ตอนที่ 1076
โลกก็คือข้อมูล
แก่นแท้ของทุกสิ่งคือข้อมูลหลากหลายที่รวมตัวเข้าด้วยกัน ความหนาแน่น อุณหภูมิ ประวัติศาสตร์ รูปลักษณ์ ความเร็ว สี แรงโน้มถ่วง ความยิ่งยวด ความเข้มข้น ความแข็งแกร่ง ทั้งหมดนี้รวมเข้าด้วยกันจากข้อมูลอันหลากหลายจนกลายเป็นตัวตนที่มีอยู่จริงในโลก
หรือก็คือ อาการข้างเคียงของดอกครามเยือกแข็ง มันเป็นค่าที่กำหนดเอาไว้แล้ว ตราบเท่าที่รายละเอียดค่าของข้อมูลสามารถปรับเปลี่ยนได้ ผลข้างเคียงก็สามารถที่จะเพิกถอนออกไปได้
แน่นอนว่านั่นกล่าวในเชิงทฤษฎี ลั่วฉวนตอนนี้ยังคงต้องคลำทางหากต้องการปรับเปลี่ยนค่าที่แม่นยำ การควบคุมพลังงานความว่างเปล่านั้นไม่ใช่อะไรที่ทำได้ง่ายแม้แต่น้อย
เมื่อคิดขึ้นได้ว่าสามารถหลอกถามจากระบบได้ ดังนั้นเขาจึงเรียกระบบ แต่แล้วคล้ายระบบทราบเจตนาของลั่วฉวนจึงไม่มีการตอบรับ
สุดท้ายลั่วฉวนจึงได้แต่ต้องยอมปล่อยวางความคิดลองสิ่งของที่น่าอร่อยตรงหน้า
หยวนก่วยคือบทเรียนอันชัดเจนแล้ว ลั่วฉวนไม่คิดเสี่ยงตามไปด้วย
มื้อเที่ยงที่ร้านของหยวนก่วยค่อนข้างคึกคัก
นั่นก็เพราะหลิวลู่อวี่สั่งอาหารผ่านทางหน้าต่าง หยวนก่วยอ้าปากตอบคำกลับพร้อมเผยรัศมีแสงเปล่งประกาย เช่นนี้จึงยิ่งกระตุ้นความสนใจผู้อื่นให้หยวนก่วยออกปากมากขึ้น
ลูกค้าหลายคนที่ไปยังโบราณสถานพร้อมกับหยวนก่วยต่างทราบเรื่องอาการที่หยวนก่วยประสบอยู่ ทว่าพวกเขาไม่กล้าพูดกล่าวออกไป อย่างไรแล้วหยวนก่วยก็เป็นถึงขอบเขตราชันระดับสูงสุด พวกเขายังต้องไว้หน้าอีกฝ่าย
ทว่า… มันก็ไม่คล้ายจะสงบสุขได้ถึงเพียงนั้น
“เอ่อ… เถ้าแก่หยวน ปากท่านเป็นอะไรไปแล้ว? เหตุใดส่องแสงได้กัน?” หลิวลู่อวี่เผยสีหน้าจริงจัง แม้ในใจนั้นจะนึกทึ่งแทบถลนตามองก็ตาม
“อาการข้างเคียงของวัตถุดิบชนิดหนึ่ง” สีหน้าหยวนก่วยยามตอบรับไม่แปรเปลี่ยน ขณะนี้หลิวลู่อวี่ค่อยมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่คล้ายใส่ใจแม้แต่น้อย “มีอย่างอื่นจะสั่งอีกหรือไม่?”
“แค่กแค่ก ไม่มีแล้ว” หลิวลู่อวี่กระแอมไอปรับสภาพอารมณ์ เดินกลับไปนั่งโต๊ะ ยามเมื่อหันหลังให้แล้วนางอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้ม
“มีเรื่องอะไรกัน?” เย่ว์หลิงที่รับชมโทรศัพท์วิเศษอยู่โดยตลอดเงยหน้าขึ้นกล่าวถามเพราะคล้ายได้ยินเสียงหัวเราะที่พยายามกลั้นไว้
หลิวลู่เหม่ยที่นั่งอยู่ด้านข้าง เมื่อครู่นางตระหนักเห็น ใบหน้าตอนนี้เผยยิ้มก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวโดยคร่าว ชิงหยินเองก็รับฟังด้วยความสนใจเช่นกัน
“ความกระหายทดลองวัตถุดิบใหม่ของอาจารย์เป็นสิ่งถูกต้องแล้ว เรื่องนี้ข้ายังต้องเรียนรู้อีกมาก” ปู้หลี่เกื๋อที่เดินผ่านมาพลันเอ่ยคำขึ้น
“เห็นด้วย” หู่ขวงพยักหน้ารับอย่างจริงจังก่อนจะเผยยิ้มแย้ม “ข้าเองก็หยิบเอาดอกครามเยือกแข็งมาจากโบราณสถาน เจ้าสนใจลองเลยไหม?”
“ข้ายังไม่ต้องการทดลอง เหมือนว่ามันจะมีพลังงานอันแข็งแกร่งจนข้าอาจจะยากทนทานรับได้ไหว” ปู้หลี่เกื๋อโบกมือปฏิเสธด้วยสีหน้าจริงจัง แน่นอนว่าที่ปฏิเสธนั้นอาการข้างเคียงคือสาเหตุหลัก
โต๊ะทั้งสี่ภายในร้านถูกลูกค้านั่งเต็มแน่น หัวข้อสนทนายังคงเป็นเรื่องโบราณสถานที่ปรากฏในเทือกเขาจิ่วเหยาเมื่อตอนเช้า รวมถึงเรื่องอาการของหยวนก่วย
“ตามหลักความคิดแล้ว ตัวยาที่สามารถส่งผลให้ขอบเขตราชันแบกรับผลกระทบยาวนานเช่นนี้ ถือว่าไม่ธรรมดาเลย” เหยาฮุยเฉินกล่าวคำขึ้น ตัวเขาตอนนี้คือหัวเรือใหญ่ในการหาทางนำดอกครามเยือกแข็งไปพัฒนาเป็นยาชนิดใหม่
“หรือบางทีความสามารถหลักของดอกครามเยือกแข็งคือการส่องแสง?” ชิงหยินเผยสีหน้าจริงจังกล่าวคำออก จากนั้นนางค่อยจิบชาที่ตั้งวางอยู่บนโต๊ะ
“ฟังดูไม่เลว เหมือนจะมีหนทางใหม่ให้ใช้งานมันได้โดยไม่จำเป็นต้องแปรสภาพเป็นเม็ดยา” เหยาฮุยเฉินเผยยิ้มรับพลางคิดอ่านแผนการอยู่ในใจ
อย่างไรแล้วเขาก็เป็นจ้าวสำนักหุบเขาโอสถ ต่อให้แนวคิดนี้ผิด เส้นทางการพัฒนาก็จะยังคงดำเนินต่อไปทีละขั้น
ปู้หลี่เกื๋อเดินกลับเข้าไปในครัวที่หยวนก่วยกำลังทำอาหารอยู่ กลิ่นของรสชาติอันหลากหลายและดึงดูดยามนี้พุ่งเข้าปะทะอัดหน้าเขาโดยทันที
“ปู้หลี่เกื๋อ คืนนี้ข้าคิดนำวัตถุดิบที่ได้รับจากโบราณสถานมาทดลองทำอาหารดู” หยวนก่วยที่จัดแจงอาหารเรียบร้อยแล้วกำลังเช็ดมือ แน่นอนว่าขณะพูดกล่าวแสงจากปากก็ยังคงสาดส่องออกมาเช่นเคย
ปู้หลี่เกื๋อถึงกับต้องหรี่ตาเพราะโดนแสงเล่นงาน ขณะเดียวกันเขาก็พยักหน้ารับ “ทราบแล้วขอรับอาจารย์”
แต่แล้วทันใดนี้เองที่เขาคล้ายตระหนักอะไรได้ ดวงตานั้นถึงกับต้องเบิกกว้าง “ดอกครามเยือกแข็งคิดทดลองคืนนี้เลย?”
หยวนก่วยพยักหน้าตอบด้วยท่าทีจริงจัง “มีแล้วก็ต้องลอง ดอกครามเยือกแข็งไม่มีผลข้างเคียง อย่างน้อยน่าจะนำมาทำเป็นอาหารอะไรสักอย่างได้”
ไม่มีผลข้างเคียง? แต่อาจารย์ ปากท่านยังเรืองแสงอยู่เลย!
นี่ท่านคิดจะทำให้ลูกค้าทั้งหลายเผชิญเรื่องราวเดียวกันงั้นหรือ? อุกอาจและกล้าหาญยิ่ง!
หยวนก่วยขมวดคิ้วมองปู้หลี่เกื๋อ “เหตุใดข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังคิดอะไรที่มันไม่ใช่”
ปู้หลี่เกื๋อกระแอมไอแก้เขินตอบคำกลับ “อาจารย์คิดไปเอง… ว่าแต่หากผู้อื่นทราบพวกเขาจะกล้าซื้อลองทานหรือ?”
“แน่นอน” หยวนก่วยพยักหน้ารับ
ปู้หลี่เกื๋อตอนนี้เริ่มคิดต่อ สมกับเป็นเทพแห่งอาหาร ความมั่นใจในตนเองคือสิ่งจำเป็น ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ้มรับ “เช่นนั้นข้าออกไปด้านนอกก่อน มีลูกค้าเรียกข้าแล้ว”
…..
ทางด้านชั้นสองของร้านต้นตำรับ ชิงหยวนกำลังตื่นตะลึง
“ขนาดดูเล็กกว่าชั้นล่างมากมายนัก” ชิงหยวนสำรวจมองรอบด้าน
“ร้านด้านล่างผ่านการขยับขยายหลายครั้งแล้ว แต่ชั้นที่สองไม่เคยเปลี่ยนแปลง” เหยาซือหยานยิ้มรับ
เหยาซือเย่ว์คุ้นเคยกับที่นี่ดีแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่กล่าวอะไร
เมื่อมาถึงห้องครัว ชิงหยวนถึงกับชะงักงันก่อนจะถามเหยาซือหยานเพื่อยืนยัน “นี่คือห้องครัวหรือ?”
มันคือห้องครัวทันสมัยที่เต็มไปด้วยวิทยาการ หลายอุปกรณ์เป็นสิ่งที่นางไม่เคยได้เห็นมาก่อน ทั้งยังให้ความรู้สึกว่าแข็งแกร่งจนนางตระหนักทราบได้ กล่าวได้ว่าเป็นห้องครัวที่ทำนางประทับใจที่สุดในชีวิตก็ไม่ผิด
หากจะมีสิ่งใดคุ้นเคย ก็คงเป็น… วัตถุดิบ?!
ความสนใจของชิงหยวนย้ายไปยังวัตถุดิบที่นางไม่เคยได้เห็นมาก่อน ดวงตางดงามตอนนี้เบิกกว้างเล็กน้อย “อย่าได้บอกว่าเหล่านี้คือวัตถุดิบทำอาหาร?”
“ในเมื่อทราบแล้วข้าก็คงไม่ต้องแนะนำอะไรอีก” เหยาซือหยานเผยยิ้มตอบรับ “หยุดประหลาดใจแล้วมาช่วยกันได้แล้ว”
ชิงหยวนที่ยังคงเหม่อตอนนี้โดนเหยาซือหยานลากตัวไปช่วยงาน ก่อนอื่นคือการบอกชื่อและวิธีการใช้อุปกรณ์วิทยาการครัวทั้งหลาย
“ข้าเชื่อแล้วว่านี่คือห้องครัว…” สุดท้ายชิงหยวนจึงกล่าวคำตอบรับกลับมา
ทางด้านลั่วฉวนรอคอยไม่นาน หลังเล่นกับก้อนดำน้อยโดยใช้ดอกครามเยือกแข็งอยู่ครู่หนึ่ง มื้อกลางวันก็พร้อมทานแล้ว
เขาเกิดรู้สึกเสียดายที่ก้อนดำน้อยไม่อาจทานอะไรได้ ลั่วฉวนยังคงคาดหวังได้เพื่อนตัวน้อยมาทานอาหารร่วมโต๊ะ
ระหว่างทานอาหาร ชิงหยวนจะเผยเสียงถอนหายใจจากก้นบึ้งหัวใจต่ออาหารของร้านต้นตำรับ รวมถึงฝีมือการทำอาหารอันสูงล้ำที่เหยาซือหยานได้แสดงให้เห็น
เกรงว่าผู้ฝึกตนทั้งหลายที่เคยตัวสั่นเพราะได้ยินนามของภาคีเงาสังหาร พวกเขาเหล่านั้นคงไม่มีทางคาดคิดได้ถึง ว่ามือหนึ่งของภาคีที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังจะกลายเป็นสุดยอดนักทำอาหารเข้าเสียแล้ว