ตอนที่ 1095
ที่พักของอัลบูเคอร์วาโรเล็ทกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จากสิ่งปลูกสร้างหรูหราใกล้เคียงรอบด้าน แม้ตรงนี้เกิดแรงระเบิดรุนแรงขึ้น แต่สถานที่ใกล้เคียงก็ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย
“สิ่งปลูกสร้างนี้เดิมมีหกชั้น แต่ตอนนี้ชั้นล่างยุบตัวพังทลายจึงเตี้ยลงมาจากที่ควรเป็น” เออร์ฮาร์ตบอกกล่าวสถานการณ์ของสิ่งปลูกสร้างที่พังลงให้รับฟัง
เฮอร์แมนมองที่ซากสิ่งปลูกสร้างที่โดนแรงระเบิดรุนแรงเล่นงาน เมื่อคืนเขาเองก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นเลือนลั่น จากความเสียหายที่ได้เห็นว่ายังมีซากหลงเหลือ เขามองว่าควรยกความดีความชอบให้อักขระเวทที่แกะสลักบนกำแพง
“ลงมือหนักยิ่งนัก… เหมือนว่าผู้ก่อเหตุและลอร์ดวาโรเล็ทจะมีความแค้นต่อกันใหญ่หลวง” มือของเฮอร์แมนหยิบหนังสือที่ถูกเผาไหม้กับพื้นขึ้นมา จากนั้นจึงเปิดหน้ากระดาษที่กลายเป็นสีน้ำตาล
“นักสืบเฮอร์แมน หวังว่าจะได้รับคำตอบจากที่เกิดเหตุนะ” เออร์ฮาร์ตมองไปยังสิ่งปลูกสร้างที่เคยรุ่งเรืองในอดีตก่อนจะกล่าว “ด้วยนิสัยคุณ คิดว่าคงอยากเข้าไปในที่เกิดเหตุโดยตรงเลยล่ะสิ”
เฮอร์แมนยิ้มตอบรับก่อนจะกระชับไม้เท้าของตน “แน่นอน ให้ข้าเข้าไปได้เลยหรือไม่?”
เออร์ฮาร์ตพยักหน้ารับราวทราบอยู่ก่อนแล้ว “ยกเว้นเรื่องการดับไฟและช่วยเหลือผู้คน สภาพที่เกิดเหตุยังสมบูรณ์ครบถ้วน หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยได้”
อากาศที่เต็มไปด้วยบรรยากาศการถูกเผาไหม้ ต่อให้ถูกพายุฝนชะล้างไปแล้วก็ยังคงคุกกรุ่น เศษซากวัตถุมากมายกระจัดกระจายทั่วพื้น ในใจเขาตอนนี้แทบปรากฏภาพเหตุการณ์ระเบิดขึ้นราวกับอยู่ตรงหน้า
เฮอร์แมนพบเจอชิ้นส่วนหน้าต่างที่แตกพังออกมา จากนั้นจึงเข้าไปในตัวอาคารที่แทบจะพังทลาย เขาสุ่มมองหาสถานที่ซึ่งสามารถเดินไปได้เพื่อสำรวจให้ถี่ถ้วน
กำแพงสีขาวมีร่องรอยการถูกไฟเผาไหม้และรอยแตกอย่างสะดุดตา พื้นค่อนข้างยุ่งเหยิง เพราะอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุระเบิดมันจึงยังพอเหลือเค้าโครงให้ได้เห็นอยู่บ้าง
“โศกนาฏกรรมโดยแท้” เฮอร์แมนกล่าวออกมา ถัดจากนั้นเขาจึงบิดที่ครึ่งบนของไม้เท้าก่อนจะนำเอาขวดน้อยออกมาจากแกนด้านในและพ่นไปโดยรอบ
ละอองสีขาวปรากฏ มันคงอยู่ไม่เลือนหายโดยลอยตัวอยู่กลางอากาศเหมือนดังม่านปกคลุม ไม่ช้ามันจึงเริ่มปกคลุมทั้งบริเวณ
รับชมผ่านหมอกสีขาว โลกทั้งใบกลายเป็นขมุกขมัว แต่สิ่งหนึ่งที่จะได้เห็นคือรูปร่างที่ไม่เคยได้เห็นซึ่งประกอบด้วยสีสันประหลาดอันหลากหลาย
ตำแหน่งที่เขาอยู่ตอนนี้เปรียบดังยืนบนปุยเมฆ ร่องรอยกระแสการไหลเวียนของพลังเวทมนตร์ที่หลงเหลือได้ปรากฏให้เห็นชัด มันคือต้นตอของเหตุระเบิด
“ทางด้านนี้มีจารึกเวทมนตร์น้อย” เฮอร์แมนกุมหน้าผากตนเองราวปวดศีรษะ “ไม่พบเห็นอะไรเลย คงได้แต่ต้องไปรับชมที่ด้านนอก”
เออร์ฮาร์ตและกองอัศวินยังคงทำหน้าที่คุ้มกันโดยรอบอย่างแข็งขัน กับเฮอร์แมนที่เดินเข้าและออกจากอาคาร พวกเขาทำเป็นประหนึ่งไม่เห็น
รอบตัวของเฮอร์แมนตอนนี้มีหมอกสีขาวปกคลุม ด้วยเออร์ฮาร์ตและผู้อื่นไม่สนใจ เขาจึงเริ่มเว้นระยะห่างออกมา หมอกสีขาวเริ่มก่อรูปร่างเป็นสิ่งปลูกสร้าง
จุดสีแดงต้องตาปรากฏให้เห็นก่อนจะเริ่มกัดกร่อนหมอกสีขาวจากใจกลาง ไม่ช้ากลุ่มหมอกจึงกระจายตัวออกและเลือนหาย
“พลังงานที่รุนแรงเป็นตัวทำลายจารึกเวทมนตร์ที่แกะสลักเอาไว้บนสิ่งปลูกสร้างโดยตรง? น่าสนใจ…”
เฮอร์แมนสัมผัสคางตนเองพลางมองไปยังถนน ร่องรอยสีแดงที่แทบเลือนหายไปจนหมดสิ้นมันอยู่ที่ตรงหัวมุมทางด้านนั้น…
…..
หลังเดินผ่านมาหลายทางแยก สภาพแวดล้อมที่เงียบเหงาก็กลับกลายเป็นคึกคัก เพราะทั้งสองพูดคุยกันไปเรื่อยตลอดทางที่เดินมาจึงไม่ได้น่าเบื่อแต่อย่างใด
“คล้ายกับนครจิ่วเหยา กลางคืนคึกคักไม่ใช่น้อย” เหยาซือหยานมองคนสัญจรไปมาบนถนน
“โชคดีแล้ว เหมือนรถรางเวทมนตร์จะกำลังมา” ลั่วฉวนตระหนักพบเห็นรถรางคันใหญ่ที่กำลังขับเคลื่อนมาจากสุดปลายของถนนอีกฟาก
“น่าทึ่งนัก” เหยาซือหยานมองพาหนะที่เพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกพร้อมอุทาน
ราคาค่าตั๋วคือหนึ่งริก เหยาซือหยานได้รับประสบการณ์ซื้อตั๋วด้วยตนเองและโดยสารพาหนะที่ราวกับหลุดมาจากจินตนาการ
บนรถรางเวทมนตร์ มีหลายคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว พบเห็นลั่วฉวนกับเหยาซือหยานขึ้นมา พวกเขาต่างเผยยิ้มทางดวงตามองมา
แม้เสื้อผ้าแปลกตาไปบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ จากรูปลักษณ์ที่เห็น ทั้งสองคล้ายเป็นคู่รักที่มาเดินเล่นในเซ็นน่ายามค่ำคืน
ค่ำคืนที่เซ็นน่าทำทั้งลั่วฉวนและเหยาซือหยานเกิดประทับใจ ภาพยามค่ำคืนของเมืองชายทะเล มันงดงามขนาดทำผู้พบเห็นอดไม่ได้ที่จะดื่มด่ำ
เหยาซือหยานใช้งานระบบถ่ายภาพของเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงถ่ายภาพอันหลากหลาย นางกล่าวว่าอยากเก็บภาพความประทับใจเหล่านี้เอาไว้
ลมเย็นจากผืนทะเลพัดโชยมา แม้เป็นเวลากลางคืน แต่ทะเลไม่ใช่มืดมิด เกลียวคลื่นในผืนน้ำทะเลสะท้อนกับแสงจันทร์และแสงดาว มันเกิดเป็นความระยิบระยับยามค่ำคืนอันงดงาม
“ทะเลยามค่ำคืนถึงกับงดงามได้เพียงนี้” เหยาซือหยานรับชมอย่างตั้งใจ ขณะเดียวก็ยังหันไปมองสองฟากข้างของถนนไปด้วย
คลื่นลูกแล้วลูกเล่าพัดมายังชายฝั่ง ฟองคลื่นสีขาวปรากฏซัดใส่ชายหาดและเลือนหายไป ใกล้เคียงยังมีป้ายของภัตตาคารชายหาดศิลาทมิฬเผยแสงสุกสว่างโดดเด่น
รวมเข้ากับสายลมเย็นที่พัดมา ชุดของนางพลิ้วไสวไปพร้อมกับเส้นผมสีม่วง
ลั่วฉวนไม่พูดกล่าว บรรยากาศตอนนี้คือความเงียบ หากจะมีเสียงก็เป็นเสียงคลื่นทะเลและผู้คนที่ชายหาดทางด้านล่างและเสียงสายลมเย็นที่พัดมา
“เถ้าแก่ ท่านคงไม่หายไปไหนใช่ไหม?” เหยาซือหยานมองผืนทะเลไกลห่าง น้ำเสียงของนางดูผิดปกติราวกับเกิดความรู้สึกอันว่างเปล่าในใจ
“จะไปไหนได้?” ลั่วฉวนยิ้มตอบก่อนจะรับชมผืนน้ำทะเลที่สะท้อนแสงเป็นประกาย “ชีวิตตอนนี้ก็ดีแล้ว ยังจะให้ไปไหนอีกกัน?”
“ชีวิตตอนนี้ก็ดีแล้ว…” เหยาซือหยานทวนคำเสียงเบาก่อนจะหัวเราะ “ใช่ ตอนนี้ช่างวิเศษจริง ๆ”
ผ่านไปครู่ ทั้งสองจึงค่อยมาถึงตรงหน้าภัตตาคารชายหาดศิลาทมิฬ
ป้ายชื่อร้านแกะสลักเอาไว้ด้วยอักษรพลังเวท มันสามารถดูดซับพลังเวทมนตร์ในอากาศมาเปล่งแสงให้ส่องสว่างยามค่ำคืนได้
ในความเห็นของลั่วฉวน นี่จึงเป็นความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการของอารยธรรมเวทมนตร์
ที่หน้าภัตตาคารมีการย่างอาหารขายสำหรับเดินทาน ของเสียบไม้ย่างหลากหลายชนิดมีให้เลือก กิจการของที่นี่ดีขนาดว่ามีลูกค้าต่อแถวกันยาว
ฟตอนที่ 1096
ลั่วฉวนกับเหยาซือหยานพูดคุยกันอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจได้
ทั้งสองต่างรูปลักษณ์ดูดี เป็นเหตุให้หลายคนต่างสนใจมองมา
ลั่วฉวนและเหยาซือหยานเดินไปยังด้านหน้า หลายคนที่ต่อแถวต่างขมวดคิ้ว การข้ามแถวที่ต่อรออยู่กลายเป็นความไม่พอใจ
ชายหนุ่มราวอายุยี่สิบที่กำลังทำหน้าที่ย่างอาหารเสียบไม้ เขาเผยยิ้มบอกกล่าวกับคนทั้งสองที่เดินมาถึง “ขอกรุณาต่อแถวตามลำดับ หากข้ามลำดับพวกเราไม่อาจขายให้ได้”
เหยาซือหยานยิ้มก่อนจ่ายศีรษะ “ไม่ใช่ข้ามลำดับ แต่พวกเราอยากถามว่าย่างทานเองได้หรือไม่”
“ย่างเอง?” ชายหนุ่มเกิดความสงสัยก่อนจะหยุดพลิกอาหารเสียบไม้ย่างบนเตา
เหยาซือหยานทวนสิ่งที่ลั่วฉวนพูดเมื่อครู่ มันเป็นเพราะแถวยาวมากและไม่คิดอยากรอตามลำดับ ดังนั้นจึงต้องการซื้ออาหารที่ยังไม่ได้ย่างด้วยราคาตามปกติเพื่อนำไปย่างเอง
“เรื่องนี้…” นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดคำร้องขอเช่นนี้ขึ้นมา หลังชะงักไปครู่เขาจึงตัดสินใจถามหัวหน้างาน เสียงนั้นตะโกนดังไปทางด้านหลัง “ผู้จัดการ!”
กลุ่มคนที่ต่อแถวรออยู่พอได้ยินคำของเหยาซือหยาน ความไม่พอใจเมื่อครู่ที่คิดว่าทั้งสองต้องการข้ามลำดับการต่อแถวค่อยเลือนหาย แต่กลายเป็นสงสัยและอยากทราบ
ซื้อวัตถุดิบไปย่างด้วยตนเอง? ฟังดูน่าสนใจ…
“เกิดอะไรขึ้นกัน?” ชายหนุ่มที่ดูร่างกำยำประหนึ่งสัตว์ร้ายก้าวเดินออกมาจากด้านในร้าน เขามองทางพนักงานที่เรียกตนด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ปิ้งย่างจึงทวนคำขอของเหยาซือหยาน ขณะเดียวกันนี้ก็ไม่ลืมที่จะพลิกอาหารเสียบไม้ย่างบนเตาไปด้วย
“ทำเองหรือ?” ร่างใหญ่หันมองลั่วฉวนและเหยาซือหยาน คล้ายเขาไม่เชื่อว่าคนทั้งสองที่น่าจะเป็นชนชั้นสูงสามารถทำอาหารได้ “เรื่องนี้มั่นใจหรือ? หากคิดว่าการย่างอาหารนั้นง่ายก็คิดผิดแล้ว มันยากไม่ใช่น้อยเลย”
แต่เรื่องนี้มันก็ทำเขาได้แนวคิดใหม่ แผนการโดยคร่าวปรากฏขึ้นในใจ กระทั่งว่าคาดหวังให้แผนการนี้นำไปใช้จริงได้
“ข้าพอจะย่างเป็นนิดหน่อย” เหยาซือหยานยิ้มรับ
“เช่นกัน” ลั่วฉวนกล่าวเสริม
“ได้” อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันมองทางอาหารเสียบไม้ “ขยับไปนิด”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะเคลื่อนตัววไปเล็กน้อย
วัตถุดิบสำหรับอาหารเสียบไม้ย่างเตรียมไว้อยู่แล้วและจัดวางบนโต๊ะด้านข้าง ตอนนี้ลั่วฉวนกับเหยาซือหยานกำลังเลือก
ส่วนลูกค้าคนอื่นที่ต่อแถว พวกเขาต่างรับชมเรื่องราวกันด้วยความสนใจพลางพูดคุย
“น่าจะประมาณนี้” เหยือหยานรับอาหารทะเลเสียบไม้จากลั่วฉวน จากนั้นจึงวางพวกมันลงบนถาดโลหะและเตรียมที่จะย่าง
“หากควบคุมสภาพอาหารไม่ได้บอกข้าให้ทราบ” ชายหนุ่มที่กำลังยุ่งกับการย่างตอนนี้หันมาบอกกล่าว
“ทราบแล้ว” เหยาซือหยานพยักหน้ารับก่อนจะวางของที่เลือกมาบนเตาย่าง
อุณหภูมิของเตาย่างค่อนข้างสูง อาหารทะเลที่มีความชุ่มชื้นอยู่มาก ยามเมื่อเข้าใกล้ความร้อนสูงจึงเกิดเป็นไอน้ำสีขาวลอยฟุ้งออกมา คนอื่นที่ต่อแถวรอคอยกันอยู่อดไม่ได้ที่จะถอยห่างกันไปเล็กน้อย
สายลมเย็นจากทะเลทางด้านหลังพัดมา ด้วยเหตุนี้เหยาซือหยานจึงไม่โดนไอน้ำเล่นงาน ขณะนี้นางกำลังรอคอยให้อาหารทะเลเสียบไม้ย่างเกิดเปลี่ยนสี
เพราะอยู่ใกล้ทะเล อาหารทะเลเสียบไม้ย่างที่ภัตตาคารชายหาดศิลาทมิฬนำเสนอขายจึงแบ่งออกเป็นสองอย่าง อาหารทะเลคัดสรรอย่างดีเสียบไม้ย่าง และอาหารทะเลหลากชนิดคละกันเสียบไม้ย่าง แน่นอนว่าในไม้ย่างจะมีผักจำนวนหนึ่งเพื่อตัดเลี่ยน
เว้นหอยกับปลา อาหารทะเลอื่นค่อนข้างแปลกตา แต่อย่างไรแล้วเพราะไม่รู้สักอย่างว่าคืออะไร ดังนั้นสำหรับทั้งสองจึงแทบไม่แตกต่างกัน
ด้วยระดับฝีมือการทำอาหารของเหยาซือหยาน ลั่วฉวนเชื่อว่าแม้แต่ใบของต้นไม้โลกก็อร่อยได้ดีกว่าเนื้อหมูย่าง
ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ปิ้งย่างอาหารเสียบไม้ขายแก่ลูกค้า เมื่อถึงคราวเปลี่ยนลูกค้าเขาจะชวนอีกฝ่ายคุยพลางยิ้มแย้มเพื่อสร้างประสบการณ์อันดีให้ผู้มาใช้บริการ
ทางด้านเหยาซือหยาน แม้ไม่ทราบเรื่องราวของวัตถุดิบทั้งหลายที่กำลังปิ้งย่าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา สัญชาตญาณของนางมากพอจะบ่งบอกให้ทำได้
เตาย่างที่ใช้งานอยู่มีการแกะสลักอักขระเวทมนตร์สำหรับใช้ปรับเปลี่ยนความร้อน หลังผ่านไปหลายนาที อาหารทะเลเสียบไม้ย่างจึงเริ่มปรากฏกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์หอมฉุย
เหยาซือหยานพลิกอาหารเสียบไม้ย่างด้วยความชำนาญพลางโรยเครื่องปรุงช่วยขับเน้นกลิ่นและรสชาติ ทั้งหมดกระทำอย่างไหลลื่นประหนึ่งมืออาชีพ
เสียงสนทนาที่ค่อนข้างเซ็งแซ่เดิมค่อยเงียบลง สายตาผู้คนต่างถูกเหยาซือหยานดึงดูดให้รับชมจนแน่นิ่งไม่ขยับตัว
กลิ่นหอมดึงดูดยิ่งกว่าที่เคยเป็นกระจายไกลออกไป เหล่าผู้เดินเล่นตามชายหาดและผู้คนที่สัญจรไปมาต่างโดนดึงดูดให้มารวมตัวกัน
ชายหนุ่มหันมองทางเหยาซือหยานอย่างนึกทึ่ง เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวเกินกว่าที่เขาคาดคิด ทั้งกลิ่นและรสชาติสมควรเหนือล้ำยิ่งกว่าที่ชายหนุ่มปิ้งย่างเพื่อขาย นี่คือคนที่กล่าวว่าตนเองพอจะทำเป็นนิดหน่อยงั้นหรือ?
ชายหนุ่มจับจ้องอาหารทะเลที่เหยาซือหยานกำลังปิ้งย่างจนลืมเลือนงานตนเอง ยิ่งอยู่ใกล้เขายิ่งได้รับผลกระทบจนอดไม่ได้ที่จะเผลอกลืนน้ำลาย
“น่าจะประมาณนี้” เหยาซือหยานสูดดมพลางพยักหน้ารับ ถัดจากนั้นจึงนำอาหารเสียบไม้ย่างขึ้นจากเตาและวางบนถาดโลหะ ลั่วฉวนเดินเข้าไปช่วย
กลุ่มลูกค้าเดิมที่มีคำถามคิดอยากเอ่ยออก พบเห็นเรื่องราว พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเกิดรู้สึกว่าไม่ควรรบกวนช่วงเวลาของคนทั้งสอง
ถัดจากนั้นด้วยสายตาหลายคนที่รับชม ลั่วฉวนและเหยาซือหยานค่อยเดินไปหาที่นั่งใกล้เคียงก่อนจะเริ่มอิ่มเอมกับอาหารเสียบไม้ย่างหอมกรุ่น ค่าใช้จ่ายลั่วฉวนจ่ายไปแล้วเรียบร้อย อีกทั้งยังไม่แพง แค่ไม่กี่ร้อยริกเท่านั้นเอง
ที่อีกฟากหนึ่ง หลายคนที่ต่อแถวรออยู่ต่างทนแทบไม่ไหว เพราะตอนนี้ฟ้ามืดไม่น้อยแล้ว พวกเขาต่างหิวจึงมาต่อแถวรอคอยเพื่อซื้ออาหาร
อาหารเสียบไม้ย่างที่เหยาซือหยานทำเมื่อครู่ ไม่ว่าจะรูปหรือกลิ่นล้วนกระตุ้นความหิวของผู้คนจนข้ามผ่านความอดกลั้น พวกเขาต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่จนแทบจะคลุ้มคลั่ง
ทีมงานของร้านเริ่มร้อนใจ เสียงบ่นเริ่มดังออกมาถึงความล่าช้า โชคดีที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้แล้ว ตอนนี้จึงมีการส่งพ่อครัวจากด้านในร้านออกมาช่วยเร่งแก้ปัญหาอีกสองสามคนเป็นการด่วน
แน่นอนว่ามีลูกค้าหลายคนคิดอยากลองปิ้งย่างด้วยตนเอง เพราะที่เหยาซือหยานแสดงฝีมือให้เห็น มันทำพวกเขาเกิดความประทับใจจนคิดอยากลอง
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีพรสวรรค์ด้านการทำอาหาร ดังนั้นผู้ที่ตัดสินใจทำด้วยตนเองจึงกลายเป็นจบลงด้วยความล้มเหลว…
“…เถ้าแก่ อันนี้ก็อร่อย ท่านลอง” เหยาซือหยานส่งอาหารทะเลเสียบไม้ที่ไม่รู้จักให้ลั่วฉวน จากรูปลักษณ์แล้วน่าจะเป็นกุ้งประเภทหนึ่ง
เมื่อแกะเปลือกออกเรียบร้อย เนื้อสีส้มที่สุกแล้วจึงเผยความชุ่มฉ่ำ เมื่อกัดเข้าไปจึงพบว่ากลิ่นนั้นคล้ายมะเขือเทศ รสชาติค่อนข้างดี
“ทั้งสองท่าน ขอข้าพูดคุยด้วยหน่อยได้หรือไม่?” ผู้จัดการร้านอาหารเดินเข้ามาเผยคำจากด้านข้าง รวมถึงมีชายหนุ่มอีกคนเดินตามมาพร้อมเผยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เถ้าแก่ มีคนรอไม่น้อยเลย หากต่อแถวน่าจะต้องใช้เวลา” เหยาซือหยานขมวดคิ้ว นางไม่คิดอยากเสียเวลาที่มีตอนนี้ไปกับการต่อแถว
“ของเสียบไม้ย่างทำเองที่โรงครัวทางด้านโน้นก็ได้” ลั่วฉวนเกิดความคิดขึ้นมา
“โรงครัว?” คำที่ไม่คุ้นเคยปรากฏจากปากของลั่วฉวนให้เหยาซือหยานได้ทราบอีกครั้ง
“ทางภัตตาคารนำเสนอวัตถุดิบหลากหลายและสอนวิธีการทำให้โดยคร่าว จากนั้นลูกค้าค่อยซื้อวัตถุดิบไปปรุงด้วยตัวเอง” ลั่วฉวนอธิบายโดยย่อ
“ให้ลูกค้าทำด้วยตนเอง?” หลังครุ่นคิด เหยาซือหยานจึงทราบถึงความแตกต่างจากภัตตาคารทั่วไป เพราะอาหารที่ทำเองกับอาหารที่ผู้อื่นเตรียมและทำให้นั้นแตกต่างกัน “น่าสนใจจริง”