ด้านนอกโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ขายของตามข้างทาง ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้ขายของ
“พี่สาว พี่จะซื้ออันนี้ไหมคะ?” เด็กผู้หญิงหยั่งเชิงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง เสียงเบามาก ดูลำบากใจอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าไม่เคยชินกับการทำเรื่องแบบนี้ซักเท่าไรนัก แต่เป็นเพราะชีวิตที่โดนบีบบังคับกลับไม่ทำไม่ได้!!
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพี่ซื้ออันนึงแล้วกัน” เวินลั่วฉิงกำลังคิดอยู่นั้นไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องกิ๊บติดผมอันเดียวเท่านั้น เด็กตัวเล็กขนาดนี้มาขายกิ๊บติดผมอยู่ที่นี่ เงื่อนไขทางครอบครัวจะต้องไม่ดีอย่างแน่นอน เธอสังเกตเห็นเสื้อผ้าของเด็กคนนี้ที่สวมใส่อยู่นั้นเก่ามาก อีกทั้งไม่ค่อยพอดีตัว เล็กไปบ้างอย่างเห็นได้ชัด
เวินลั่วฉิงไม่ได้เอ่ยถามถึงราคา แต่หยิบเงินออกมาสองร้อยแล้วยื่นส่งให้กับเด็กผู้หญิงตรงหน้า : “พอไหม?”
เวินลั่วฉิงไม่เคยซื้อกิ๊บติดผมแบบนี้ จื่อซีของเธอก็ไม่ชอบติดกิ๊บด้วยเช่นกัน บอกว่าติดแล้วรู้สึกไม่สบาย
แต่เวินลั่วฉิงคิดว่าคงจะไม่ค่อยแพงมาก สองร้อยคงจะพอ
“ไม่เยอะขนาดนี้หรอกค่ะ เพียงแค่ยี่สิบก็พอแล้ว หนูจะทอนเงินให้พี่นะคะ” เด็กผู้หญิงอึ้งไป แล้วโบกมือขึ้นมาติดๆกัน หยิบออกมาหนึ่งใบ หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลงหาเงินทอนให้กับเวินลั่วฉิง
“ช่างเถอะ ไม่ต้องทอนหรอก” เวินลั่วฉิงเห็นท่าทางของเด็กผู้หญิงก็อดที่จะนึกถึงลูกของเธอไม่ได้ เด็กผู้หญิงคนนี้โตกว่าลูกของเธอไม่เท่าไหร่ แต่กลับมาขายของหารายได้อยู่ที่นี่คนเดียวแล้ว
เด็กผู้หญิงรู้สึกอึ้ง ดวงตากลมๆคู่นั้นมองเวินลั่วฉิง
“เงินที่เกินน้าเลี้ยงไอศครีมหนูนะคะ”เวินลั่วฉิงมองเด็กผู้หญิงแล้วอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ จื่อซีของเธอชอบกินไอศครีมมากที่สุดแล้ว
“ขอบคุณนะคะพี่สาว” ดูเหมือนว่าเด็กผู้หญิงจะเข้าใจคำพูดของเวินลั่วฉิงขึ้นมาได้ในที่สุด แล้วยิ้มหวานออกมา
“ไม่เป็นไรจ๊ะ”เวินลั่วฉิงอดที่จะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของเด็กผู้หญิงไม่ได้ ผมของเด็กผู้หญิงนั้นดำมาก ละเอียดมาก คุณภาพเส้นผมดี อาจจะเป็นเพราะมีฝุ่นเกาะ ลูบไปแล้วจึงดูแข็งอยู่บ้าง
“พี่สาว พี่ย่อลงมาหน่อยค่ะ”เด็กผู้หญิงอาจจะรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดสนิทสนมของเวินลั่วฉิง จึงรู้สึกกล้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หยั่งเชิงแสดงความปรารถนากับเวินลั่วฉิง
“หืม? ทำไมหรือ?” เวินลั่วฉิงเลิกหางคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกงุนงงอยู่บ้าง
“พี่ย่อลงมา หนูจะติดกิ๊บให้พี่ค่ะ”เด็กผู้หญิงยิ้มขึ้นลักยิ้มทั้งสองข้างนั้นหวานมากเป็นพิเศษ บริสุทธิ์และไม่มีพิษมีภัย
เวินลั่วฉิงมองใบหน้าที่ดูรอคอยของเธอแล้วก็อดที่จะปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ถึงแม้เวินลั่วฉิงจะไม่เคยติดของพวกนี้มาก่อน แล้วก็ไม่ชอบติดด้วยเช่นกัน เธอก็ค่อยๆย่อตัวลงมาช้าๆ นั่งยองๆลงตรงหน้าของเด็กผู้หญิง
เด็กผู้หญิงติดกิ๊บลงบนผมของเวินลั่วฉิง
คุณชายหานที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเวินลั่วฉิงดวงตาของเขานั้นเป็นประกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นโอกาสที่ดี เป็นโอกาสที่ดีมาก
เดิมทีคุณชายหานไม่ได้คิดมาก เพราะถึงอย่างไรเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่หัวหน้าน้อยจะหาเด็กคนหนึ่งให้เข้ามาอยู่ในแผนหรอกมั้ง?
เด็กผู้หญิงอายุเจ็ดแปดขวบคนนึง ไม่เข้าใจที่จะปกปิดเรื่องอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ได้อยู่แล้ว ถ้าหากมาเพราะจุดประสงค์จริงๆ จะต้องตื่นเต้น จะต้องมีพิรุธออกมาอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นจะต้องพบความผิดปกติแน่ๆ
คุณชายหานเองก็มองดูเด็กผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอด ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาก็ไม่เห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนนี้เลย
ดังนั้นเขาคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีปัญหา อาจจะเพียงแค่ขายกิ๊บติดผม หลังจากนั้นก็เข้ามาดึงตัวคุณหนูใหญ่ตระกูลถังพอดี
แต่คุณชายหานเห็นตอนที่เด็กผู้หญิงติดกิ๊บให้กับคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง จู่ๆอารมณ์ก็เปลี่ยนไป สายตาก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากเด็กคนนี้เป็นคนที่หัวหน้าน้อยส่งมาจริงๆ เช่นนั้นแล้วตอนนี้อยากจะเอาเส้นผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไปก็ง่ายมากเลยจริงๆ
เห็นท่าทางของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังแล้วก็คงจะไม่ได้สงสัยในเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยเช่นกัน
คุณชายหานรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นเร็วขึ้นมาทันใด แม้กระทั่งเริ่มที่จะตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว
ก็แม้แต่สีหน้าท่าทางของเจ้าเก้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเล็กน้อยด้วยเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรภารกิจแรกเริ่มของเธอก็คือการหาโอกาสเข้าใกล้คุณหนูใหญ่ตระกูลถัง หลังจากนั้นก็หาวิธีเอาเส้นผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมาอย่างไม่รู้ตัวให้ได้
แต่แผนการของเธอล้มเหลวแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ได้กลัว เธอไม่มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเลย และยิ่งไม่มีโอกาสได้จับเส้นผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเลยเสียด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนี้กลับทำได้แล้ว!!
เจ้าเก้าเองก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว!!
เด็กผู้หญิงตั้งใจที่จะติดกิ๊บให้กับเวินลั่วฉิง ติดไปซักพักหนึ่งถึงจะติดได้ หลังจากนั้นอาจจะเป็นเพราะรู้สึกว่าติดเอียงไปแล้ว เด็กผู้หญิงจึงเอากิ๊บออกมาแล้วติดเข้าไปใหม่อีกครั้ง
ตอนที่เด็กผู้หญิงเอากิ๊บออกมานั้น กิ๊บติดผมหนีบเอาเส้นผมของเวินลั่วฉิงออกมาด้วยสองสามเส้น ตอนที่เด็กผู้หญิงดึงลงมานั้นก็ดึงเอาเส้นผมของเวินลั่วฉิงลงมาด้วย
เวินลั่วฉิงส่งเสียงเบาๆ
“ขอโทษนะคะ หนูทำพี่เจ็บแล้ว เมื่อกี้หนูติดเอียง หนูจะระวังกว่านี้หน่อย” เด็กผู้หญิงเอ่ยขอโทษออกมาติดๆกัน น้ำเสียงดูมีความตื่นเต้น
“ไม่เป็นไร พี่ไม่เจ็บ” เวินลั่วฉิงเงยหน้าขึ้นมามองเธอ แล้วยิ้มออกมา เจ็บแค่นี้ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย เพียงแต่เมื่อครู่นี้ดูจะกะทันหันไปหน่อย เธอถึงได้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว
คุณชายหานเห็นกิ๊บของเด็กผู้หญิงมีเส้นผมติดออกมาด้วย ดวงตาแทบจะมองจ้องไป และเวลานี้ คุณชายหานแทบอดที่จะเข้าไปแล้วแย่งเอากิ๊บติดผมอันนั้นมาไม่ได้ หลังจากนั้นก็เอาเส้นผมด้านบนไปตรวจดีเอ็นเอกับหัวหน้าเลย
แต่สุดท้ายแล้วคุณชายหานก็ยังคงอดทนเอาไว้ ไม่แน่ว่านี่จะเป็นแผนของหัวหน้าน้อยจริงๆ ถ้าหากจู่ๆเขาออกโรงง เกรงว่าจะไปทำให้แผนของหัวหน้าน้อยพังจนเป็นเรื่องใหญ่เสียเปล่าๆ
เพราะถึงอย่างไรเส้นผมที่ถูกเด็กผู้หญิงคนนั้นดึงลงมาไม่กี่เส้นนั้น เวินลั่วฉิงก็ไม่สามารถจะเอากลับไปได้แล้ว ดังนั้นไม่ว่านี่จะเป็นแผนของหัวหน้าน้อยหรือเปล่า ถึงตอนนั้นหัวหน้าน้อยจะต้องมีวิธีเอาเส้นผมมาให้ได้อย่างแน่นอน
“พี่สาว หนูกลัวทำให้พี่เจ็บอีก ถ้าไม่อย่างนั้นพี่ติดเองดีกว่าค่ะ” เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้เด็กผู้หญิงตกใจ ไม่กล้าจะติดกิ๊บให้กับเวินลั่วฉิงอีกแล้ว
“พี่ยังไม่ติดได้ไหม? พี่เอากลับไปแล้วค่อยติดได้ไหมคะ?” เวินลั่วฉิงมองไปยังดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเด็กผู้หญิง มุมปากยกขึ้นแล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ได้ค่ะ ได้” เด็กผู้หญิงตอบรับติดๆกัน หลังจากนั้นก็ยื่นส่งกิ๊บในมือให้กับเวินลั่วฉิง
เวินลั่วฉิงยื่นมือออกมารับ แม้แต่เส้นผมที่ติดอยู่ที่กิ๊บนั้นก็รับมาด้วย
คุณชายหานกลอกตาขึ้นอีกครั้ง อะไรกัน? นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
เส้นผมที่ได้มาอยู่ในมือแล้วทำไมถึงได้กลับไปอยู่ในมือของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังได้อีกกัน?
ทำไมเป็นแบบนี้?!
หรือว่าเมื่อกี้นี้เขาจะคิดผิด เด็กผู้หญิงไม่ใช่คนที่หัวหน้าน้อยส่งมา?
ถ้าหากไม่ใช่คนที่หัวหน้าน้อยจัดไว้ ตอนนี้เส้นผมก็กลับไปในมือของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอีก ถ้าอย่างนั้นเมื่อครู่นี้เขาก็ดีใจเก้อไปแล้วสิ
ตอนนี้คุณชายหานอยากจะไปช่วยคุณหนูใหญ่ตระกูลถังดึงเส้นผมออกจากกิ๊บติดผมเสียจริงๆ แต่คุณชายหานไม่กล้าทำให้มันชัดเจนมากเกินไป
คุณชายหานทำได้แต่มองคุณหนูใหญ่ตระกูลถังถือกิ๊บติดผมอยู่ในมือ หลังจากนั้นก็ย้ายลงไปในกระเป๋า ตามองดูกิ๊บที่มีผมติดอยู่ด้วยกำลังจะถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเอาลงกระเป๋าแล้ว
คุณชายหานร้อนใจเสียจนตาแทบจะลุกเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ถ้าหากทำได้เขาอยากจะไปแย่งมาเสียจริงๆ
เวลานี้อารมณ์ของเจ้าเก้าเองก็สับสน และซับซ้อนเป็นอย่างมากเช่นกัน ความจริงเวลานี้เธอเองก็ตื่นเต้นตามคุณชานหานด้วย และอยากจะไปช่วยคุณหนูใหญ่ตระกูลหานดึงเส้นผมออกมาจากกิ๊บติดผมอีกด้วย
แต่เจ้าเก้าก็รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถทำแบบนั้นได้ คุณหนูใหญ่ตระกูลถังฉลาดขนาดนั้น เธอไม่กล้ารับประกันว่าตอนที่เธอทำเรื่องเหล่านี้ เธอจะสามารถปกปิดความคิดของเธอกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังได้เลย
“ฉิ้นเอ๋อ บนกิ๊บมีผมติดอยู่ เอาเส้นผมออกมาก่อนดีกว่า” เฟิ่งเหมียวเหมียวเองก็เห็นเส้นผมที่อยู่บนกิ๊บติดผม เฟิ่งเหมียวเหมียวยื่นมือมาคิดจะดึงเส้นผมที่ติดอยู่บนกิ๊บให้
คำพูดนี้ของเฟิ่งเหมียวเหมียวคุณชานหานได้ยินในเวลานี้แล้วฟังดูเหมือนเป็นเสียงธรรมชาติ ไพเราะมากเป็นพิเศษ และน่าฟังมากอีกด้วย
เวลานี้ในใจของคุณชายหานเฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นเหมือนเจ้าแม่กวนอิมที่คอยช่วยเหลือยามทุกข์ร้อน
ในใจของคุณชายหานนั้นรู้สึกขอบคุณเฟิ่งเหมียวเหมียวเป็นอย่างมาก ดีจริงๆ ดีมากจริงๆ!!
ถ้าหากเขาออกปากกับเจ้าเก่า คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้คุณนายถังออกปาก คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะต้องไม่สงสัยอะไรอยู่แล้ว
เพียงแค่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเอาเส้นผมไม่กี่เส้นนั้นออกมา ต่อให้จะโยนทิ้งลงที่พื้น คุณชายหานก็เชื่อว่า พวกเขาออกไปเพียงแค่วินาทีเดียว หัวหน้าน้อยก็จะสามารถเอาเส้นผมไปได้ในวินาทีถัดไปได้อย่างแน่นอน
เกี่ยวกับตรงจุดนี้ คุณชายหานไม่สงสัยในความสามารถของหัวหน้าน้อยเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกทั้งคุณชายหานรู้มาตลอดว่าหัวหน้าน้อยไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบเดียว ดังนั้นหัวหน้าน้อยจะไม่ละทิ้งวิธีนี้อย่างแน่นอน
ในใจของเจ้าเก้าอดที่จะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะเกิดสถานการณ์ใหม่ที่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน แบบนี้ เรื่องราวก็จะมีการแก้ไขแล้ว เพียงแค่เอาเส้นผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังกลับไป ก็จะสามารถตรวจดีเอ็นเอได้ และไม่นานก็จะสามารถรู้ได้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังนั้นคือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขาหรือเปล่า!!