ตอนที่ 1077
ในช่วงบ่าย ร้านต้นตำรับก็ยังคงเปิดเหมือนเช่นเคย
เหมือนว่าประโยคนี้จะถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวบ่อย แต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็นในการบ่งบอกเวลา (อย่างน้อยก็ในความเห็นของผู้แต่ง)
ลั่วฉวนผู้ซึ่งกำลังเบื่อหน่ายไม่มีอะไรทำ ตอนนี้หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อย เขาจึงไปนอนเอกเขนกในร้าน ซึ่งหากมีโอกาสได้ไปอาบแสงตะวันอันอบอุ่นหน้าร้านคงจะดีกว่านี้
ฤดูฝนคงอยู่ยาวนานขนาดที่ว่าไม่คล้ายจะเห็นปลายทาง กระนั้นลั่วฉวนก็ไม่คิดฝืนเข้าไปแทรกแซงกลไกของภูมิอากาศ เพราะเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก
ระยะเวลาเล่นเกมของชิงหยวนเหลือน้อยแล้ว นางโดนเหยาซือเย่ว์ลากทั่วไปเพิ่มระดับตรงโน้นที ตรงนี้ที
เหยาซือหยานที่นั่งอยู่ใกล้เคียงลั่วฉวน นางกำลังดื่มด่ำกับโลกแฟนตาซีผ่านโทรศัพท์วิเศษ ตามที่นางบอกกล่าว อีกไม่ช้าก็พร้อมที่จะเผยแพร่ผลงานซึ่งตัวนางขัดเกลามาโดยตลอดสู่แอพนักอ่านแล้ว
ลูกค้าหลายคนที่แวะเวียนมาเยือนร้านในช่วงบ่ายต่างได้พบ ว่าสถานการณ์ภายในร้านกลับคืนสู่ความสงบดังเดิมแล้ว
ซึ่งก็ยังมีบางคนที่พูดกล่าวถึงเรื่องโบราณสถานที่ปรากฏในเทือกเขาจิ่วเหยาใกล้เคียงนครจิ่วเหยาในช่วงเช้า แต่ความร้อนแรงของประเด็นนี้ลดทอนลงไปมาก
ภายนอกของโบราณสถาน พลังงานโกลาหลที่แม้เป็นขอบเขตทดสอบเต๋ายังยากผ่านเข้าไป เป็นผลให้หลายต่อหลายคนทำได้เพียงแต่รับชมอยู่ไกลห่าง
สี่สถาบันใหญ่ กองกำลัง และตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างส่งขอบเขตทดสอบเต๋าเข้าไปสำรวจ แต่นอกจากซากปรักหักพังและดอกครามเยือกแข็งแล้ว สิ่งอันน่าอัศจรรย์อื่นตอนนี้ยังไม่ถูกค้นพบ
มันเหมือนการโยนหินลงผืนน้ำอันเงียบสงบ ตำแหน่งตรงที่หินร่วงหล่น มันจะเกิดเป็นคลื่นวงน้ำแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างก่อนจะเริ่มสงบลงทีละน้อย
ทว่า หินก้อนนั้นบางทีมันอาจไปปลุกสัตว์ประหลาดใต้ทะเลสาบที่กำลังหลับใหลอยู่ก็เป็นได้…
หลังทานมื้อกลางวันที่ร้านของหยวนก่วย เหยาฮุยเฉินเดินทางกลับหุบเขาโอสถโดยใช้ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายศูนย์กลาง
ถัดจากนั้นเขาจึงกลับถึงหุบเขาโอสถเพื่อเตรียมจัดแจงเรื่องราวทั้งหลายที่ยังค้างคา
เหล่าศิษย์ทั่วไปของหุบเขาโอสถจะไม่กล้ามาเยือนบริเวณนี้ เพราะตามปกติจะมีแต่นักปรุงยาอาวุโสหรือไม่ก็ผู้อาวุโสของหุบเขาโอสถที่จะเข้ามาทำการทดลอง
ทั้งคณะตอนนี้กำลังจับจ้องไปยังพืชสายพันธุ์ใหม่ คุณสมบัติการกรองอากาศดีเยี่ยม กระตุ้นให้พลังวิญญาณโคจรได้ยอดเยี่ยม กล่าวได้ว่าเป็นพืชที่มีคุณสมบัติอย่างเปี่ยมแน่น
กลิ่นอายภายในสถานที่ตอนนี้คือกลิ่นยาอันรุนแรง หลายครั้งจะปรากฏเสียงดังสนั่นปรากฏ ซึ่งผู้คนของหุบเขาโอสถต่างคุ้นชินกับเสียงประหลาดทั้งหลายเหล่านี้กันนานแล้ว
ในเมื่อเกิดการทดลอง จะมีความผิดพลาดก็ถือเป็นเรื่องปกติ
นักปรุงยาส่วนใหญ่มักดื้อรั้นในการทดลอง ยกตัวอย่างการตรวจสอบภูมิความรู้ใหม่ พวกเขาจะราวกับคนคลั่งเพื่อตรวจสอบภูมิความรู้ที่ไม่คุ้นเคยเพื่อทำให้แน่ใจว่ามันคือเรื่องจริง
ลานหินรอบด้านถูกแกะสลักเอาไว้ด้วยลวดลายอันลึกลับ และห้วงมิติที่ปรากฏตรงกลาง มันคล้ายกับห้วงน้ำที่ก่อตัวขึ้นเป็นทางเข้ามิติ
ขั้วอำนาจสูงสุดแห่งทวีปเทียนหลันเช่นหุบเขาโอสถย่อมมีการก่อสร้างมิติส่วนตัวสำหรับใช้งาน
แน่นอนว่าระดับความสมบูรณ์และความคงทน มันไม่อาจเทียบได้กับตัวตนเกินสามัญสำนึกเช่นมิติขายอาวุธของร้านต้นตำรับ
เมื่อเดินผ่านทางเข้ามิติ สภาพแวดล้อมรอบด้านจึงกลับกลายแปรเปลี่ยน
ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาสีขาว โลกแห่งนี้มีแสงสว่างสาดส่อง สุดปลายของสายตาคือมวลเมฆสีขาวที่คล้ายจะเป็นสุดปลายขอบของห้วงมิติ
สภาพแวดล้อมของมิติแห่งนี้ มันค่อนข้างคล้ายสวน
หากจะให้ผู้อ่านเข้าใจและนึกภาพออก เรียกมันว่าสวนสมุนไพรยาจึงเข้าใจง่ายกว่า
มันราวกับเป็นการยกธรรมชาติจากอีกที่มาเพื่อเพาะปลูกในที่แห่งนี้
ทั้งมิติประกอบด้วยหมอกควันสีขาวลอยฟุ้ง เหล่านี้คือพลังวิญญาณที่ควบแน่นปรากฏขึ้นมา
สวนสมุนไพรยามนี้ว่างเปล่า สมุนไพรยาวิเศษอื่นที่เดิมเคยอยู่ที่นี่ถูกเคลื่อนย้ายออกไปก่อนแล้ว
เก้าผู้อาวุโสแห่งหุบเขาโอสถรวมตัวกันที่นี่ พวกเขากำลังพูดคุยต่อกัน ตอนนี้ตระหนักเห็นเหยาฮุยเฉินกลับมา พวกเขาจึงเผยสีหน้าจริงจังเอ่ยคำออก
“จ้าวสำนัก อาหารกลางวันที่ร้านเถ้าแก่หยวนรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?” ผู้อาวุโสใหญ่เผยยิ้มแย้มกล่าวถาม
“ไม่เลว ครั้งหน้าไปทานด้วยกันได้” เหยาฮุยเฉินพยักหน้ายิ้มตอบรับ จากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ผ่านมาสักพักหนึ่งแล้ว ศึกษาดอกครามเยือกแข็งถึงไหนกันแล้ว?”
พวกเขาค่อนข้างคุ้นชินกับเหยาฮุยเฉินที่ผ่อนคลายมากกว่า แต่ด้วยสถานะพวกเขา คิดกล่าวความเห็นออกไปนั้นค่อนข้างยาก
เมื่อเหยาฮุยเฉินกล่าวถึงประเด็นสำคัญ ตอนนี้ประเด็นอื่นที่ยังพูดคุยค้างไว้ก็ไม่ควรกล่าวถึงแล้ว
“กล่าวอย่างไรดี” ผู้อาวุโสที่สามเผยท่าทีลำบากใจ “เงื่อนไขการเพาะปลูกดอกครามเยือกแข็งค่อนข้างเกินกว่าที่พวกเราคาดคิดเอาไว้”
จากปากคำเหมือนจะได้ผลลัพธ์อะไรบ้างแล้ว เหยาฮุยเฉินตอนนี้จึงเกิดสนใจ “กล่าวออกมาเป็นไร?”
“อยู่ทางด้านนี้” ผู้อาวุโสที่สามชี้ไปยังดอกครามเยือกแข็งที่เพาะปลูกลงดิน พื้นดินถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่มีรูปลักษณ์และสีสันคล้ายโลหะ “จากข้อสรุปของพวกเรา ดอกครามเยือกแข็งไม่ต้องการดิน มันต้องการเพียงหยั่งรากลงไปยังโลหะหลากหลายชนิด แต่เพราะระยะเวลาที่น้อยเกินไป พวกเรายังไม่ทราบว่าควรใช้โลหะใดเป็นดินที่เหมาะสมให้แก่มันดี”
“แล้วคุณสมบัติทางยาล่ะ? ได้ทดสอบกันหรือไม่?” เหยาฮุยเฉินเอ่ยถาม
“มันค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ” ครั้งนี้เป็นผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งที่เอ่ยคำออก “คุณสมบัติของมันไม่ทับซ้อนกับตัวยาอื่น แต่สรรพคุณที่จะได้รับโดยเจาะจงนั้นตอนนี้ยังไม่ทราบ แต่…”
“แต่อะไร?” เหยาฮุยเฉินทวนคำ
“ผลข้างเคียงเช่นแสงที่สาดส่องออกมายังหาทางลบล้างไม่ได้” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวออก
แม้ว่าบรรยากาศเงียบงัน แต่เหยาฮุยเฉินก็มองที่ดอกครามเยือกแข็งอย่างเข้าใจถึงเหตุผล
รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของเขา “ยังคงมีเวลา พวกเราสามารถตรวจสอบและทดลองหลายทางได้”
…..
เสียงคำรามร้องอันแค้นเคืองของสัตว์อสูรดังก่อนจะสิ้นใจ
“ความเร็วการเพิ่มระดับลดลงไปไม่น้อยเลย” ชิงหยวนสะบัดมือตนเองไปมา
“ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งช้า หากเป็นหลังระดับสามสิบ ต่อให้ใช้เวลาหลายวันยังยากจะขึ้นสักระดับ” เหยาซือเย่ว์ส่ายศีรษะ
“ระยะเวลาการใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงถึงขีดจำกัด”
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏตรงหน้าชิงหยวน “หือ? ข้อความนี้…”
“ระยะเวลาใช้งานเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงต่อวันหมดแล้ว อันนี้คงทราบอยู่แล้วกระมัง?” ข้อความแจ้งเตือนปรากฏตรงหน้าเหยาซือเย่ว์เช่นกัน “พบเห็นข้อความนี้จะถูกบังคับออกจากโลกเสมือนจริงแม้ไม่ยินยอมก็ตาม”
“หากลูกค้ากำลังต่อสู้อยู่ล่ะ?” ชิงหยวนเกิดความคิดอันอุกอาจขึ้น “ทางด้านกลอรี่ คล้ายว่ารอบหนึ่งใช้เวลาเล่นไม่นานกระมัง?”
“เป็นเช่นเดียวกัน กฎนี้เถ้าแก่เป็นคนตั้งขึ้นและไม่เคยมีเปลี่ยนแปลงต่อให้เกิดเรื่องราวใดขึ้น” เหยาซือเย่ว์ยิ้มตอบ “แต่ก็มีวิธีการยืดขยายเวลาใช้งานเครื่องเล่น ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวิธี นั่นก็คือการเข้าใช้งานอารีน่าเก็บอันดับสะสมจนได้รับรางวัลตามระยะเวลาที่กำหนด บางภารกิจของโหมดทั่วไปก็ได้รางวัลเป็นระยะเวลาเล่นเกมเช่นกัน”
ชิงหยวนพยักหน้ารับต่อข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้ทราบ