อีกอย่างตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอมักเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ตอนแรกเธอจะไปจดทะเบียนสมรสกับเย่ซือเฉินอีกครั้งแล้ว แต่ว่าหลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นทำให้ต้องหยุดไปก่อน
“ฉันรู้ว่าเธอมีเย่ซือเฉินแล้ว ฉันไม่ได้ให้เธอปล่อยเย่ซือเฉินแล้วยอมรับหัวหน้าน้อย ทว่าเธอชอบเยซือเฉินไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการชื่นชอบสิ่งต่างๆ หรอกมั้ง? เธอไม่สามารถปฏิเสธสิ่งสวยงามอย่างอื่นเพราะว่ามีเย่ซือเฉินแล้ว” หลิวหยิงแค่รู้สึกชื่นชอบเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอื่น เธอไม่มีแรงต่อต้านกับสิ่งสวยงามทั้งหมด
และหัวหน้าน้อยก็สวยงามเกินไป รูปหล่อ เสียงน่าฟัง ยิ้มแล้วทำเอาใจละลายไปเลย
“ไม่ใช่ชอบ คือรัก ฉันรักเย่ซือเฉิน ดังนั้นฉันจะไม่เห็นความสวยงามของผู้ชายอื่นก็เป็นเรื่องปกติ” ตอนนี้เวินลั่วฉิงเข้าใจความรู้สึกที่ตนเองมีต่อเย่ซือเฉินเป็นอย่างดี ดังนั้นบนเรื่องนี้เธอไม่ได้เลี่ยงอะไรเลย
“โอเค โอเค รู้ว่าเธอรักเย่ซือเฉิน ในสายตาของเธอ เย่ซือเฉินดีที่สุด ดีที่สุดในโลก ในสายตาของเธอมีเพียงแต่เย่ซือเฉิน ผู้ชายคนอื่นจะดีแค่ไหนก็ไม่เข้าตาเอ คำพูดแบบนี้เธอน่าจะไปพูดกับคุณชายสามเย่ คุณชายสามเย่ได้ยินแล้วไม่รู้ว่าจะดีใจแค่ไหน” บนใบหน้าของหลิวหยิงในตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ฟังแล้วเหมือนน้ำเสียงเยาะเย้ยด้วย แต่จริงๆ แล้วในใจของหลิวหยิงอิจฉามาก
เธออิจฉาที่ฉิงฉิงกับคุณชายสามเย่มีความสัมพันธ์เช่นนี้ ทั้งสองรักกันอย่างลึกซึ้ง ในสายตาของทั้งสองมีเพียงแค่กันและกัน
ฉิงฉิงเป็นเช่นนี้กับคุณชายสามเย่ คุณชายสามเย่ก็เป็นเช่นนี้กับฉิงฉิง ความสัมพันธ์แบบนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว
เวินลั่วฉิงอึ้งไปเลย “คำพูดแบบนี้ฉันไม่เคยพูดกับเขาเลยจริงๆ”
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเข้าใจความรู้สึกที่มีต่อเย่ซือเฉิน ระหว่างเธอกับเย่ซือเฉินก็ถือว่าได้เปิดอกเปิดใจกันแล้ว ทว่าเธอยังไม่เคยพูดคำพูดแบบนี้กับเย่ซือเฉินจริงๆ
เหมือนว่าเธอไม่เคยพูดประโยคที่บอกว่ารักกับเย่ซือเฉินมาก่อนเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉิงฉิง เรื่องแบบนี้เธอไม่บอกกับคุณชายสามเย่ เธอมาบอกกับฉัน?” หลิวหยิงหัวเราะดังออกมาเลย “หากคุณชายสามเย่รู้แล้ว ไม่รู้ว่าจะอิจฉาฉันไหมเนี่ย?”
คำพูดของหลิวหยิงหยุดชะงักไปสักพัก เสียงหัวเราะหยุดลง “แต่ฉันคิดว่าหากคุณชายสามเย่รู้สิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้แล้ว คุณชายสามเย่คงจะดีใจจนสลบไป น่าจะไม่มีเวลามาอิจฉาฉัน”
“ฉิงฉิง ฉันขอแนะนำให้เธอไปพูดสิ่งที่เธอพูดกับฉันเมื่อกี้ กับคุณชายสามเย่ ฉันเชื่อว่าจะต้องมีเซอร์ไพรส์แน่นอน” นัยน์ตาของหลิวหยิงเปล่งประกายขึ้น ให้กำลังใจเวินลั่วฉิง หลิวหยิงรู้สึกว่าหากฉิงฉิงไปพูดคำพูดเมื่อกี้กับคุณชายสามเย่ ผลออกมาจะต้องสวยงามมากแน่ๆ
“เซอร์ไพรส์?” ถึงแม้ในเรื่องอื่นเวินลั่วฉิงจะมีการตอบสนองที่เร็วมาก ทว่าบนความรู้สึกก็ยังมีความเชื่องช้าอยู่ “จะมีเซอร์ไพรส์อะไร?”
“เซอร์ไพรส์สามารถมีได้มากมาย อย่างเช่นให้เธอไม่สามารถลงจากเตียงได้” หลิวหยิงพูดประโยคนี้จบแล้วรีบกระโดดออกไป เธอกลัวว่าเวินลั่วฉิงจะตีเธอ
หลิวหยิงยังไม่เคยมีแฟนอย่างแท้จริงมาก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ข้างกายของซือถูมู่หรงมาห้าปี ทว่านั่นเป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยน ไม่ได้มีความรัก ความรักเดียวที่เธอเคยมีคือการแอบชอบไป๋ยี่รุ่ยอยู่ฝ่ายเดียว
ความรักที่เรียกว่ารักที่หลิวหยิงกำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้ ทั้งหมดล้วนมาจากบนอินเทอร์เน็ตหรือจากนวนิยาย มันคือการพูดเปล่า จริงๆ แล้วเธอไม่ได้มีประสบการณ์
นิยายมากมายต่างก็พูดเช่นนี้ ในตอนที่ได้ยินผู้หญิงที่ตนเองชอบสารภาพรักกับตนเอง การตอบสนองแรกของผู้ชายก็คือล้มผู้หญิงลง แล้วก็รักผู้หญิงอย่าบ้าคลั่ง ให้ผู้หญิงไม่สามารถลงมาจากเตียงได้
จริงๆ แล้วหลิวหยิงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ไม่ว่ายังไงแล้วเธอก็ไม่เคยสารภาพรักกับใคร เธออยู่กับซือถูมู่หรงก็ไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้ แน่นอนว่าเธอพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่ายังไงแล้วเธอก็ไม่ใช่คนที่ซือถูมู่หรงชอบ
“ยัยนี่นิ่งอยู่ยิ่งร้ายแล้ว” เวินลั่วฉิงแอบเบ้ที่มุมปากไม่ไหว ตอนนี้ยัยนี่กล้าพูดทุกอย่างเลย แต่ว่าในใจของเวินลั่วฉิงก็อดไปคิดสถานการณ์แบบนั้นไม่ไหว
หากเธอพูดคำพูดพวกนั้นกับเย่ซือเฉินจริงๆ เย่ซือเฉินจะมีการตอบสนองอย่างไร?
เวินลั่วฉิงคิดไปคิดมาแล้ว ปรากฏว่าสิ่งที่หลิวหยิงพูดมีความเป็นไปได้มากที่สุด อื้ม ความเป็นไปได้สูงมาก สามารถถึงขั้น 99.9%
“คิดอะไรอยู่เนี่ย? รู้สึกว่าฉันพูดถูกใช่ไหม?” หลิวหยิงเห็นใบหน้าที่คิดวิเคราะห์ของเวินลั่วฉิง ชัดเจนเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอย่างจริงจัง ใบหน้าของหลิวหยิงดูมีความรักเพิ่มขึ้น “คุณชายสามเย่บ้านเธอเป็นเช่นนี้แหละ ใช่ไหม”
“อื้ม” เวินลั่วฉิงกำลังคิดอยู่ ดังนั้นไม่ได้ไปตั้งใจฟังคำพูดของหลิวหยิง แค่ตอบกลับตามอัตโนมัติ
“ฮ่าฮ่าฮ่า…… เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย งั้นการเซอร์ไพรส์ของคุณชายสามเย่ ฉิงฉิงบ้านเราชอบไหมนะ?” หลิวหยิงหัวเราะเสียงดังออกมาเลย คิดไม่ถึงว่าฉิงฉิงบ้านเขาก็จะมีเวลาที่น่ารักขนาดนี้
ขณะนี้ใบหน้าของหลิวหยิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หาความเจ็บปวดไม่เจออีกเลย ชัดเจนเลยว่าเธอเดินออกมาจากการถูกทำร้ายของซือถูมู่หรงแล้ว
หลิวหยิงเป็นคนที่มองในแง่ดีมากโดยตลอด ร่าเริงแบบนี้มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าซือถูมู่หรงจะทำร้ายเธอขนาดนั้น เธอก็ไม่มีทางเกลียดขึ้นใจ ไม่มีทางจมอยู่ในความเจ็บปวด และความเกลียดตลอดไป
เวินลั่วฉิงชอบนิสัยแบบนี้ของหลิวหยิง คนแบบนี้จะไม่หาความเครียดให้ตัวเองเหมือนคนอย่างหลิวหยิงถึงแม่ว่าจะมีเรื่องใหญ่แค่ไหน ก็ไม่มีทางผ่านไปไม่ได้
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าแบบนี้ดีมาก!!!
เวินลั่วฉิงได้สติกลับมาแล้ว จ้องไปทางเธอหนึ่งที “ช่างกล้าจริงๆ กล้ามาแกล้งฉัน”
“โอเค โอเค ไม่ล้อเล่นแล้ว” หลังจากที่หลิวหยิงหัวเราะแล้ว อารมณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เธอยังกังวลเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยอยู่ “เมื่อกี้หัวหน้าน้อยบอกว่าจะจัดการเจิ้งฉง ไม่รู้ว่าหัวหน้าน้อยจะจัดการยังไง ไมู่้ว่าหัวหน้าน้อยจัดการเร็วๆ หรือเปล่า ฉันเป็นห่วงว่าหัวหน้าน้อยจะช้า แล้วเจิ้งฉงจะสร้างเรื่องขึ้นมาอีก”
“ในเมื่อหัวหน้าน้อยตกลงแล้ว งั้นก็ไม่มีปัญหาแน่นอน ถึงแม้ว่าหัวหน้าน้อยคนนั้นนิสัยจะแปลกๆ แต่ว่าจุกนี้ฉันก็ยังเชื่อว่าไม่มีปัญหาแน่นอน” เวินลั่วฉิงไม่ได้กังวลมาก ถึงแม้หัวหน้าน้อยจะดูไม่ค่อยเชื่อถือได้ ทว่าไม่ว่ายังไงแล้วเขาก็เป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ สามารถควบคุมองค์กรโกสต์ซิตี้ได้ และดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้ได้ดีขนาดนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
เกิดเป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ ในเมื่อเรื่องที่เขาตกลงแล้ว ก็ไม่เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคือเจิ้งฉงก็เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้พวกเขาอยู่แล้ว
“งั้นพวกเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยแล้ว?” หลิวหยิงก็ยังไม่ค่อยวางใจ หลิวหยิงไม่ได้ไม่วางใจในความสามารถของหัวหน้าน้อย แต่ว่ากลัวหัวหน้าน้อยจะไม่ได้เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ไม่รีบจัดการ
“น่าจะไม่ต้องกังวลมาก” เวินลั่วฉิงพยักหน้า ตามหลักแล้วน่าจะไม่เกิดอะไรขึ้น
“งั้นก็ดี เธอบอกว่าไม่ต้องกังวล ฉันก็จะไม่กังวล ฉันเชื่อเธอ” หลิวหยิงเชื่อเวินลั่วฉิงมากๆ เวินลั่วฉิงบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี
“ฉิงฉิง เธอแน่ใจได้อย่างไรว่าเจิ้งฉงเป็นคนบงการเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยแน่นอน” จู่ๆ หลิวหยิงก็นึกคำถามนี้ขึ้นมา ก่อนหน้านี้เหมือนฉิงฉิงยังไม่ได้สืบก็แน่ใจแล้วว่าเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยเกี่ยวกับเจิ้งฉง
“เดาเอา” เวินลั่วฉิงยิ้มโค้งที่มุมปาก ถึงแม้ว่าเธอจะบอกว่าเดาเอา ทว่าก็ผ่านการวิเคราะห์ออกมาแล้ว
ถึงแม้ว่าไป๋หยิงจะเป็นโทษกับคนไม่น้อยเลย ทว่าคนตายแล้ว จะมีความแค้นเพียงไหนก็ว่าแล้วกันไป คนอื่นๆ ก็คงไม่ดึงไป๋หยิงไม่ปล่อยแบบนี้
ทว่าเจิ้งฉงไม่เหมือนกัน แผนการของไป๋หยิงล้มเหลวทำลายเจิ้งฉงไปอย่าสิ้นซาก จากเจิ้งฉงที่เป็นผู้ดูแลเมืองAขององค์กรโกสต์ซิตี้กลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรเลย อีกอย่างในใจของเจิ้งฉงก็รู้เรื่องเจ้าหญิงตัวปลอมเป็นอย่างดี คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่มีทางปล่อยเขาไป หัวหน้าน้อยก็ไม่มีทางปล่อยเขาไป
ดังนั้นเจิ้งฉงในตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีอะไรเลย ยังกลายเป็นเหมือนหมาที่ไม่มีเจ้าของ แม้กระทั่งชีวิตก็อยู่ไม่รอด
นิสัยของเจิ้งฉงทั้งโหร้ายทั้งโรคจิต ภายใต้สถานการณ์แบบนี้เจิ้งฉงจะต้องเกลียดไป๋หยิงขึ้นไส้แน่นอน ถึงขั้นอยากจะถลอกเนื้อของไป๋หยิง ถึงแม้ว่าไป๋หยิงตายแล้ว เจิ้งฉงก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป
“เดาเอา?” หลิวยหยิงตกใจมาก ท่าทีที่เงียบสงบของเวินลั่วฉิงในเมื่อกี้ พูดอย่างมั่นใจขนาดนั้น ปรากฏว่าฉิงฉิงบอกเธอว่านางเดาเอาทั้งหมด
แต่ว่าหลิวหยิงก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ฉิงฉิงจะบอกว่าเดาเอา ทว่าถึงแม้ว่าฉิงฉิงจะเดา งั้นก็ต้องแม่นยำได้ผลแน่นอน ไม่มีผิดแน่นอน
“เธอบอกว่าเดาเอา ฉันก็เชื่อเธอ” หลังจากที่หลิวหยิงเข้าใจทุกอย่างแล้วก็โล่งอกไปที
“แน่นอนว่า ในระยะเวลาที่มีกำหนด เรื่องนี้ก็ยังต้องจัดการตั้งแต่ต้น” ใบหน้าของเวินลั่วฉิงมีความจริงจังเพิ่มขึ้น ครั้งนี้เจิ้งฉงเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมา มีคนขององค์กรโกสต์ซิตี้จัดการกับปัญหาด้านนี้ ทว่าเรื่องของไป๋ยี่รุ่ยมีอันตรายที่ซ่อนอยู่เป็นอย่างมาก