ตอนที่ 1089
ด้วยเพราะเป็นเมืองการท่า เซ็นน่าจึงมีพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ ในช่วงเช้าลั่วฉวนแทบจะนั่งพาหนะเวทมนตร์ที่เหมือนดังรถรางเที่ยวชมทั่วทั้งเมือง รวมถึงสถานที่เกิดเหตุระเบิดด้วย
พิจารณาจากความหรูหราของสิ่งปลูกสร้าง มันน่าจะเป็นพื้นที่ของชนชั้นสูงในเมืองนี้ใช้พักอาศัย ถนนใกล้ที่เกิดเหตุระเบิดตอนนี้ถูกปิดตาย หลายคนต่างอยู่นอกอาณาเขตเพื่อรับชมด้วยอาการตื่นเต้นต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ลั่วฉวนลุกขึ้นพลางหาว
การตะลอนทัวร์เซ็นน่าครึ่งวันจบลงด้วยดี
ธรรมเนียมและความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่ค่อนข้างแตกต่างจากออรันแทบจะสิ้นเชิง ที่เมืองแห่งนี้ส่วนใหญ่มีแต่มนุษย์ จนถึงตอนนี้ลั่วฉวนยังไม่พบเห็นเผ่าพันธุ์อื่น
“เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงรูปแบบนี้ดีนัก น่าเสียดายที่ต้องใช้พื้นที่เยอะไปหน่อย” ลั่วฉวนพูดกล่าวกับตนเองพลางลูบเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงที่บุด้วยเบาะนุ่ม
หากต้องการใช้เครื่องรูปแบบนี้ในร้านด้วยการวางทดแทนของเก่า เช่นนั้นคงต้องใช้พื้นที่ในร้านเยอะขึ้นอีกหลายเท่าจึงจะวางด้วยจำนวนเท่าเดิมได้
แต่ทั้งหมดก็เพียงเพื่อสะดวกสบายขึ้น และการได้เอนนอนเล่นก็ไม่ใช่การนอนหลับไป อย่างอื่นก็เหมือนกัน ดังนั้นลั่วฉวนจึงมองว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด
ประตูลับที่กำแพงเปิดออก ตอนนี้เองที่เขาได้เห็นอานเหวยหยาเดินเข้ามาด้วยความสงสัยพลางรับชมในห้อง
“เถ้าแก่ เจ้าเครื่องนี่ทำอะไรได้กัน? เหตุใดไม่เคยเห็นในร้านมาก่อน?” อานเหวยหยาตระหนักพบเห็นเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงระดับพิเศษ
“เป็นอุปกรณ์พิเศษ ภายหน้าเดี๋ยวก็ได้ทราบเอง” ลั่วฉวนกล่าวตัดบทเพื่อไม่ให้อานเหวยหยาถามต่อ
ตอนที่ลั่วฉวนกลับออกจากเซ็นน่า ดวงตะวันก็ขึ้นไปค่อนข้างสูงแล้ว ดังนั้นเวลาทำการของร้านช่วงเช้าสมควรผ่านไปไม่น้อย อีกไม่นานน่าจะหมดเวลาทำการในช่วงเช้า
จากพื้นที่ส่วนต่อขยายของร้าน ลูกค้าต่างเลิกใช้งานเครื่องเล่นเกมกันคนแล้วคนเล่า ตอนนี้พวกเขาจึงได้เห็นลั่วฉวนพูดคุยกับอานเหวยหยาตรงหน้ากำแพงโลหะที่เพิ่งกลับคืนสภาพเดิม
“หือ ตรงนั้นมีห้องด้วยหรือนี่ ไม่เคยเห็นมาก่อน”
“น่าจะเป็นห้องสำหรับของเถ้าแก่ ไม่เห็นมีอะไรแปลก ข้าไปก่อนล่ะ”
“นั่นสินะ…”
เหล่าลูกค้าไม่ได้ประหลาดใจอะไรกันมาก ส่วนใหญ่เพียงมองเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับกันไป
เหยาซือหยานตอนนี้กำลังเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดอยู่กับชาวคณะราชวงศ์สัตว์อสูร ผลงานกลอรี่ที่เผยแพร่ออกไปเวลานี้ได้รับความนิยมไม่น้อย นางจึงอารมณ์ค่อนข้างดี
ทว่าตอนนี้ คู่ต่อสู้เช่นอวี่เว่ยกับหู่ขวงสภาพดูไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
“ไพ่นี่มัน…” หู่ขวงเกาศีรษะจนยุ่งเหยิง
อวี่เว่ยถอนหายใจ “ทางนี้ก็ไม่ต่างกัน รู้สึกเหมือนจะแพ้อีกแล้ว”
ไม่กี่นาทีให้หลัง
“ระเบิด” เหยาซือหยานส่งไพ่สี่ใบสุดท้ายออกมา
“ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว” หู่ขวงโยนไพ่ในมือลงกับโต๊ะ
อวี่เว่ยมองทางเหยาซือหยานอย่างแทบไม่เชื่อสายตา “เหตุใดเจ้าจึงโชคดีได้ตลอดกัน?”
หลังจากเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดกับเหยาซือหยานเกือบชั่วโมง นางก็แพ้ไปแล้วถึงสองครั้ง
“พี่อวี่เว่ยเพิ่งทราบหรือ?” เหยาซือเย่ว์ที่นั่งอยู่ใกล้เคียงหันมา “จากปากคำของเถ้าแก่ นี่จึงเรียกว่าเทพีแห่งโชคลาภ”
“เทพีแห่งโชคลาภ? มีชื่อแปลกเช่นนี้ด้วย?” อวี่เว่ยคล้ายไม่เข้าใจความหมาย
“ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เถ้าแก่ก็มักจะพูดแต่ชื่อประหลาดออกมาอยู่แล้ว” เหยาซือเย่ว์ยักไหล่ตอบกลับ “จากที่เข้าใจ น่าจะหมายถึงบุคคลที่มีโชคมหาศาลกระมัง?”
“ข้าจะทราบได้ยังไง?” เหยาซือหยานมองตอบก่อนจะลุกขึ้นยืน “ยังเร็วไปบ้าง แต่พอเท่านี้แล้วกัน”
เวลานี้เองที่ลั่วฉวนกลับออกจากพื้นที่ส่วนต่อขยายพอดี
“เถ้าแก่ไม่ใช่ไปเล่นโหมดทั่วไปหรอกหรือ? แต่ทำไมหาที่ออรันไม่เห็นพบกัน?” เหยาซือเย่ว์ยกมือเอ่ยคำถามออกมา
เมื่อครู่นางยังสอบถามในกลุ่มแชท ลูกค้าทุกคนที่เล่นโหมดทั่วไปต่างให้การคำเดียวกันว่าไม่พบเห็นลั่วฉวน
“แปลกหรือ?” ลั่วฉวนถามกลับ
“นั่นก็… ก็ไม่แปลก” เหยาซือเย่ว์ชะงักก่อนจะพบว่าคำถามนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร
ออรันกว้างใหญ่ เป็นปกติที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่พบเจอลั่วฉวนที่ไม่ทราบว่าไปทำอะไรทรี่ไหน
หรือจะเป็นออกไปล่าสัตว์อสูรกับผู้ติดเชื้อในป่า… แต่นั่นลั่วฉวนจำเป็นต้องไปล่าด้วยหรือ?
“ตามปกติแล้วเถ้าแก่แทบไม่เคยไปที่เก๋อหลัวตอนกลางวันเลย” เหยาซือหยานขยิบตาให้ “แต่วันนี้คงมีอะไรพิเศษออกไปกระมัง? เถ้าแก่กระทั่งดูสดชื่นขึ้นเยอะด้วย”
“สดชื่นขึ้น? ข้าก็เป็นเช่นนี้” ลั่วฉวนเกิดรู้สึกว่าเหยาซือหยานตระหนักถึงอะไรได้ อย่างไรแล้วลางสังหรณ์ของนางก็แม่นยำอย่างชวนสะพรึง
ตอนนี้ลั่วฉวนยังไม่คิดอยากเปิดเผยเรื่องร้านกาแฟที่เซ็นเนียต่อลูกค้าที่กำลังจะก้าวเดินออกจากหมู่บ้านมือใหม่… แค่ก หมายถึงออรันยังต้องพึ่งแรงสนับสนุนจากพวกเขาอีกมาก รวมถึงยังมีอีกหลายพื้นที่รอคอยการสำรวจ
“บางที… อาจจะคิดไปเองก็ได้” เหยาซือหยานเลือกปัดหัวข้อนี้ตกไป
…..
ตำหนักจักรกลสวรรค์
รูปที่เหวินเทียนจีถ่ายจากโบราณสถาน มันคือลวดลายแกะสลักบนประตูโลหะ ตอนนี้มันได้ถูกคัดลอกแกะสลักซ้ำลงกับแผ่นโลหะสีขาวเงิน
ทั้งขนาดและรูปแบบ ทั้งหมดเหมือนดังที่โบราณสถาน
เหวินเทียนจียืนนิ่งตรงหน้า สายตาจับจ้องที่ลวดลาย บางครั้งเขาขมวดคิ้วครุ่นคิด บางครั้งก็เหม่อลอย
เขากระทั่งพึมพำกับตนเองพลางวาดรูปแบบจารึกและค่ายอาคมด้วยพลังวิญญาณอยู่หลายครั้ง ราวกับต้องการยืนยันถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น
“อย่างนี้หรือ? เหมือนจะผิด น่าจะต้องจารึกสองอันนี้ซ้อนตรงนี้… ลองอีกครั้ง…”
ค่ายอาคมอันซับซ้อนที่วาดขึ้นด้วยพลังวิญญาณถูกถ่ายเทพลังใส่เพื่อกระตุ้นการทำงาน เสียงหึ่งดังปรากฏ ลวดลายจารึกเริ่มเกิดแสงสว่าง ค่ายอาคมเริ่มการทำงาน
ออร่าแห่งฟ้าดินรอบด้านตอนนี้กำลังรวมตัวกันที่ค่ายอาคม สายรุนแรงไหลเวียนพัดจากภายนอกเข้ามายังภายใน มันดูคล้ายบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เหวินเทียนจีคอยจับตาดูทุกขั้นตอน
ลวดลายจารึกบนประตูโลหะที่โบราณสถานไม่ได้เชื่อมต่อกันด้วยวิธีการทำงานของค่ายอาคม ต่อให้เขาใช้เวลายาวนานเพื่อหาทางเชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกัน แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นล้มเหลว
อย่างไรแล้วการตกผลึกทางอารยธรรมของทั้งสองสถานที่ก็แตกต่างราวคนละขั้ว ดังนั้นคิดผสานรวมเข้าด้วยกันเพียงเวลาไม่กี่วันจึงไม่มีทางเป็นไปได้
“การฟอกพลังวิญญาณให้บริสุทธิ์?” เหวินเทียนจีมองที่ค่ายอาคมซึ่งลอยกลางอากาศด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาจึงส่ายศีรษะ “ไม่ใช่การฟอกให้บริสุทธิ์ แต่เป็นการกลั่นกรอง”
ตำหนักจักรกลสวรรค์คือสถานที่ซึ่งรายล้อมด้วยค่ายอาคมมากมาย พลังวิญญาณรอบด้านมีแต่หนาแน่นและบริสุทธิ์ พวกมันถึงขั้นที่ว่าสามารถทำการเรียกรวมและดูดกลืนเพื่อขัดเกลาพลังงานได้ในเวลาอันสั้น
ค่ายอาคมที่เขาเพิ่งสร้างขึ้น มันมีประสิทธิภาพการทำงานด้านกลั่นกรองพลังวิญญาณจากฟ้าดิน มันจะเอาส่วนที่เป็นพลังงานอันตรายออกไปจนสิ้นให้หลงเหลือแต่สิ่งซึ่งต้องการ
เหวินเทียนจีนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาเปิดภาพที่ถ่ายจากโบราณสถานเมื่อหลายวันก่อน มันคือโครงสร้างที่ถูกสร้างลึกใต้ดิน ประตูโลหะนั้นสมควรมีไว้เพื่อใช้ปกป้องสิ่งที่อยู่ภายใน
บางทีอารยธรรมของโบราณสถานอาจถูกทำลายเพราะพลังงานอันรุนแรงและชวนสะพรึง? เรื่องนี้ทำเอาเขานึกถึงบันทึกดวงดาวในคัมภีร์เต๋าโบราณ