หลินเป้ยอยู่ใกล้กับถังหลินมาก แน่นอนว่าย่อมได้ยินเสียงของเจ้าชายใหญ่ อีกอย่างตอนนี้ถังหลินเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างหูของเธอ หลินเป้ยไม่อยากรับแต่ก็เลี่ยงไม่ได้
“พี่ใหญ่” หลินเป้ยแอบถอนใจก่อนจะเอ่ยปากออกมา แม้ว่าตอนนี้เธอพยายามจะฝืนตัวเองเอาไว้ พยายามควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้ผิดปกติ แต่สีหน้าของเธอกลับแสดงอารมณ์ออกมาทั้งหมด นั่นคืออารมณ์โกรธ
“หลินเป้ย เราออกไปรับถังหลินด้วยหรือ ทำดีมาก เราจัดการทุกอย่างรอบคอบจริงๆ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าถังหลินจะมาถึงก่อนกำหนด ขนาดพี่ยังไม่รู้ข่าวเลย สุดท้ายแล้วเราก็เป็นคนที่พี่ไว้ใจได้มากที่สุด” เมื่อเจ้าชายใหญ่ได้ยินเสียงของหลินเป้ยอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงพูดฉอดๆ ออกมาไม่หยุด
“ในเมื่อเราไปรับถังหลินแล้ว งั้นก็ช่วยจัดการให้เรียบร้อยด้วยล่ะ” เจ้าชายใหญ่หยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะเสริมขึ้นอีกประโยคหนึ่งว่า “เรื่องนี้เสด็จพ่อให้ความสำคัญมากนะ”
แน่นอนว่าเสด็จพ่อต้องให้ความสำคัญ เพราะตอนนี้คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ต้องรับมือถังหลินและเย่ซือเฉิน องค์กรโกสต์ซิตี้จึงกำลังสร้างความวุ่นวายอย่างมาก สร้างความเดือดร้อนไปหลายพื้นที่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเข้ามาสนใจ
ส่วนตอนนี้คือเวลาที่พวกเขาเลือกแล้ว เลือกว่าจะยืนอยู่ข้างองค์กรโกสต์ซิตี้หรือว่าจะอยู่ข้างถังหลินกับเย่ซือเฉิน
แม้ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้จะยิ่งใหญ่ แต่เย่ซือเฉินกับแปดสุดยอดวงศ์ตระกูลอยู่ญี่ปุ่นมาหลายปีจนสร้างความแข็งแกร่งขึ้นมาแทบจะไม่ด้อยไปกว่าองค์กรโกสต์ซิตี้เลย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลประโยชน์ที่เย่ซือเฉินให้พวกเขามากกว่าขององค์กรโกสต์ซิตี้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าเมืองย่อมเอนเอียงไปทางถังหลินกับเย่ซือเฉินมากกว่า
ทว่าเจ้าเมืองก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนมากนัก เขาเป็นคนเสนอว่าควรเลือกข้างถังหลินกับเย่ซือเฉิน แต่เจ้าเมืองก็ยังคงลังเลเพราะไม่อยากมีปัญหากับองค์กรโกสต์ซิตี้เช่นกัน
แต่ความคิดที่เขาเสนอให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับถังหลิน เจ้าเมืองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร นั่นก็เป็นเครื่องแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเจ้าเมืองเลือกยืนอยู่ข้างถังหลิน
แน่นอนว่าเจ้าชายย่อมรู้ว่า เจ้าเมืองจะต้องเจรจาเงื่อนไขบางอย่างกับถังหลิน
เจ้าชายใหญ่รู้ถึงอำนาจของถังหลินกับเย่ซือเฉินดี ดังนั้นเจ้าชายใหญ่เชื่อว่าหลังจากเจ้าเมืองได้พบกับถังหลินแล้ว จะต้องเลือกยืนอยู่ฝั่งเดียวกับถังหลินแน่นอน
หากวันนั้นมาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายจะต้องพัฒนาไปอีกขั้น และถังหลินจะได้รับการนับถือและการต้อนรับอย่างอบอุ่นตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น
“หลินเป้ย เรื่องบางเรื่องคงไม่ต้องพูดนะ เราฉลาดขนาดนั้นจะต้องเข้าใจแน่ เราคงรู้ว่าควรจะทำอย่างไร” เจ้าชายใหญ่พูดผ่านโทรศัพท์ คำพูดบางอย่างจึงไม่สามารถพูดออกไปตรงๆ ได้ แต่เขาเชื่อว่าหลินเป้ยต้องเข้าใจความหมายของเขาแน่
“หลินเป้ย เรารู้จักกับถังหลินพอดี แถมเรายังช่วยเขาในครั้งที่แล้ว เรื่องนี้ยกให้เราจัดการเหมาะสมที่สุดแล้ว” เจ้าชายใหญ่เชื่อใจหลินเป้ยอย่างหมดใจ บวกกับเรื่องที่หลินเป้ยเคยรู้จักกับถังหลินมาก่อนหน้านั้นอีก เจ้าชายใหญ่จึงยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องไม่มีปัญหา
“เอาล่ะ พี่วางใจในตัวเรา เรื่องนี้เอาตามนี้ก็แล้วกัน ให้เราเป็นคนดูแลถังหลิน ช่วงเวลาที่ถังหลินอยู่ที่ญี่ปุ่นต่อจากนี้ก็ให้เราช่วยดูแลไป เราต้องดูแลถังหลินให้ดีๆ ล่ะ” เจ้าชายใหญ่ไม่ปล่อยให้หลินเป้ยมีโอกาสได้พูดแต่กลับวางแผนทุกอย่างอย่างดิบดี
คำพูดที่หลินเป้ยเตรียมจะบอกว่าไม่ได้มารับถังหลินติดอยู่ที่ปากของเธอ แต่กลับไม่มีโอกาสได้พูดออกไป
อีกอย่างหลินเป้ยยังรู้อีกว่าถ้าตอนนี้เธอไม่พูดว่ามารับถังหลิน เจ้าชายใหญ่จะต้องไล่ถามเธอแน่ๆ ว่าเธอมาทำอะไรที่สนามบิน
คำถามนี้ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรตอบว่าอย่างไร!!
ขณะที่หลินเป้ยคิดจะเอ่ยปาก เจ้าชายใหญ่กลับวางสายไปเสียแล้ว
หลินเป้ยเหม่อมองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไปแล้ว อะไรคือเอาตามนี้แล้วกัน?
อะไรคือการเอาถังหลินให้เธอดูแล
ให้เธอดูแลถังหลินมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตอนนี้คนที่เธออยากหลบหน้ามากที่สุดคือถังหลิน แต่เจ้าชายใหญ่กลับสั่งให้เธอเป็นคนจัดการดูแลถังหลินตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น?
เป็นงี้ได้ไง?
ทำไมเธอถึงซวยขนาดนี้
“เจ้าชายน้อยอุตส่าห์มารับฉันทั้งที อย่างนั้นเราไปกันเถอะ” ถังหลินอยู่ใกล้กับเธอย่อมได้ยินสิ่งที่เจ้าชายใหญ่พูด ซึ่งถังหลินพอใจกับการจัดการของเจ้าชายใหญ่มาก มากอย่างยิ่ง
ด้วยความฉลาดของถังหลิน ทำให้เขารู้ได้ว่าหลินเป้ยเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ไม่ได้เดินทางไปราชการและไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดกับเรื่องบ้านเมือง เมื่อครู่นี้หลินเป้ยยังพูดเองด้วยว่าต้องการเดินทางไปเที่ยว ในเมื่อไม่มีธุระอะไรสำคัญ ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น
หากเป็นหลินเป้ยคนก่อนที่เย็นชาไร้อารมณ์ เขาเองคงทำตัวยาก แต่ตอนนี้เหตุการณ์กลับราบรื่นขึ้นเป็นพิเศษ
หลินเป้ยสูดหายใจเข้า และหายใจออก เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง บังคับตัวเองไม่ให้พูดกับเขาว่า “ใครมารับคุณ?”
ตอนนี้หากพูดไปเช่นนั้นก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อเจ้าชายใหญ่กำชับกับเธอแล้ว เธอไม่ทำก็ไม่ได้
แม้ว่าเมื่อก่อนเธอตั้งใจหลีกเลี่ยงอย่างชัดเจน แต่ในตอนนั้นเจ้าชายใหญ่ยังไม่ได้สั่งการเธออย่างชัดเจน
หลินเป้ยรู้สึกว่าเธอโดนถังหลินเล่นงานเสียแล้ว ถูกต้อง เธอโดนเล่นงาน
ถังหลินยังคงมีเล่ห์เหลี่ยมเยอะและร้ายกาจเหมือนเดิม
หลินเป้ยถลึงตาใส่ถังหลินโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นลากกระเป๋าแล้วเดินไป เจ้าชายใหญ่สั่งการเธอชัดเจนขนาดนั้น หลินเป้ยจะสลัดถังหลินให้พ้นตัวไม่ได้อีก อีกทั้งยังจำเป็นต้องดูแลถังหลินอย่างดีอีก
เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงหนีไปไหนไม่ได้แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ตอนนี้ที่หนีไปไหนไม่ได้
แววตาของถังหลินตกไปอยู่ที่หลินเป้ยที่กำลังลากกระเป๋าเดินทาง ก่อนจะยิ้มแล้วกล่าวเน้นทีละคำว่า “เอากระเป๋ามารับฉันเหรอ ทำไม จะหนีตามฉันไปหรือไง”
ถังหลินเห็นหลินเป้ยเดือดปุดๆ เช่นนี้ก็ยิ่งอยากจะแกล้งเธอ เขาชอบความเข้าถึงง่ายของเธอตอนนี้มากกว่าในสมัยก่อนที่เย่อหยิ่งเย็นชา
มือที่ลากกระเป๋าของหลินเป้ยหยุดชะงัก เท้าของเธอก็หยุดเดินไปข้างหน้า เธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ร้ายกาจและหน้าไม่อาย แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะหน้าไม่อายถึงขั้นนี้
หนีตามเขา? สงสัยจริงๆ ว่าเขาพูดประโยคแบบนี้ออกมาจากปากได้อย่างไร
หลินเป้ยบอกตัวเองว่าอย่าโกรธ ห้ามโกรธเด็ดขาด อย่าไปเสียอารมณ์กับคนที่หน้าไม่อายแบบนี้เด็ดขาด
หลินเป้ยพยายามหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจึงลากกระเป๋าเดินทางเดินมุ่งหน้าต่อไป
“ถ้าเธออยากจะหนีตามฉันก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้นะ ฉันเปลี่ยนกำหนดการได้……” ถังหลินรู้ว่าเธอกำลังโกรธและรู้ด้วยว่าเธอพยายามอดทน แต่เขาก็ยังอยากแกล้งเธอต่ออยู่ดี
เหยียนหยูที่เดินอยู่ด้านหลังเหม่อลอย นี่ใช่คุณชายถังที่เขารู้จักหรือเปล่า
คุณชายถังที่เขารู้จักพูดคำพูดแบบนี้เป็นด้วยหรือ
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณชายถังจะจีบคนอื่นเป็นด้วย แต่ทำไมถึงจีบผู้ชายล่ะ
ทำไมต้องเป็นผู้ชายด้วย
คนจีบเก่งอย่างคุณชายถังทำไมต้องจีบผู้ชายด้วยล่ะ นี่มันผิดธรรมชาติเกินไปแล้ว!
หลินเป้ยพยายามบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้อดทน ต้องอดทนเท่านั้น แต่พอได้ยินถังหลินพูดความอดทนของเธอก็หายไป
เธอหยุดเดินแล้วหันขวับมาเหล่มองถังหลิน ก่อนจะตวาดออกมาว่า “ถังหลิน หุบปากเดี๋ยวนี้”
เธอรับไม่ไหวแล้ว ทนผู้ชายหน้าไม่อายแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ใครก็ได้ช่วยเอาตัวเขาไปไกลๆ ทีได้ไหม
ตอนนี้เธอกำลังขยะแขยงคุณชายถังจนแทบทนไม่ไหว
พอหลินเป้ยโมโหสุดขีดเช่นนี้ น้ำเสียงของเธอพลันแหลมปรี๊ดขึ้น เธอควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป
เหยียนหยูที่เดินตามมาข้างหลัง เมื่อได้ยินหลินเป้ยตวาดออกมาเช่นนี้ก็ตกใจสะดุ้ง คนๆ นี้ดุจริงๆ เขาติดตามคุณชายถังมานาน ไม่เคยเห็นใครกล้าตวาดใส่คุณชายถังแบบนี้ คนคนนี้จะต้องเป็นคนที่เขาเคยพบในครั้งก่อนอย่างแน่นอน
กล้าตวาดคุณชายถัง แต่ผลสุดท้าย……
เหยียนหยูคิดว่าคุณชายถังโดนตวาดใส่แบบนี้จะต้องโกรธแน่ๆ
แต่เมื่อเขามองไปที่คุณชายถัง สิ่งที่ทำให้ เหยียนหยูชะงักงันคือคุณชายถังไม่เพียงไม่โกรธเท่านั้น แต่ยังยิ้มอยู่อีกด้วย
คุณชายถังของเขามีใบหน้าหล่อเหลาอยู่แล้ว ใช่ ไม่ใช่ความหล่อเหลาแบบธรรมดาๆ ด้วย
แค่คุณชายถังกำลังอมยิ้มน้อยๆ เช่นนี้ ผู้ชายแท้ๆ อย่างเหยียนหยูยังมองตาค้าง
“ไม่พูดก็ไม่พูด ทำไมต้องดุขนาดนี้ด้วย” คุณชายถังเม้มริมฝีปากก่อนจะเอ่ยอย่างน้อยใจ
ใช่แล้ว น้อยใจสุดขีด
ตอนนั้นเหยียนหยูใจลอยออกไปไกล คุณชายถังของเขาทำตัวน้อยใจแบบนี้เป็นด้วยหรือ
อารมณ์น้อยใจแบบนี้ใช่คุณชายถังของเขาหรือ
ไม่ใช่แล้ว เธอก็แค่เสียงสูงนิดน้อยเอง คุณชายถังถึงกับน้อยใจเลยหรือ
เหยียนหยูคิดว่าคุณชายถังตรงหน้าจะต้องเป็นตัวปลอมอย่างแน่นอน จะต้องมีใครเปลี่ยนตัวเขาไปแน่
หลินเป้ยได้ยินน้ำเสียงน้อยใจอย่างสุดขีดของถังหลินเธอก็ชะงักงันไปเช่นกัน เธอมองไปที่ถังหลินด้วยดวงตาเบิกกว้าง เธอเองก็กำลังสงสัยเช่นกันว่าถังหลินวันนี้คือตัวปลอมหรือไม่
ขอลองตบหน้าเขาแรงๆ สักทีจะได้ไหม