องการแล้ว ?” อีกฝั่งของปลายสาย น้ำเสียงของคุณย่าเย่ยังคงอ่อนโยน แต่ครั้งนี้เห็นชัดว่าน้ำเสียงนั้นของคุณย่าเย่แฝงไปด้วยการข่มขู่
เย่ซือเฉินเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าที่มืดมน กับดวงตาที่เย็นเยือก สภาพในตอนนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“เย่ซือเฉิน ยังไงแกก็กลับมาดูเอาเองเถอะ เด็กคนนี้มาที่ตระกูลเย่ครั้งแรก น่าจะยังปรับตัวไม่ได้ ฉันกลัวว่าเธอจะตกใจจนขวัญเสีย”คุณย่าเย่มองผ่านการถ่ายทอดสดที่สามารถมองอากัปกิริยาของเย่ซือเฉินได้อย่างชัดเจน คำพูดในความหมายของคุณย่าเย่ก็ยิ่งข่มขู่คุกคามอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น
จู่ๆเย่ซือเฉินก็หัวเราะเยาะออกมาอย่างเย็นชา เสียงหัวเราะนี้เยือกเย็นจนสุดขั้ว เยาะเย้ยอย่างสุดขีด นี่เหรอคนใกล้ชิดญาติสนิทของเขา ไม่สิ ต้องเรียกว่าคนเคยใกล้ชิดสนิทสนมมากกว่า พวกเขาข่มขู่เขาแบบนี้เหรอ ?
พวกเขาจับตัวลูกของเขามา จากนั้นก็มาข่มขู่เขาให้เขากลับไปที่บ้านตระกูลเย่ จากนั้นก็ให้การแถลงข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทั้งหมดเป็นเพียงแค่เรื่องตลกล้อเล่นเท่านั้น
พวกเขาก็ช่างใช้ทุกวิธีไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล!!
นี่เหรอครอบครัว?!!!ช่างน่าขำจริงๆ!!
ในสายตาของพวกเขา คงไม่เคยมีคำว่าครอบครัวเลยมั้ง พวกเขาต่างก็รู้ว่าถังจื่อซีเป็นลูกของเขา และรู้ว่าถังจื่อซีเป็นสายเลือดของตระกูลเย่ แล้วพวกเขาทำอะไรกับถังจื่อซี ?
พวกเขาอยากจะให้ถังจื่อซีไปให้พ้นๆ ให้ถังจื่อซีต้องพรากจากพ่อแม่ พวกเขาอยากจะแยกถังจื่อซีออกมาแล้วให้ใช้ชีวิตลำพังในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
ตอนนี้พวกเขายังจับตัวถังจื่อซีมาอีก ใช้ถังจื่อซีมาข่มขู่เขา ?
ทำไมพวกเขาถึงได้โหดร้ายอย่างนี้ จิตใจของพวกเขาทำมาจากก้อนหินหรือยังไง?
“พี่สาม เป็นอะไรไป ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”คุณชายห้าฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆเย่ซือเฉินมาโดยตลอด ย่อมต้องสังเกตเห็นอารมณ์การเปลี่ยนแปลงของเย่ซือเฉิน คุณชายห้าฉิงเห็นสภาพของเย่ซือเฉินในตอนนี้ ตัวเขาเองก็ต้องตกใจจนอ้าปากค้างไปด้วย
เขารู้จักกับพี่สามมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพี่สามมีท่าทีที่น่ากลัวขนาดนี้
คุณชายห้าฉิงในตอนนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน นับประสากับพวกนักข่าว
นักข่าวคนก่อนๆต่างก็ไม่ยำเกรงเย่ซือเฉินเพียงเพราะเย่ซือเฉินไม่ใช่ประธานอีกต่อไป และทุกคนต่างก็รุมทึ้งเบียดเสียดกันเข้าหา ตอนนี้เห็นสภาพหน้าตาของเย่ซือเฉิน พวกเขาต่างก็พากันเข่าอ่อน ไม่กล้ารุมทึ้งเบียดเสียดกันเข้ามาอีก
บางคนที่ขี้ขลาดหน่อยก็ถึงกับต้องถอยร่นออกไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะตอนนี้สภาพของคุณชายสามเย่นั้นน่ากลัวมาก คุณชายสามเย่ในตอนนี้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อคนให้ได้ยังไงอย่างงั้น
ก่อนหน้านักข่าวหลู่ก็พยายามที่เอาโทรศัพท์ตัวเองไปแนบอยู่ที่หูของเย่ซือเฉิน ตอนนี้นักข่าวหลู่เห็นหน้าตาของเย่ซือเฉินแล้ว ก็ตกใจกลัวจนมือไม้สั่นไปหมด เดิมทีจากมือที่เคยอยู่ใกล้กับใบหูของเย่ซือเฉินก็ต้องเก็บกลับเข้าที่ไป
“เย่ซือเฉิน แกรีบกลับมาเร็วๆ หากแกไม่กลับมา ฉันจะเอาตัวเด็กคนนี้ไป ให้แกไม่มีวันได้เจอเธออีกเลยตลอดชีวิตนี้”และในตอนนี้เอง เสียงของคุณปู่เย่ก็ดังมาจากในโทรศัพท์ แม้ว่าโทรศัพท์มือถือของนักข่าวหลู่จะอยู่ห่างจากเย่ซือเฉินพอประมาณแล้วก็ตาม แต่เย่ซือเฉินก็ได้ยินเสียงของคุณปู่เย่ดังออกมาอย่างชัดเจน
คุณชายห้าฉิงในตอนนี้ก็ยังคงยืนอยู่ข้างๆของเย่ซือเฉิน ดังนั้นจึงได้ยินคำพูดของคุณปู่เย่อย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน
“แม่งเอ๊ย นี่พวกเขาจะทำเกินไปแล้วนะ นั่นมัน……” เดิมทีนิสัยของคุณชายห้าฉิงก็เป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว ในตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสบถคำด่าออกมา นั้นมันลูกสาวแท้ๆของพี่สามเชียวนะ เป็นสายเลือดของตระกูลเย่ คุณปู่เย่คิดที่จะเอาตัวลูกสาวของพี่สามไป นี่มันจะมากเกินไปแล้ว ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ
คุณชายห้าฉิงที่กำลังร้อนใจจนเกือบจะพูดเรื่องของเด็กน้อยออกมา คุณชายห้าฉิงคิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องลูกสาวของเย่ซือเฉินยังไม่เป็นที่รู้กัน ในสถานการณ์แบบนี้พูดออกไปไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นคุณชายห้าฉิงจำต้องกลืนคำพูดทุกคำลงคอไป
“พี่สาม ตอนนี้ทำยังไงกันดี ?”กลืนคำพูดลงคอ นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ควรทำยังไงดี ?
คุณปู่เย่จับตัวลูกของพี่สามไป แล้วข่มขู่พี่สาม ยังบอกอีกว่าหากพี่สามไม่กลับไปตอนนี้จะไม่ได้เจอหน้าลูกอีก สถานการณ์ของพี่สามในตอนนี้หากไม่รีบกลับไป ด้วยนิสัยของคุณปู่เย่คงทำอย่างที่พูดไว้ได้แน่
แต่พี่สามเพิ่งประกาศตัดขาดกับตระกูลเย่ หากพี่สามกลับไปตอนนี้ ที่ทำมาทั้งหมดก็จะกลายเป็นเรื่องตลกนะสิ ?
ตอนนี้ควรทำยังไงดี?!
พี่สามควรทำยังไงดี ?!