ตอนที่ 1068
สายฟ้าเป็นประกายปรากฏท่ามกลางหมู่เมฆสีดำทึบราวกับน้ำหมึก สิ่งมีชีวิตมากมายของเทือกเขาจิ่วเหยาต่างกระจายตัวออกห่างเพราะหวาดเกรงอำนาจแห่งฟ้าดิน
เพื่ออยู่รอด สัตว์อสูรและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างออกจากถิ่นฐานเพื่อหลีกเลี่ยงป่าอันมืดมิดที่ชื้นแฉะ
เพราะมีป่าหนาเป็นกำบัง สายฝนจึงอ่อนลงเมื่อร่วงหล่นถึงพื้นเบื้องล่าง หยดน้ำขนาดใหญ่จะตกค้างอยู่กับใบไม้ก่อนร่วงหล่นสู่พื้นเกิดเป็นเสียงอันน่ารับฟัง
อากาศเปียกชื้นนับวันมีแต่จะสูงขึ้น วัตถุรอบด้านต่างถูกหยดน้ำที่เปรียบดังผลึกใสเกาะเต็มทั่ว รวมถึงยังมีแมลงบางส่วนที่บินไปมา
สัตว์ตัวหนึ่งยาวราวแขน เป็นสีดำและมีเปลือกเหมือนดังไม้ รวมถึงมีเล็บแหลมคมปรากฏจิกลงเกาะกับตัวต้นไม้
ลิ้นของมันคมประหนึ่งดาบและเคลื่อนไปมาราวภูตผีคอยทิ่มแทงใส่แมลงที่บินไปมา มันกำลังออกล่าเหยื่อ
ถัดจากนั้นร่างมันจึงถูกแทงด้วยหอก
“ครั้งนี้เหมือนจะโชคดี” ชายหนุ่มก้าวเดินเข้าไปคว้าจับหอกกลับมา สิ่งมีชีวิตตัวนั้นพยายามดิ้นรน “แม้ทุกคนตอนนี้อยู่กับบ้าน แต่สำหรับสัตว์ทั้งหลาย เวลานี้ค่อนข้างดีสำหรับการล่าเหยื่อ”
“ฤดูฝนในเทือกเขาจิ่วเหยาคือช่วงเวลาที่แมลงมากมายจะถือกำเนิดขึ้นใหม่ ผู้ล่าส่วนใหญ่จะใช้ช่วงเวลาที่มีตอนนี้เก็บเกี่ยวสะสมพลังงานเอาไว้เพื่อรับฤดูหนาวที่จะมาเยือนถัดไป”
กล่าวถึงตรงนี้เขาจึงเผยยิ้มพร้อมนำเอามีดแหลมคมออกมาพรากชีวิตสัตว์ตัวนั้นไป “แน่นอนว่าสำหรับนักล่าส่วนใหญ่ พวกมันจะกลายเป็นเหยื่อได้ ในป่ามีอันตรายอยู่ทั่วทุกแห่งหน”
“อันตรายนั่นคือเจ้าใช่หรือไม่?”
“อาจารย์ ข้าชอบวิธีการถ่ายทอดสดของท่านนัก”
“นี่เตรียมทำเป็นงานประจำแล้วหรือไม่?”
“…”
“งานประจำ?” เด็กหนุ่มพบเห็นข้อความแชทสดปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์วิเศษที่ลอยอยู่ตรงหน้า เขาพยักหน้าหัวเราะรับ “ตอนนี้ก็คงเป็นเช่นนั้น เดิมงานของข้าคือการหาสัตว์อสูรและยาวิเศษในเทือกเขาจิ่วเหยา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว การถ่ายทอดวิธีการเอาตัวรอดจากอันตรายในป่า มันช่วยลดอัตราผู้สูญเสียที่เดินทางเข้ามาได้ไม่น้อยเลย…”
ลั่วฉวนค่อนข้างประทับใจกับเด็กหนุ่ม ไม่ใช่ทุกคนจะคว้าโอกาสที่เห็นมาได้ บุคคลที่คว้ามาได้ก่อนใครมักจะเป็นแนวหน้าในการแบกรับคลื่นลม
“เถ้าแก่รับชมการถ่ายทอดสดนี้อีกแล้วหรือ?” เหยาซือหยานได้ยินเสียงจากโทรศัพท์วิเศษของลั่วฉวนจึงเข้ามาสอบถามด้วยความสงสัย
ลั่วฉวนได้กลิ่นหอมอ่อนจากกายนาง ตอนนี้จึงวางโทรศัพท์วิเศษไว้ด้านข้างก่อนจะหันมองตอบ “เพราะมันน่าสนใจที่จะรับชม”
เหยาซือหยานทราบว่านี่เป็นความสนใจส่วนตัวของลั่วฉวน นางพยักหน้าตอบรับ “ซือเย่ว์และคณะตอนนี้กำลังออกจากโบราณสถาน พวกนางกำลังจะกลับมากันแล้ว”
“จากที่อานเหวยหยากล่าว โบราณสถานครั้งนี้ใหญ่โตไม่ใช่น้อย ไม่ทำการสำรวจต่อแล้วหหรือ?” ลั่วฉวนกล่าวถามไปเรื่อยพลางรับชมการถ่ายทอดสด
“ได้คำตอบมาว่ามันก็มีแต่ซากปรักหักพังทั่วทุกที่ เพราะมองว่าหมดความน่าสนใจเลยกลับมากัน” เหยาซือหยานยิ้มตอบ “เหยาฮุยเฉินและคณะก็เพิ่งเดินทางเข้าไป”
เหยาฮุยเฉิน? น่าจะเพราะได้ทราบเรื่องจากการถ่ายทดสดของเอเลน่า แต่ก็ถือว่าเดินทางได้รวดเร็วยิ่ง
สำหรับนักปรุงยา เป็นปกติที่จะโดนพืชแปลกใหม่ดึงดูดเข้าหา แม้พวกเขาจะยังไม่ทราบว่าพืชนั้นนำมาทำเป็นยาได้หรือไม่ก็ตาม
ฟากฟ้าหมองหม่นยังคงปล่อยเม็ดฝนร่วงหล่นลงมา เสียงฝนที่ตกลงมากระทบสิ่งของเบื้องล่างนั้นดังไม่เคยขาด
ภายใต้เมฆสีดำและสายฝน สตรีผมดำปรากฏตัว นางมองยังนครจิ่วเหยาเปรียบดังสัตว์อันน่ารังเกียจขนาดยักษ์ก่อนจะถอนหายใจ
ชุดกระโปรงสีดำยาวของนางรัดรูปและพลิ้วไหว ส่วนชายของชุดยังประดับด้วยลวดลายสีทอง รับเข้ากับใบหน้าอันงดงาม ดวงตาสีฟ้าคราม จมูกเล็ก ปากหน่อย ทั้งหมดนี้คือความสูงศักดิ์
ถัดจากนั้นนางจึงหันมองทิศทางของโบราณสถาน ความลังเลปรากฏในสายตา ราวกับคิดไม่ตกว่าควรไปทางใดก่อน
สุดท้ายนางตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังนครจิ่วเหยา
การถ่ายทอดสดของเอเลน่ายังคงดำเนิน ลูกค้าทั้งหลายภายในร้านเริ่มลดทอนความสงสัยลงไปกันมากแล้ว
แน่นอนว่ายังมีลูกค้าอีกหลายคนที่รอคอยการค้นพบสิ่งวิเศษซึ่งซุกซ่อนอยู่ใต้ดินนอกเหนือไปจากพืชประหลาดที่ค้นพบก่อนหน้า
ลำแสงปรากฏบินย่นระยะเข้ามา สุดท้ายจึงหยุดลงที่ตรงหน้าร้านต้นตำรับ เหยาซือเย่ว์และคณะกลับมาถึงกันแล้ว
“เหมือนไปแล้วไม่ได้อะไร ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย” หู่ขวงเกิดเสียดาย “มีแต่ซากปรักหักพัง น่าสนใจก็มีแค่ที่ข้าบังเอิญไปพบเจอเข้า”
“เจ้าก็บ่นเช่นนี้มาตลอดทาง” อวี่เว่ยขมวดคิ้ว นางเหนื่อยที่จะฟังแล้ว “พืชนั่นก็นำกลับมาไม่ใช่หรือ? เห็นว่าเจ้าเก็บมาไม่ใช่น้อยเลยนี่”
เหยาซือเย่ว์ยิ้มพลางเดินเข้ามายังโต๊ะก่อนจะนำพืชพิเศษออกมาจากแหวนมิติ “เถ้าแก่ ให้ข้านำกลับมาให้ใช่หรือไม่?”
ดอกไม้สีน้ำเงินเย็นเยือก ตัวก้านดอกไม้เป็นสีแดงอมม่วง และด้านล่างที่ควรเป็นราก มันกลับกลายเป็นก้อนโลหะสีเงิน
เหยาซือหยานเผยความสงสัย “ที่ด้านล่างนั่น… ได้ลองขุดกำแพงลงไปอีกหรือไม่?”
“ถูกต้อง” เหยาซือเย่ว์พยักหน้ารับเผยสีหน้าภาคภูมิบ่งบอก ‘เร่งรีบชมข้าเร็วข้า’ “เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับราก พวกเราก็เลยนำกลับมาทั้งแบบนี้”
เหยาซือหยานประหลาดใจไปครู่ก่อนจะหัวเราะออก “เจ้าทำได้ดีเลยทีเดียว”
ลั่วฉวนตอนนี้กำลังมองพืชที่เหยาซือเย่ว์นำกลับมา
รูปลักษณ์ของมันไม่แตกต่างจากที่เห็นผ่านการถ่ายทอดสด คุณภาพของวิดีโอที่ถ่ายทอดสดนั้นดีเยี่ยม
หากจะถามว่าเป็นความละเอียดเท่าไหร่หากเทียบกับที่ดาวโลก ก็คงต้องบอกว่าคุณภาพเหมือนไปเห็นด้วยตาตนเอง
ที่เขาสนใจที่สุดตอนนี้คือระบบรากของพืชที่ซ่อนอยู่ภายในโลหะ
นอกจากการยึดเกาะกับพื้นผิวโลหะสีขาวเงิน ระบบการทำงานก็ดูไม่ต่างอะไรกับพืชทั่วไป
เรื่องนี้ทำลั่วฉวนประหลาดใจ
มันทำเขาสงสัย ว่าเจ้าสิ่งนี้มันรอดพ้นจากอารยธรรมที่นำไปสู่การทำลายตนเอง หรือเกิดการกลายพันธุ์หลังกาลเวลาอันยาวนานกันแน่
ทว่าตอนนี้คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่าไหร่
“ระบบ” ลั่วฉวนเรียกในใจ ครั้งนี้ถึงคราวของระบบแล้ว “ทำการคัดลอกพืชนี้ได้หรือไม่?”
รูปลักษณ์ของมันค่อนข้างดี หากนำไปตกแต่งมิติส่วนต่อขยายคงเรียกความสดชื่นได้
แต่หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างไรแล้วก็แค่ความเห็นทั่วไปยามพบเห็นดอกไม้
“ทำได้” ลั่วฉวนมองเห็นการสแกนที่เกิดขึ้นกับต้นพืชกึ่งโลหะ ระบบตอบกลับมา “หลังทำการตรวจสอบ พืชชนิดนี้มีความสามารถในการกรองอากาศและควบแน่นพลังงาน”
นอกจากความงดงามยังมีความสามารถอื่น แม้ว่าความสามารถจะดูธรรมดาไปบ้างในความเห็นของลั่วฉวนก็ตามที