ตอนที่ 1085
หลายปีได้ผ่านพ้นตั้งแต่เก้าหายนะปรากฏในเก๋อหลัว ความโกลาหลและสงครามได้แผ่ขยายออกไปทั่วทิศ
ศูนย์กลางแห่งเรื่องราว ยามนี้ถูกพลังงานหายนะอันแข็งแกร่งเข้าครอบครอง เหล่าผู้ติดเชื้อนับไม่ถ้วนต่างเดินวนเวียนไปมาในดินแดนดังกล่าว หากไม่ใช่เพราะมีการสร้างกำบังกีดขวางอย่างทันท่วงที ต่อให้แข็งแกร่งประหนึ่งตำนานมีชีวิตก็คงไม่อาจรอดพ้น
เวลานี้สถานที่ดังกล่าวถูกเรียกขานเป็นแดนโกลาหล
แรงปะทะจากการที่เก้าหายนะธรรมชาติได้ก่อเกิด มันไม่ได้แผ่ขยายไปจากแดนโกลาหลมากนัก ดังนั้นผู้คนต่างลืมเลือนว่ามันเกิดอะไรขึ้น
สำหรับผู้คนส่วนใหญ่ ตราบเท่าที่มันยังไม่กระทบถึงชีวิตประจำวันของตนเอง ไม่ว่าโลกภายนอกเกิดเรื่องราวใหญ่โตเพียงใด อย่างมากก็เป็นได้เพียงแค่บทสนทนาบนโต๊ะอาหาร
เซ็นเทียเป็นหนึ่งในเมืองเช่นนั้น
เพราะอยู่ไกลโพ้นจากแดนโกลาหล แรงกระทบจากเก้าหายนะธรรมชาติพร้อมผู้ติดเชื้อที่ออกเดินรุกรานรอบเมือง มันไม่มากขนาดแค่อาศัยผู้แข็งแกร่งก็กวาดล้างได้
ทว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา บรรยากาศตึงเครียดได้ปรากฏปกคลุมทั้งเมืองแห่งเวทมนตร์ที่ให้กลิ่นอายของอังกฤษแห่งนี้ เหล่าอัศวินในเมืองจะออกมาตรวจตราบ่อยครั้งขึ้น ราวกับพวกเขากำลังค้นหาตัวตนอันน่าสะพรึงที่แทรกซึมเข้ามาในเมือง
ในค่ำคืนที่เซ็นเทียฝนตก มีเพียงแสงจากโคมไฟส่องสว่างสองฟากข้างของทางที่พอจะขับไล่ความมืดมิดได้บ้าง และในสถานที่ซึ่งไกลห่าง เงาของสิ่งปลูกสร้างที่ไร้ผู้คนกับฟากฟ้ายามค่ำคืนราวกับจะหลอมเป็นหนึ่งเดียว มันคือบรรยากาศที่ชวนขนลุก
ฟ้าดินในเวลานี้ราวกับมีเพียงเสียงพายุฝนที่กระหน่ำตกลงมา ราวกับมันปรารถนาชำระล้างความสกปรกให้แก่ผืนโลก เมฆสีดำเบื้องบนฟากฟ้ายังปรากฏแสงสุกสว่างวูบวาบไปมาบ่อยครั้ง เสียงฟ้าร้องที่สะท้านสะเทือนแดนดินปรากฏดังราวคิดทำให้ผู้คนขวัญผวา
ตู้ม!
เสียงระเบิดสนั่นดังปรากฏ ฟากฟ้าสุกสว่างเจิดจ้า สายฟ้าฟาดหวดลงมาผ่านม่านราตรีกาล
แรงระเบิดบังเกิดขึ้นบริเวณสิ่งปลูกสร้างใจกลางเมือง กำแพงขาวเทาล้มพังลงมา บ้านเรือนใกล้เคียงกลับกลายเป็นเศษซากกระจัดกระจาย ส่วนที่เหลือใกล้เคียงต่างถูกอัคคีเพลิงเผาไหม
แม้กระนั้นมันก็ยังพอให้ได้เห็นเค้าเดิมถึงความหรูหราของสิ่งปลูกสร้าง มันคล้ายจะเป็นอาคารสี่ถึงห้าชั้นที่มีลวดลายอันวิจิตรประดับไว้ภายนอก ยามเมื่อพังครืน เครื่องเรือนอันหรูหราภายในอาคารจึงปรากฏเผยให้เห็น
มันราวกับถูกพลังงานอันแข็งแกร่งฉีกกระชากเปลือกนอก สิ่งปลูกสร้างนี้เดิมมีการแกะสลักอักขระเวทมนตร์ป้องกันเอาไว้ กระนั้นมันก็ยังถูกทำลายในพริบตายามเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่เหนือกว่า
แรงระเบิดที่ใจกลางเมืองกลายเป็นสิ่งปลุกกระตุ้นให้ผู้คนที่หลับใหลต้องสะดุ้งตื่น พวกเขาต่างก้าวเดินออกจากบ้านพักตนเองมาเพื่อรับชมอัคคีเพลิงที่โหมกระหน่ำท่ามกลางพายุฝน
โรนาที่กำลังยืนกางร่มสีดำเหนือศีรษะ สายตานั้นมองซากสิ่งปลูกสร้างที่พังทลายกลับกลายเป็นทะเลเพลิงอยู่ไกลห่าง ร่องรอยแสงสีแดงยังคงปรากฏตกค้างที่มือขวาของเขา ยามนี้เขาถอดหมวกสีดำออกจากศีรษะพร้อมเคลื่อนมันลงมาที่หน้าท้องและโค้งกาย นี่คือท่าทีแสดงถึงการบอกลา
ราวกับเป็นนักมายากลบนเวทีที่โค้งกายต่อผู้ชมเป็นการบอกลาว่าจบการแสดงเพียงเท่านี้
ทั้งเมืองที่เดิมหลับใหลกลายเป็นตื่นขึ้น สิ่งปลูกสร้างรอบด้านต่างเปิดไฟส่องสว่างจากที่เดิมมืดมิด เหล่าอัศวินต่างตระหนักพบเห็นการเคลื่อนไหวทางด้านนี้จนต้องเร่งรีบมาตรวจสอบ
โรนาสวมหมวกกลับคืน สายลมสีดำได้แทรกตัวผ่านมาพร้อมกับสายลมเย็นเยือกพัดผ่าน ร่างเขาได้เลือนหายไปในความมืดยามราตรีทิ้งเอาไว้เพียงแสงสุกสว่างทางด้านหลัง
…..
ลั่วฉวนฝัน
ลูกค้าคนแรกของร้านกาแฟได้สร้างเรื่องราวครั้งใหญ่ ทุกคนในเมืองต่างสับสน พวกเขาไม่ทราบว่ากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันใด กองกำลังป้องกันเมืองเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น และยังไม่มีใครทราบถึงต้นสายปลายเหตุ
ราวกับเป็นโชคชะตาในความมืดมิด ตัวตนอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายในเก๋อหลัวต่างมาที่ร้านเพื่อดื่มกาแฟกันคนแล้ววคนเล่า และพวกเขาจะทิ้งสิ่งของประหลาดเอาไว้แทนค่ากาแฟ
ด้วยฐานะเถ้าแก่ร้านกาแฟ ลั่วฉวนถูกลูกค้าเหล่านั้นเรียกหาเป็น “การชี้นำแห่งโชคชะตา” “เทพผู้สร้าง” “นายเหนือแห่งความนิรันดร์” “ปรมาจารย์แห่งโลกมืด”…
ลั่วฉวนลืมตาตื่นขึ้นพร้อมลุกจากที่นอน มือเขานั้นต้องขยับขึ้นมากุมขมับ
เป็นฝันที่ยุ่งเหยิง
ขณะพยายามปรับสติให้กลับคืนความกระจ่าง ความฝันอันยุ่งเหยิงนั้นก็เริ่มจมลึกหายเข้าไปในห้วงความทรงจำ
ลั่วฉวนหาวอยู่พักหนึ่งโดยไม่คิดสนใจเรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว
ฝัน ทั้งยังแปลกประหลาดอย่างหาได้ยาก เหล่านี้ไม่น่าใช่เรื่องธรรมดา
บางทีอาจเป็นเพราะร้านกาแฟเมื่อคืนเพิ่งต้อนรับลูกค้าคนแรก มันจึงส่งผลให้ความฝันสร้างเรื่องราวที่เกี่ยวข้องโดยอาศัยความทรงจำ
ก็ถือว่าน่าจะปกติ
แต่เขาก็ยังรู้สึก ว่าความฝันนี้มีเนื้อหามากเกินไป…
หลังแต่งกายเรียบร้อย เขาค่อยเปิดหน้าต่างที่ปิดเอาไว้ อากาศเย็นพร้อมความชื้นจากภายนอกค่อยเข้าปะทะที่ใบหน้า
หากอ้างอิงตามช่วงเวลา ตอนนี้สมควรเป็นฤดูใบไม้ร่วง
แต่ผู้คนที่นี่จะเรียกว่าฤดูใบไม้ร่วงด้วยหรือไม่?
ความหมายของมันก็ตรงตัว แต่ต้นไม้ในเทือกเขาจิ่วเหยาไม่คล้ายเผยท่าทีบ่งบอกว่าใบจะเปลี่ยนสีหรือร่วงหล่น ตามที่ลั่วฉวนเข้าใจ สาเหตุมันสมควรเป็นเพราะพลังวิญญาณในฟ้าดินที่คอยหล่อเลี้ยง มันจึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้สภาพอากาศตอนนี้ไม่เย็นจนเกินไป
หลังผ่านพ้นฤดูใบไม้ร่วง มันจึงเป็นฤดูแห่งความหนาวเย็น บางทีอาจกระทั่งได้เห็นหิมะตกที่ต่างโลกก็เป็นได้
ลั่วฉวนเกิดคาดหวังอยู่ในใจเล็กน้อย
แม้เปิดหน้าต่างไว้ สำหรับที่นี่ก็ไม่ต้องเกรงเรื่องความชื้นจากภายนอกจะเข้ามาสะสมภายในห้องแต่อย่างใด
เขาเดินไปเปิดประตูและเดินออกจากห้อง
“อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่” เหยาซือหยานที่กำลังแปรงฟันอยู่กล่าวออกอย่างงัวเงียต่อลั่วฉวน
หลังจากอยู่ที่ร้านต้นตำรับมานาน นางก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างปล่อยตัวเช่นนี้
“อรุณสวัสดิ์” ลั่วฉวนพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปล้างหน้า
ไม่ช้าเขาจึงลงมายังชั้นล่าง
ก่อนอื่นคือเปิดประตูร้าน
“อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่” อานเหวยหยาเผยยิ้มแย้ม
“อรุณสวัสดิ์” ปิงชวงที่ยืนใกล้เคียงเผยคำเสียงเบาออกมา
ลั่วฉวนประหลาดใจเล็กน้อยตอนได้เห็นสองร่างยืนอยู่ตั้งแต่เขามาเปิดประตูร้านเช่นนี้
“หรือโบราณสถานกำลังจะปรากฏอีกแล้ว?” ลั่วฉวนเอ่ยถาม
“ไม่ใช่” อานเหวยหยาส่ายศีรษะ “ปิงชวงบอกว่าอยากมา ข้าก็เลยพานางมา”
ลั่วฉวนมองทางปิงชวง นางพยักหน้าตอบรับ
เข้าใจแล้ว ก็คือมาฝากท้องกับอาหารเช้าที่ร้าน ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ลั่วฉวนจึงหลบทางให้อานเหวยหยากับปิงชวงเข้ามาในร้าน
“ยังไม่มีสินค้าใหม่งั้นสินะ” อานเหวยหยาที่สำรวจมองรอบกล่าวข้อสรุปออกมา
“เจ้าเป็นมังกรไม่ใช่หรือ ไฉนอยู่ที่นี่ตลอดเวลา?” ลั่วฉวนเกิดสงสัยขึ้นมา
จากที่เขาคาดเดา มังกรมีขนาดตัวที่ใหญ่ และอานเหวยหยาน่าจะมีหน้าที่รับผิดชอบสอดส่องโลกแห่งนี้
แต่จนถึงวันนี้ ทุกวันนางจะแวะเวียนมาที่ร้านตลอด แล้วหน้าที่สอดส่องโลกหายไปไหนแล้ว
“เถ้าแก่บอกให้ข้าไปทำงานงั้นหรือ?” อานเหวยหยามองตอบ “งานนั้นข้าทำทุกวัน เดิมก็แค่มองหาความแปลกประหลาดในโลกแห่งนี้ เถ้าแก่ ท่านจึงเป็นตัวตนที่ประหลาดที่สุดแล้ว ดังนั้นข้าจึงอยู่แต่ที่นี่เพื่อจับตามอง”
สุดท้ายมังกรสาวจึงพยักหน้ารับราวกับพูดคุยกับตัวเอง
ลั่วฉวน : …
แม้ฟังดูไม่มีอะไรแย่ แต่มันฟังดูแปลก แน่ใจหรือว่าที่มาร้านทุกวันไม่ใช่เพราะสินค้าที่มีขายกับเครื่องเล่นเกมที่มีให้เล่น?