ตั้งแต่ที่ซ่างกวนหงรู้วันตัวเองไม่สามารถฝืนได้ ทว่าในใจของเขาก็ยังอยากจะฝืน อยากจะฝืนขอผลลัพธ์หนึ่ง ผลลัพธ์หนึ่งที่เขาต้องการ ผลลัพธ์นั้น……
เขาหวังว่าจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่เขาหวังไว้กับเรื่องนี้ เขาหวังว่านั่นจะเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ
ใช่ เขาอยากจะฝืนให้ได้มา ทว่าทั้งชีวิตนี้เรื่องราวที่เขาฝืนนั้นมีไม่มาก พระเจ้าจะโหดร้ายกับเขาแบบนี้จริงๆ เหรอ แค่เรื่องเดียวก็ไม่สามารถให้เขาพอใจได้เหรอ?
“ใช่ ใช่ รอให้ผลออกมา อีกไม่นานผลก็ออกมาแล้ว พอถึงเวลาหัวหน้าน้อยต้องรีบบอกพวกเราทันทีแน่นอน” ผู้ดูแลจ้งแอบสูดหายใจลึก คำพูดบางอย่างผู้ดูแลจ้งยังไม่กล้าพูดในตอนนี้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือรอผลออกมา
ทว่า ถึงแม้ว่าอุปกรณ์ของพวกเขาจะทันสมัยมาก การตรวจดีเอ็นเอก็ต้องใช้หลายชั่วโมงเข่นกัน ต่อให้เร็วที่สุดก็ต้องรอให้ถึงเที่ยงคืนผลจึงจะออก
ผู้ดูแลจ้งรู้สึกว่าคืนนี้เขากับหัวหน้าคงจะนอนไม่หลับแล้ว รอให้ผลออกมาอย่างเดียว!!
“อะจ้ง ฉันนึกถึงเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน……” จู่ๆ ซ่างกวนหงก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา ทว่าคำพูดของซ่างกวนหงพูดไปเพียงแค่ครึ่งหนึ่งก็หยุดลงแล้ว
ผู้ดูแลจ้งมองดูหัวหน้าของบ้านตนเอง รอให้หัวหน้าบ้านตนเองพูดคำพูดข้างหลังต่อ
ผู้ดูแลจ้งเห็นหัวหน้าบ้านตนเองมองรูปแล้วเหม่อลอย ก็ไม่กล้าพูดรบกวนออกเสียง
ไม่รู้ว่ารอไปนานเท่าไหร่แล้ว ผู้ดูแลจ้งจึงจะได้ยินหัวหน้าบ้านคนเองพูดขึ้นว่า “หากรู้ว่าหลังจากนั้นไม่ว่าฉันจะตามหายังไงก็ตามหาไม่เจอ ในตอนนั้นถึงแม้ว่าจะสู้ตายสุดชีวิตก็ไม่ควรกลับมาในเวลานั้น ฉันไม่ควรทิ้งเธอไว้ในเวลาแบบนั้น”
ตามหามายี่สิบปี เขาไม่เสียใจ เสียใจเพียงแค่ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ต่อ หากเขาอยู่ต่อ ก็ไม่มีทางยอมให้เธอหายไป เธอก็จะไม่มีทางหายไปจากชีวิตของเขา
ผู้ดูแลจ้งสีหน้าตกตะลึงใจมาก ตอนนั้นหัวหน้าอาการบาดเจ็บหนักสาหัส ไม่ได้สติ และตอนนั้นศัตรูก็ไม่คิดที่จะปล่อยหัวหน้าไป หากตอนนั้นหัวหน้าไม่กลับไป ก็คงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แน่นอน
เมื่อหัวหน้านึกถึงเรื่องนี้ ยอมตายในตอนนั้น ก็ไม่อยากจะฟังข่าวการเสียคุณนายไป? !
ยี่สิบห้าปีที่ผ่านมานี้ ผู้ดูแลจ้งตามกับคุณนายกับหัวหน้ามาโดยตลอด ผู้ดูแลจ้งรู้ซึ้งอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความรู้สึกที่หัวหน้ามีต่อคุณนาย ทว่าวินาทีนี้ ผู้ดูแลจ้งก็ยังรู้สึกตกตะลึงใจ
ผู้ดูแลจ้งขยับริมฝีปาก อยากจะพูดโน้มน้าวหัวหน้าของบ้านตนเอง ทว่ากลับรู้สึกว่าพูดไม่ออกแม้กระทั่งคำเดียว
ความรู้สึกเช่นนี้ของหัวนหน้า เขาจะพูดโน้มน้าวยังไง? จะพูดโน้มน้าวยังไงก็ไม่ได้ผล
“หัวหน้า ตอนนั้นท่านไม่ได้สติ ผมเป็นคนพาท่านกลับมาเองครับ ดังนั้นจะผิดก็ถือว่าเป็นความผิดของผมครับ” ผู้ดูแลจ้งนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น เขาเป็นคนพาหัวหน้ากลับมา เพราะว่าตอนนั้นหัวหน้าบาดเจ็บสาหัสมาก นอนอยู่บนเตียงไปจะครึ่งปีจึงจะสามารถขยับได้
แน่นอนว่า ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าจะมีเรื่องแบบนี้แฝงอยู่ หากเขาร็ ตอนนั้นเขาจะหาคนให้เจอแล้วพากลับไปด้วยกันแน่นอน
“อะจ้ง นายไม่ได้ผิด” คำพูดของซ่างกวนหงในเมื่อกี้ไม่ได้มีความหมายจะโทษใคร อีกอย่างเรื่องนี้อะจ้งก็ไม่ได้มีความผิดเลยแม้แต่น้อย เขาแค่เกลียดที่ตัวเองมีความสามารถไม่พอ แม้กระทั่งผู้หญิงที่ตนเองรักก็ปกป้องไว้ไม่ได้
ในตอนนั้นเขาทำเรื่องแบบนั้นกับเธอในสถานการณ์แบบนั้น หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วต้องรน ต้องกลัวมากแน่ๆ ทว่า เขากลับจากไปหลังจากที่ทำเรื่องเสร็จแล้ว ไม่สามารถปลอบใจเธอ ไม่สามารถอยู่เคียงข้างเธอ แม้กระทั่งคำพูดที่จะรับผิดชอบเธอก็ไม่ได้พูด
หากเรื่องหลังจากนั้นเธอท้องลูกของเขาขึ้นมาแล้วจริงๆ งั้นเธอเลี้ยงลูกให้เติบโตมาด้วยตัวคนเดียว ส่วนเขากลับไม่ได้ทำอะไรเลย พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ ซ่างกวนหงก็รู้สึกทรมานทุกข์ใจมาก
ซ่างกวนหงในตอนนี้ถึงขั้นคิดอยู่ว่า หากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ เขาจะเผชิญหน้าด้วยอย่างไร?
เขาจะพูดเรื่องในตอนนั้นกับเธออย่างไร?!
ขณะนี้ในใจของเขามีความลังเลเพิ่มขึ้น มีความลังเลที่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
“หัวหน้าครับ เรื่องในตอนนั้นไม่ใช่ความผิดของท่าน หากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เราจริงๆ เจ้าหญิงเป็นคนที่มีจิตใจดีคิดเผื่อผู้อื่น จะต้องเข้าใจท่านแน่นอนครับ” ผู้ดูแลจ้งจะมองไม่ออกถึงความในใจของหัวหน้าบ้านตนเองได้ยังไงล่ะ ทันใดนั้นอารมณ์ของผู้ดูแลจ้งก็ดูหนักแน่นขึ้นเช่นกัน
หัวหน้าบ้านเขาไม่เคยวิตกกังวลเกี่ยวกับการได้และการสูญเสียขนาดนี้มาก่อนเลย?!
ซ่างกวนหงได้ยินคำพูดของผู้ดูแลจ้งแล้ว ขยับริมฝีปากเบาๆ ไปที “หากเป็นลูกสาวของฉัน ฉันอยากให้เธอทำตามใจของตัวเอง แต่ไม่ใช่เป็นคนที่จิตใจดีคิดเผื่อผู้อื่น”
คำพูดนี้ของซ่างกวนหงหากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปพูด อาจจะไม่เหมาะสม ทว่าคำพูดนี้ออกมาจากปากของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ ราวกับว่าดูสมเหตุสมผลมาก
ความจิตใจดีคิดเผื่อผู้อื่นนั้น ก็คือการเข้าใจผู้อื่นในทุกๆ เรื่อง การเอาอกเอาใจผู้อื่น คนที่เป็นแบบนี้จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างระมัดระวังแน่นอน หากไม่ใช่เพราะความจำเป็นของชีวิต ใครจะอยากมีชีวิตแบบที่ต้องระมัดระวังตลอดเวลา และ ‘จิตใจดี คิดเผื่อผู้อื่นตลอด’
ใครจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบตามใจตนเองล่ะ
เจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขา ควรจะอยู่แบบตามใจตนเอง ไม่จำเป็นต้องเข้าใจผู้อื่นตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องเอาอกเอาใจผู้อื่นอยู่ทุกที่
ซ่างกวนหงมักจะปกป้องคนในครอบครัวของตนเองเช่นนี้แหละ เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ต้น นึกย้อนกลับไปในตอนนั้น ในตอนที่ซ่างกวนหงโด่งดังไปทั่วทุกทิศ จุดสำคัญสองจุดที่ผู้คนต่างรู้ดีก็คือ หนึ่ง ความสามารถเก่งกาจเกินไป ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ สอง ซ่างกวนหงเป็นคนที่ปกป้องครอบครัวของคนเอง คือการปกป้องความผิดที่ผู้คนต่างก็เกลียดแค้นมากๆ ซ่างกวนหงกลับไม่เคยรู้สึกเลยว่าหน้าเป็นข้อเสีย
“ใช่ครับ เจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเราควรจะเป็นเช่นนี้แหละครับ” ผู้ดูแลจ้งตะลึงงันไปเลย จากนั้นก็ค่อยๆ ยิ้มโค้งขึ้นที่มุมปาก นานมากแล้วที่เขาไม่ได้หัวหน้าบ้านตนเองพูดคำพูดเช่นนี้
“คุณหนูใหญ่ตระกูลถังมีชีวิตที่ทุกคนรู้กันไปด้วย ก็มีนิสัยที่ทำใจตามตนเอง เจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเราก็ควรจะเป็นเช่นนี้แหละครับ” ช่วงที่ผ่านมานี้ผู้ดูแลจ้งได้รับรู้เรื่องของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่น้อยเลย ตอนนี้พอนึกขึ้นแล้ว ก็รู้สึกอบอุ่นใจมาก
ผู้ดูแลจ้งรู้สึกว่า ตั้งแต่ที่ได้ยินอะเหลียงพูดว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะเป็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้พวกเขา เจ้าหญิงองค์กรโกสต์ซิตี้ในใจของผู้ดูแลจ้งก็อิงตามแบบของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ผู้ดูแลจ้งก็รู้สึกว่าเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขาควรจะเป็นแบบคุณหนูใหญ่ตระกูลเช่นนี้!!
ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใคร ผู้ดูแลจ้งล้วนแต่รู้สึกว่าแปลกๆ!!
ซ่างกวนหงยิ้มโค้งที่มุมปาก ครั้งนี้รอยยิ้มของเขาดูมีความจริงใจเพิ่มขึ้น “นายพูดถูก เธอเหมือนกับคนขององค์กรโกสต์ซิตี้เราจริงๆ”
แวบแรกที่ซ่างกวนหงเห็นรูปของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ก็มีความรู้สึกเช่นนี้เลย เขารู้สึกว่าเด็กผู้หญิงแบบนี้คงจะเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้
สีหน้าของซ่างกวนหงค่อยๆ ดูขึ้น สถานการณ์ก็ไม่ได้ดูกดดันเหมือนเมื่อกี้แล้ว ซ่างกวนหงหยิบดินสอขึ้นอีกครั้ง เริ่มวาดภาพวาดที่ยังวาดไม่เสร็จเพราะถูกหัวหน้าน้อยเข้ามารบกวน
ผู้ดูแลจ้งเห็นหัวหน้าบ้านตนเองเริ่มวาดภาพแล้วไม่ได้พูดอะไร หัวหน้าน้อยวาดรูปในตอนนี้ก็ดี การวาดรูปสามารถทำให้จิตใจสงบ ไม่ต้องคิดอะไรไปทั่ว
ผู้ดูแลจ้งยืนไปสักพัก เห็นหัวหน้าบ้านตนเองกำลังวาดภาพ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ผู้ดูแลจ้งรู้ว่าหากหัวหน้าบ้านตนเองวาดภาพขึ้นมา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ลืมไปหมด ผู้ดูแลจ้งจึงค่อยๆ ถอยออกไป
ทว่าสิ่งที่ผู้ดูแลจ้งไม่รู้คือ หลังจากที่ผู้ดูแลจ้งจากไปแล้ว ซ่างกวนหงก็หยุดท่าที่วาดภาพ เขาจับดินสอไว้ นานมากที่ไม่ได้ลงมือวาด เหม่อลอยอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่หัวหน้าน้อยได้รับผมของหัวหน้าแล้ว ก็รีบไปที่หาลุงเหลียงอย่างเร็ว อุปกรณ์ตรวจดีเอ็นเออยู่ตรงนั้น ในตอนที่หัวหน้าน้อยมาถึงคุณชายหานและเจ้าเก้ามาถึงก่อนแล้ว ลุงเหลียงเองก็อยู่
“ได้รับผมของหัวหน้าแล้วเหรอ?” คุณชายหานเห็นดวงตาที่เปล่งประกายอย่างชัดเจนของหัวหน้าน้อย เขารอมานานขนาดนี้ เฝ้ารอจนร้อนใจไปหมดแล้ว
“ได้รับแล้ว” หัวหน้าน้อยก็ไม่ได้ตีฝีปาก นำผมที่ได้เมาจากหัวหน้าเมื่อกี้ส่งออกไปเลย
“ในเมื่อของครบแล้ว งั้นตอนนี้ก็สามารถทำการตรวจดีเอ็นเอได้แล้ว” คุณชายหานสีหน้าดีใจ ในน้ำเสียงมีความตื้นตันเพิ่มขึ้น
ลุงเหลียงเห็นผมที่หัวหน้าน้อยนำออกมา ขยับริมฝีปากเล็กน้อย ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนั้นเรื่องที่บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะเป็นเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เขาเป็นคนพูดเอง ต่อมา สำหรับเรื่องที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ใช่เจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้เขาก็เป็นคนพูด ตอนนี้มาทำการตรวจดีเอ็นเอ ทำความมั่นใจ เป็นวิธีที่ดีที่สุด ดังนั้นสามารถตัดสินใจได้ว่า ลุงเหลียงเห็นด้วย
ทว่าลุงเหลียงคิดไม่ถึงว่าหัวหน้าเองก็จะเห็นด้วย จะยอมให้ผมกับหัวหน้าน้อยง่ายๆ แบบนี้
“อีกนานเท่าไหร่กว่าจะรู้ผล” หัวใจของหัวหน้าน้อยในตอนนี้ร้อนรนมาก เขาจะจะให้ผลออกมาในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ อยากรู้ตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังใช่เจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆ หรือเปล่า
“ต้องใช้เวลาประมาณสิบชั่วโมง อุปกรณ์ของเราถือว่าเร็วที่สุดในตอนนี้แล้ว” คุณชายหานรับของมา พลางเตรียมอุปกรณ์ไปด้วย และพลางตอบคำถามหัวหน้าน้อยไปด้วย “ไม่สามารถเร็วกว่านี้ได้แล้ว ดังนั้นต้องรอประมาณสิบชั่วโมง”