ตอนที่ 1061
การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอย่างครั้งใหญ่เมื่อครู่ รวมเข้ากับการฟื้นคืนชีพของเอเลน่าที่ร้านต้นตำรับ ทั้งหมดนี้ทำเอาลูกค้าทั้งหลายภายในร้านตื่นตะลึง หลายคนกำลังตื่นเต้นพร้อมคาดเดาว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เถ้าแก่ทราบใช่หรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” เหยาซือเย่ว์แทรกตัวออกมาจากกลุ่มคนเพื่อมาถามลั่วฉวน
“โบราณสถาน” ลั่วฉวนดื่มเหล้าซากุระไปอึกหนึ่งก่อนจะวางถ้วยกับโต๊ะ
“โบราณสถานนี่เอง” เหยาซือเย่ว์พยักหน้ารับตามอย่างไม่รู้ตัว ไม่ช้านางพลันต้องเผยอาการตอบสนองตื่นตะลึง “โบราณสถาน? ทำไมโบราณสถานปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ล่ะ?”
“กลายเป็นว่าต้นเรื่องของการเคลื่อนไหวรุนแรงเมื่อครู่คือการปรากฏของโบราณสถานนี่เอง” เหวินเทียนจีพยักหน้ารับ เพราะเขาบังเอิญได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสองเข้าพอดี
เมื่อครู่พวกเขาออกไปตระหนักถึงที่ตั้งความผันแปรทางพลังงานนอกประตูร้าน ข้อคาดเดาพอดีอยู่บ้าง แต่คำของลั่วฉวนเป็นการยืนยันให้
โบราณสถานไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับผู้ฝึกตน แต่วิธีการปรากฏของพวกมันแปลกประหลาดไปเรื่อย และก็ไม่เคยมีครั้งใดก่อให้เกิดความอึกทึกใหญ่โตถึงเพียงนี้มาก่อน
หลังเกิดประหลาดใจ เหยาซือเย่ว์ตอนนี้กล่าวคำขึ้น “ได้ยินจากเอเลน่า ว่าสถานที่อยู่ก่อนจะฟื้นคืนชีพไม่ไกลจากนครจิ่วเหยา พี่หญิงสนใจไปรับชมโบราณสถานด้วยกันหรือไม่?”
“ข้าหรือ?” เหยาซือหยานส่ายศีรษะ “ข้ายังไม่เกิดสนใจเลย ลองไปถามอวี่เว่ยกับคนอื่นดูก่อน น่าจะมีลูกค้าหลายคนในร้านอยากไปด้วยแน่”
“ทราบแล้ว” เหยาซือเย่ว์พยักหน้ารับพร้อมหันมองทางลั่วฉวน จากนั้นนางจึงถอนหายใจออก “ก็นะ เถ้าแก่ไม่น่าสนใจไปแน่”
ตอนนี้ลั่วฉวนนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาสำรวจข้อมูลไปเรื่อย กลุ่มแชทก็มีข่าวคราวใหม่ส่งกันเข้ามา ลูกค้าหลายคนต่างพูดคุยกันถึงเรื่องราวประหลาดที่เพิ่งเกิดขึ้น
ที่พระราชวังหลวง จี้อู๋ฮุยเร่งรีบเดินออกจากห้องโถงขมวดคิ้วมองออกไปไกลห่าง
เมฆฝนสีดำยังคงปกคลุมท้องฟ้า สุดสายตาคือม่านฝนที่บดบัง ระยะทางที่มองเห็นไกลออกไปมันไม่มีทางชัดเจนได้เพราะเม็ดน้ำเคลื่อนที่ร่วงหล่น
เมื่อครู่นี้ค่ายอาคมคุ้มกันนครจิ่วเหยาทำงานด้วยตัวของมันเอง จี้อู๋ฮุยเกือบจะคิดว่าเป็นอำนาจการโจมตีอันชวนสะพรึงแผ่พุ่งมา รวมเข้ากับความผันแปรทางมิติอย่างรุนแรง กล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกที่พบเจอเรื่องราวเช่นนี้
“เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
เขารับรู้ได้อ่อนจางว่าในตอนที่เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมา แรงกระแทกทางพลังงานอันรุนแรงได้เข้าปกคลุมพื้นที่ในเทือกเขาจิ่วเหยา ตัวการสมควรอยู่ที่นั่น
“จากข้อมูลที่ทราบผ่านโทรศัพท์วิเศษ การเคลื่อนไหวนั่นสมควรเป็นเพราะโบราณสถานปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน” เหล่าไป่เดินเข้ามาพร้อมวางโทรศัพท์วิเศษลง
“โบราณสถาน?” ใบหน้าจี้อู๋ฮุยเผยอาการตื่นตะลึง “ระยะห่างจากนครจิ่วเหยากับต้นตอแรงปะทะไม่น่าไกล… ช่างมัน คงไม่ใช่เรื่องใหญ่…”
เหล่าไป่เผยยิ้มอย่างอับจน ตอนนี้โบราณสถานในสายตาจี้อู๋ฮุยไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ หากเป็นก่อนจะมีร้านต้นตำรับปรากฏในเมืองเขาคงไม่คิดเช่นนี้แน่
“แต่ในเมื่อเป็นโบราณสถาน น่าจะมีลูกค้าหลายคนของที่ร้านคิดไปสำรวจแน่” จี้อู๋ฮุยกำลังครุ่นคิด “ตอนนี้ไปยังร้านต้นตำรับก่อน บางทีอาจจะตั้งหน่วยกับลูกค้าคนอื่นเข้าไปตรวจสอบได้”
“รับบัญชา” เหล่าไป่พยักหน้ารับ เขาเองก็สงสัยว่าเหตุใดโบราณสถานถึงปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
หลังผ่านความฮือฮาอยู่ครู่หนึ่ง ลูกค้าทั้งหลายในร้านตอนนี้กำลังเตรียมตัวออกไปสำรวจโบราณสถานแห่งใหม่ที่ปรากฏขึ้น
วิธีการคัดเลือกคนก็ไม่ยากมากนัก
“ทีมที่จะเข้าไปยังโบราณสถาน ขั้นต่ำควรเป็นขอบเขตทดสอบเต๋า มีใครอีกไหม?” หู่ขวงเผยเสียงดังตะโกนถามในร้าน
“โอกาสนี้อย่าได้พลาด พวกเราเข้าไปแล้วคงไม่กลับออกมารับคนกลางทาง และจะออกเดินทางกันในไม่ช้าแล้ว” อสูรวานรช่วยตะโกนเรียกคน
“บอกว่าไม่รู้จักเจ้าพวกนี้ทันไหม?” อวี่เว่ยถอนหายใจพลางใช้มือกุมหน้าผากอยู่ด้านหลัง
จักรพรรดิปีศาจที่เพิ่งทราบข่าวคราวก็มาถึงร้านต้นตำรับ ตอนนี้พบเห็นเหล่าสัตว์อสูรราชวงศ์กำลังจะตั้งทีมจึงกล่าวออก “ข้าเก็บตัวมายาวนานเกินไปจนไม่ทราบว่านี่เป็นเรื่องให้น่าตื่นเต้นประหนึ่งไปเดินเล่นหรือ?”
“นายท่านจักรพรรดิปีศาจ นิสัยพวกเขาก็เป็นกันเช่นนี้” นักบวชใหญ่ถอนหายใจอย่างอับจน
แต่ก็ต้องกล่าวว่าวิธีการของหู่ขวงและคณะนั้นทำได้ดี ลูกค้าหลายคนในร้านต่างได้ยินกันทั้งสิ้น
ทว่าในร้านมีขอบเขตทดสอบเต๋าหรือสูงกว่าไม่มาก ดังนั้นส่วนใหญ่จึงไม่ตรงกับเงื่อนไขการตั้งทีม
แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่ได้มองว่าผิดอะไร โบราณสถานที่ปรากฏอย่างกะทันหันไม่มีทางที่จะทราบได้ว่ามีอันตรายใดคงอยู่บ้าง ความแข็งแกร่งที่ไม่มากพออาจนำพามาซึ่งความสูญเสีย
และก็ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกตนทุกคนจะพร้อมเสี่ยงเพื่อแสวงหาโอกาสก้าวหน้า เรียกได้ว่าเป็นส่วนน้อย ผู้คนส่วนใหญ่ยังมีความคิดที่ว่าอยู่อย่างปกติธรรมดาไปเรื่อยก็ไม่เลว
“…อานหวยเหยา ก่อนหน้านี้กล่าวใช่หรือไม่ว่าโบราณสถานครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ? มันอันตรายหรือไม่?” เหยาซือหยานหันไปสอบถามอานเหวยหยาที่พูดคุยหัวเราะกับชาวไซเรนไม่ไกล
เหมือนว่านางเกิดกังวลห่วงหาเหยาซือเย่ว์
แม้อานเหวยหยาทราบเรื่องโบราณสถาน แต่นางไม่คล้ายสนใจเข้าไปด้วย ตอนนี้เลือกที่จะอยู่ร้านเล่นโกะกับลั่วฉวนเสียมากกว่า
“อันตราย?” ได้ยินคำถามเหยาซือหยาน อานเหวยหยาส่ายศีรษะ “ก็เพียงพิเศษไปบ้าง แต่ไม่ใช่อันตราย คววามแข็งแกร่งของลูกค้าคณะนี้น่าจะมากพอแล้ว”
พิเศษ ลั่วฉวนได้ยินคำนี้จากปากของอานเหวยหยาถึงสองครั้งแล้ว
อะไรที่ทำให้นางคิดว่าโบราณสถานนี้พิเศษ?
ลั่วฉวนไม่คิดถามออกไป อย่างไรแล้วคณะลูกค้าก็กำลังจะออกไปตรวจสอบ ข้อสงสัยของเขาคงได้รับผ่านการถ่ายทอดสดในไม่ช้า
ด้วยเหตุนี้เขาจึงวางหมากลงไปก่อนจะกล่าว “คราวเจ้าแล้ว”
เมื่อจี้อู๋ฮุยและเหยาฮุยเฉินมาถึงที่ร้าน พวกเขาค่อยได้เห็นภาพฉากการตั้งทีมของลูกค้าหลายสิบคนกำลังเตรียมออกเดินทาง
แรกเริ่มมีคนไม่มาก แต่พอได้ยินข่าวคราว ชาวไซเรนและชาวทะเลจึงเกิดสนใจเข้าไปรับชมโบราณสถานด้วย
“เหมือนว่าจะยังมาทัน” จี้อู๋ฮุยกล่าวขณะมองทีมสำรวจขนาดใหญ่
การมาถึงของจี้อู๋ฮุยกับเหล่าไป่ไม่ใช่สร้างความครึกโครมอันใด เพราะอย่างไรแล้วทีมที่เดินทางไปนี้ก็มีขอบเขตราชันไปด้วยไม่ใช่น้อย
แทนที่จะเป็นการฉีกมิติเดินทางไปโดยตรง ภายใต้เอเลน่านำทาง ทั้งคณะบินมุ่งหน้าไปยังทิศทางต้นตอของพลังงานกันแทน
ลั่วฉวนมองออกไปนอกร้าน ในใจอดไม่ได้ที่จะปล่อยความคิดโบยบินผ่านอากาศที่ฝนตกพรำและมีสายฟ้าปรากฏเป็นครั้งคราว
กับขอบเขตทดสอบเต๋าเป็นอย่างน้อยที่เดินทางไป คิดหลบเลี่ยงสายฟ้าธรรมดาไม่น่าใช่เรื่องยาก เพราะนี่มันไม่ใช่ทัณฑ์สายฟ้าที่ยากรับมือ
เขาละสายตากลับก่อนจะมองกระดานที่อานเหวยหยาเพิ่งเดินหมากไป