“อีกทั้งในตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเขานำคนมาช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องถูกทรมานอะไรบ้าง ” ในปีนั้นท่านหยวนก็ได้เห็นสหายของเขาถูกทรมานต่อหน้าต่อตา สถานการณ์ในตอนนั้นบากลำบากมาก
หากไม่ได้เป็นเพราะว่าคนขององค์กรโกสต์ซิตี้มาช่วยไว้ทัน เขาก็คงต้องได้รับการทรมานแบบนั้น สถานการณ์ในตอนนั้นพอเขานึกถึงก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า
“ก็ได้ค่ะ ในเมื่อคุณก็นัดเขาเรียบร้อยแล้ว ก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว” แม้ว่าในตอนนั้นคุณนายหยวนไม่ได้เห็นกับตา แต่ต่อมาเมื่อได้ยินท่านหยวนพูดถึงก็รู้สึกกลัวจนใจเต้นรัว ไม่ว่าจะพูดยังไง คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ในตอนนั้นก็เป็นคนช่วยสามีของเธอ เธอก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักบุญคุณคน
เธอก็แค่คิดว่าช่วงนี้เรื่องที่องค์กรโกสต์ซิตี้ทำกับตระกูลถัง ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล
ตอนนี้นัดก็นัดเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือชีวิต แน่นอนว่าคงไม่สามารถเลื่อนออกไปได้ หวังเพียงว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้จะไม่มีจุดประสงค์ที่ไม่ดี
“งั้นงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้จะเลื่อนไหมคะ?”คุณนายหยวนยังคงรู้สึกไม่วางใจ จึงคิดถึงเรื่องที่ตระกูลถังจะมาร่วมงานในวันนี้เป็นพิเศษ อีกทั้งท่านย่าถังก็บอกแล้วว่าคืนนี้จะพาคุณหนูใหญ่ตระกูลถังและเด็กๆอีกสองคนมาร่วมงานด้วย
เกี่ยวกับเรื่องราวของเด็กน้อยทั้งสองของตระกูลถังคุณนายหยวนทราบเรื่องมาตั้งนานแล้ว แต่ว่ายังไม่เคยเจอเท่านั้น คุณนายหยวนนั้นรอคอยเป็นอย่างมาก
แต่ก็เป็นเพราะว่าทราบว่าตระกูลถังจะนำเด็กทั้งสองคนมาด้วย คุณนายหยวนจึงรู้สึกว่าน่าจะสุขุมสักหน่อยน่าจะดี
“ไม่จำเป็น หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้เป็นใคร คุณคิดว่าเขาจะอยู่บ้านของพวกเรานานเหรอ นานจนกระทั่งถึงเวลาของงานเลี้ยงเลยเหรอ?คุณคิดมากเกินไปแล้ว นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ท่านหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ความเป็นไปได้นั้นท่านหยวนไม่กล้าคิด เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้เลย
หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้น้อยครั้งมากที่จะปรากฏตัว ได้ยินมาว่าคนภายนอกที่เคยพบหน้าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้นับได้เพียงนิ้วมือฝ่ามือเดียวเท่านั้น โดยปกติแล้วหากต้องการพบหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ยากมากที่จะมีคนเชิญได้สักคนหนึ่ง
ได้ยินมาว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มีนิสัยเย็นชา ปกติแล้วไม่คบหากับคนนอก ได้ยินมาว่าหลายปีมานี้ แม้แต่คนในขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็น้อยมากที่จะได้พบเขา
ดังนั้นท่านหยวนจึงไม่คิดว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้จะอยู่ที่คฤหาสน์หยวนของพวกเขาเป็นเวลานาน
ท่านหยวนคิดว่า ไม่ว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้จะมาเพื่อเหตุผลอะไร แต่แน่นอนว่าหลังจากคุยธุระเสร็จก็ต้องจากไป
แน่นอน ท่านหยวนก็คิดว่าคนอย่างหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ ที่มีจิตใจเปิดเผยและน้ำใจกว้างขวางคงไม่มีจุดประสงค์อะไรที่ ไม่อาจบอกใครได้ ดังนั้นท่านหยวนจึงไม่ค่อยเป็นกังวลนัก
คุณนายหยวนเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็ไม่ได้พูดมากอะไรอีก เธอยังคงเชื่อในการวิเคราะห์ของสามี เพราะถึงยังไงคนที่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงอย่างทุกวันนี้ได้ สายตาที่มองคนจะต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน
“หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้บอกไหมคะว่าจะมากี่โมง?ฉันจำเป็นต้องเตรียมอะไรไหมคะ?”เนื่องจากคุณนายหยวนเชื่อในสามีของตนเอง จึงไม่ได้คิดอะไรมากมายอีก แต่กลับคิดว่าจะต้อนรับแขกคนสำคัญคนนั้นยังไงดี
ก็เป็นแขกคนสำคัญไม่ใช่เหรอคะ?เขาไม่เพียงแต่เป็นหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ อีกทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณคนสำคัญที่ช่วยชีวิตของพวกเขา
“ผู้ดูแลคนนั้นไม่ได้บอกเวลาที่แน่ชัด ผมก็ไม่ได้ถามมาก ดังนั้นวันนี้ช่วงบ่ายผมก็เลยรออยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหน จำเป็นต้องเตรียมตัวด้วยเหรอ?พูดตามตรงผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องเตรียมตัวอะไร เพราะเขานั้นคือหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ เกรงว่าไม่ว่าพวกเราจะเตรียมตัวยังไงเขาก็คงไม่เห็นอยู่ในสายตา แต่จะกลับทำให้คนดูถูกเปล่าๆ เป็นเพราะว่าในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มีประสบการณ์มากมาย ดังนั้นคุณก็ดูแล้วจัดการเอาเถอะครับ” โดยปกติแล้วท่านหยวนก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ วันนี้หากไม่ได้เป็นเพราะว่าแขกท่านนี้มีความพิเศษ ท่านหยวนก็คงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน
คุณนายหยวนเมื่อได้ยินคำพูดของเขาจู่ๆก็รู้สึกกดดันขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเงียบๆ:“คุณพูดเช่นนี้ ฉันรู้สึกเครียดมากเลยค่ะ หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้คนนั้นเป็นคนยังไงกันแน่?”
“ตอนนั้นผมก็แค่เห็นเขาอย่างเลือนรางครู่หนึ่ง……” ท่านหยวนครุ่นคิด จากนั้นพูดออกมาแค่สองคำว่า:“มีบุคลิกลักษณะที่ไม่เหมือนใคร หาได้ยากนัก!!”
นี่เป็นความคิดของท่านหยวนในครั้งแรกที่ได้พบหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ เหตุการณ์ผ่านมาแล้วยี่สิบกว่าปี ท่านหยวนลองหวนนึกถึงอีกครั้ง ก็ยังคงเป็นความคิดเดิม
“ถ้างั้นวันนี้ฉันคงจะได้เปิดหูเปิดตาได้เห็นคนที่มีบุคลิกลักษณะที่ไม่เหมือนใครสักที ?”คุณนายหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ไม่เห็นด้วยกับความคิดของท่านหยวน:“ฉันว่าตอนนั้นคุณคงกำลังฝันอยู่”
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน ในตอนนั้นแม้ว่าจะเลือนราง แต่ว่าผมเห็นแล้วจริงๆ ถ้าคุณไม่เชื่อเดี๋ยววันนี้คุณเห็นก็จะรู้เองครับ”ท่านหยวนไม่ยอมอ่อนข้อให้อย่างเห็นได้ชัด
“นั้นเป็นเรื่องที่ผ่านมายี่สิบเจ็ดปีแล้ว ตอนนั้นเขาก็น่าจะอายุเพียงยี่สิบกว่าปี แม้ว่าตอนนั้นเขาจะมีบุคลิกลักษณะที่ไม่เหมือนใคร ตอนนี้เขาก็น่าจะอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้กลายเป็นท่านปู่ แต่ว่าท่วงท่าอันสง่างามก็ไม่น่าจะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ?”คุณนายหยวนไม่ได้ตั้งใจที่จะเถียงเขา เธอทำเพียงแค่ว่ากันไปตามสถานการณ์
ท่านหยวนไม่ได้พูดอะไรอีก เหตุการณ์ผ่านมาแล้วยี่สิบเจ็ดปีแล้ว เขาคงไม่สามารถรับประกันได้ เพราะถึงยังไงในตอนนั้นเขาก็เป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา แต่ตอนนี้ผมก็คงขาวหมดศีรษะแล้ว กลายเป็นท่านปู่แล้ว
หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ท่านหยวนคิดถึงสภาพของตนเองในตอนนี้ จู่ๆก็เม้มริมฝีปาก และไม่ได้พูดอะไรอีก
กาลเวลาทำให้คนแก่ตัวลง ไม่มีใครสามารถหนีได้พ้น
คุณนายหยวนเมื่อเห็นท่าทีของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ความรู้สึกเครียดเมื่อสักครู่นี้ก็จางหายไปไม่น้อย
คนที่มาคือแขกคนสำคัญ พวกเขาก็เพียงแค่แสดงน้ำใจก็เพียงพอแล้ว หากการมาเยือนครั้งนี้ของหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้มีธุระอะไร ขอเพียงแค่ไม่ผิดต่อกฎเกณฑ์ไม่ผิดต่อจิตสำนึกพวกเขาก็จะรับปากคุณนายหยวนคิดว่าก็เพียงพอแล้ว
คุณนายหยวนไปเตรียมตัว ส่วนท่านหยวนนั้นรออยู่ในห้องหนังสือโดยตลอด กระทั้งบ่ายสามโมง ในที่สุดแขกคนสำคัญก็มาถึง
เมื่อท่านหยวนทราบข่าว ก็รีบลงไปข้างล่างตึกทันที และออกไปรับข้างนอกด้วยตนเอง ท่านหยวนเห็นคนที่เดินมาพร้อมผู้ดูแลก็ตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัด จู่ๆอารมณ์และความรู้สึกก็ซับซ้อนขึ้น
กาลเวลาทำให้คนแก่ตัวลง ไม่มีใครสามารถหนีพ้นได้ แต่ว่าทำไมบุคคลที่อยู่เบื้องหน้านี้ยังไม่แก่
ท่านหยวนรู้สึกว่าชายที่อยู่เบื้องหน้าไม่ได้แตกต่างไปกับชายที่เขาเคยเห็นเมื่อยี่สิบเจ็ดปีก่อนเลย
ตอนนี้เขาแก่จนกลายเป็นท่านปู่แล้ว แต่ว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ยังคง มีบุคลิกลักษณะที่ไม่เหมือนใคร หาได้ยากนัก
อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อยี่สิบเจ็ดปีก่อน ก็ยิ่งมีบุคลิกลักษณะที่พิเศษมากกว่าเดิม
ที่แท้คนเราก็ต่างกันจนน่าโมโห
“หัวหน้า?!”ท่านหยวนร้องขึ้นด้วยเสียงสั่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนจำนวนมาก เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็คือหัวหน้าท่านนั้นที่ช่วยเขาในปีนั้น เนื่องจากเปลี่ยนแปลงไม่มาก ดังนั้นมองครู่เดียวก็มองออกแล้ว
เนื่องจากท่านหยวนรู้สึกประหลาดใจ และเต็มไปด้วยความสงสัย และไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาผ่านมายี่สิบเจ็ดปีแล้ว แต่หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง
“ใช่ครับ นี่คือหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเรา” ผู้ดูแลจ้งที่เดินตามหลังซ่างกวนหงแนะนำ
คุณนายหยวนที่เดินตามออกมาทีหลังมองจนตาค้าง ก่อนหน้าที่ได้ยินท่านหยวนพูดว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มีบุคลิกลักษณะที่ไม่เหมือนใคร ธอนั้นไม่ค่อยเชื่อคุณนายหยวนคิดว่าก็เป็นคนด้วยกันทั้งนั้น แม้ว่าจะหล่อเหลาแต่ก็คงไม่แตกต่างกันมาก แล้วจะตื่นตะลึง
ในความงามไปจนถึงสวรรค์ได้ยังไง
แต่เมื่อคุณนายหยวนได้เห็นตัวจริงในวันนี้ รู้สึกว่าการเปรียบเปรยของท่านหยวนนั้นถ่อมตัวไปหน่อย
หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง คุณนายหยวนก็ยากที่จะเชื่อว่าบนโลกใบนี้มีคนเช่นนี้ด้วย ช่าง……
คุณนายหยวนไม่สามารถที่จะหาคำมาเปรียบเปรยคนๆนี้ได้ทันที
คุณนายหยวนยังคิดอีกว่าอายุของชายที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ น่าจะไม่ต่างจากสามีของตนมาก จู่ๆจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
คนๆนี้กินผลเทวดาอะไร ไม่แก่ลงเลยเหรอ?!
หากไม่ใช่เพราะสามีของตนมองครู่เดียวก็จำได้ทันที อีกทั้งเขาคนนั้นก็ยอมรับสถานะภาพ คุณนายหยวนก็คงจะสงสัยว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนรุ่นหลัง
นี่ดูไม่เหมือนคนอายุห้าสิบกว่าเลย เขาดูแลตัวเองยังไงกันแน่?
อีกสักพักเธอสามารถที่จะขอคำชี้แนะในการดูแลตัวเองจากหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้คนนี้ได้ไหม?
ขณะที่คุณนายหยวนกำลังคิดราวกับม้าพุ่งทะยานบนฟ้า ท่านหยวนก็ได้สติกลับมา:“หัวหน้า เชิญ……”
แขกมาถึงแล้ว จะให้แขกยืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แม้ว่าจะรู้ดีว่าหัวหน้าท่านหยวนองค์กรโกสต์ซิตี้จะต้องงานยุ่งอย่างแน่นอน แต่ยังไงก็ต้องเชิญเขาไปที่ห้องหนังสือให้ได้ มีเรื่องอะไรก็คุยกันง่ายหน่อย
แม้ว่าท่านหยวนจะรู้ดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่หัวหน้องค์กรโกสต์ซิตี้จะมีเรื่องที่จะต้องขอร้องเขา แต่การที่จู่ๆหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้มาเยี่ยมเยือนเขาอย่างกะทันหัน จะต้องมีธุระอย่างแน่นอน
เพียงแต่ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่?!