ตอนที่ 1138
หลังได้เหยาซือหยานบอกกล่าว ลั่วฉวนค่อยพอเข้าใจสภาพโดยคร่าวของเมืองแห่งความโกลาหล มันเป็นสถานที่ซึ่งบรรจบระหว่างภูมิศาสตร์และเชื้อชาติ
ภูมิภาคทางใต้ของทวีปเทียนหลันถูกเรียกขานเป็นชายแดนใต้ หากเทียบกับส่วนอื่นของทวีปเทียนหลัน มันค่อนข้างแห้งแล้ง พลังวิญญาณมีความบริสุทธิ์ต่ำ กองกำลังใหญ่ทั้งหลายต่างไม่ให้ความสนใจ
เมืองแห่งความโกลาหลตั้งอยู่ส่วนลึกของภูมิภาคทางใต้ ก็เหมือนดังชื่อ มันมีเพียงกฎที่ว่าด้วยกำลังความแข็งแกร่ง เพราะเหตุนั้นมันจึงเป็นสถานที่ดึงดูดให้เหล่าผู้นอกกฎหมายแห่งทวีปเทียนหลันไปเยือนและรวมตัว
บางส่วนเหล่านั้นหาเรื่องผู้ที่ไม่ควรหาเรื่อง บ้างก็ถูกศัตรูไล่ล่า บ้างก็เลือกมาฝึกฝนตนเองที่นี่…
ตราบเท่าที่มาที่นี่ ไม่ว่าเป็นใคร ไม่มีผู้ใดสนตัวตนดั้งเดิม แม้เป็นเทพสังหารหรือชายหนุ่มผู้ผ่านทะเลเลือดมาล้วนก็มีสถานะเช่นเดียวกัน ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง มันคือกฎแห่งโลกผู้ฝึกตนอันจริงแท้
บางตระกูลหรือกองกำลังจะส่งบุตรหลานของตนไปเยือนที่นั่นเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องได้รับการคุ้มกันที่ดีมากพอ หากไม่ใช่และส่งคนหนุ่มทั้งหลายไปโดยไม่รู้ความ เกรงว่าจะมีแต่เป็นเหยื่อของเมืองแห่งความโกลาหล
เมืองแห่งความโกลาหลเป็นสถานที่ซึ่งอันตรายและวุ่นวาย แต่ที่นี่ก็มีโอกาสให้เก็บเกี่ยวไม่รู้จบสิ้น สิ่งของประหลาดทั้งหลายล้วนหาได้จากที่นี่ ก่อนหน้านี้หยิงอู๋จี้ก็เคยคิดไปหาสิ่งที่ช่วยเติมเต็มพลังชีวิตที่นั่น แต่ภายหลังมีเรื่องของไวน์หยกของร้านต้นตำรับเปิดเผยออกมา ความคิดที่เขาจะไปเยือนก็เลือนหาย
ส่วนว่าเหตุใดฉู่หยางเลือกไปยังที่แห่งนั้น… ตามคำกล่าวของเขา น่าจะเป็นการออกเดินทางจากนครจิ่วเหยาไปเรื่อยจนถึงเมืองแห่งความโกลาหล
สำหรับฉู่หยางที่เป็นถึงขอบเขตราชัน คิดเดินไปไหนมาไหนในเมืองแห่งความโกลาหลย่อมทำได้ เว้นก็แต่จะเจอยอดฝีมือระดับสูงสุดที่ไม่น่าจะได้พบเจอและต้องเกิดเรื่องใหญ่ หากไม่ใช่แล้วก็คงมีน้อยคนที่จะเป็นคู่ต่อสู้แก่เขาได้
ทางด้านลั่วฉวนก็ค่อนข้างว่าง ตอนนี้ปรับเอนเก้าอี้เล็กน้อยให้สุขสบาย ถุงมันฝรั่งเตรียมพร้อมในมือ ขวดโคล่าวางด้านข้าง ส่งโทรศัพท์วิเศษลอยตรงหน้าด้วยองศาที่เหมาะสม กลายเป็นว่าสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายทอดสดอย่างสุขสำราญ
เหยาซือหยานไม่ค่อยสนใจการถ่ายทอดสดของฉู่หยางเท่าใดนัก นางลุกขึ้นไปกดชานมจากเครื่องพร้อมกลับมาทำงานของตนเองต่อ
“ที่ด้านหลังคือเมืองแห่งความโกลาหล แม้เรียกว่าเป็นเมือง แต่พื้นที่ของมันแท้จริงแทบไม่อาจคาดเดาให้อย่างถูกต้องได้” ฉู่หยางอธิบายแก่ลูกค้าที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่
สายลมเย็นเยือกพัดเอาทรายสีเหลืองขึ้นมา มวลอากาศมีกลิ่นคละคลุ้งด้วยเลือด ไม่ทราบเลยว่าสถานที่แห่งนี้ฝังไปแล้วกี่ชีวิต
ข้อความแชทสดมากมายปรากฏบนหน้าจอ เนื้อหาล้วนคล้ายคลึงกัน นั่นคือการอุทาน เพราะพวกเขาส่วนใหญ่แทบไม่เคยได้ยินนามเมืองแห่งความโกลาหล
“น่าสนใจ!”
“แตกต่างจากนครจิ่วเหยาอย่างสิ้นเชิง ดูผ่านหน้าจอก็ทำใจเต้นตึกตักได้แล้ว!”
“พวกคนที่นั่นดูดุร้ายไม่น้อย น่ากลัวจริง”
“เหตุใดผู้อาวุโสฉู่หยางไปเลือกถ่ายทอดสดที่นั่นกัน?”
“…”
ลั่วฉวนทานมันฝรั่งทอด ดื่มโคล่า และรับชมการถ่ายทอดสด
“ข้าเองก็เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก น่าสนใจใช่ไหมล่ะ” ฉู่หยางเผยยิ้ม
ตัวเขาตอนนี้ยืนที่หน้าประตูเมืองแห่งความโกลาหล ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างเผยสายตาละโมบมองที่โทรศัพท์วิเศษซึ่งลอยกลางอากาศไปมา
แม้ไม่อาจรับรู้ถึงพลังวิญญาณแต่อย่างใด มันก็ไม่ใช่สิ่งปกติไม่ว่าจะทั้งรูปลักษณ์หรือความสามารถ ทั้งยังมีภาพแสดงให้เห็นพร้อมสามารถสื่อสาร
“จากที่เห็นก็ไม่ได้อวดโอ่ร่ำรวย แล้วก็ไม่มีกลิ่นเลือดด้วย น่าจะเป็นหน้าใหม่”
“เหอะ หากไม่หวาดเกรงความตาย เช่นนั้นเดินไปต่อ อีกไม่ช้าคงได้เห็นอะไรน่าสนุก”
“จากที่เห็นน่าจะยอดฝีมือขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิด แม้มีดาบก็คงไม่ได้ใช้งาน เพียงเดินเข้าเมืองไปก็คงกลายเป็นฝุ่นผงแล้ว”
“เหอะ! นี่ก็คงเป็นอีกคนที่ได้ยินเรื่องการประมูลจนเร่งรีบมากระมัง? อย่างน้อยคงขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูง…”
หลายคนต่างพูดกล่าวกันไปพลางเดินผ่าน แน่นอนว่าเสียงเหล่านั้นเบาค่อย สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้เพียงมองฉู่หยางและเดินไป เพราะที่นี่คือเมืองไร้กฎเกณฑ์ เมืองแห่งความโกลาหล
“ข้ามาเมืองนี้ได้ยังไงน่ะหรือ?” ฉู่หยางพบเห็นข้อความแชทสดกล่าวถาม “นั่นก็เพราะเรื่องบังเอิญตอนออกจากนครจิ่วเหยา ข้าบังเอิญไปพบค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่ถูกทิ้งร้างไว้ในส่วนลึกของเทือกเขาจิ่วเหยา หลังซ่อมแซมมันได้ แม้ติดขัดไปบ้างแต่ก็สามารถทำงาน ตอนนั้นเองที่ถูกส่งตัวตรงมายังชายแดนใต้”
ยอดฝีมือขอบเขตราชันย่อมมีความรู้เรื่องค่ายอาคมติดตัว การซ่อมแซมค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่เสียหายจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็น
แต่การใช้งานค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่ไม่ทราบว่ามันจะส่งตนเองไปที่ใด นั่นต้องกล่าวว่ามีความหาญกล้าอย่างสูงส่ง แน่นอนว่าหากแข็งแกร่งมากพอ เรื่องราวเช่นนี้คิดทำก็ไม่ผิดแปลกแต่อย่างใด
“เถ้าแก่รับชมอะไรอยู่กัน?” เอเลน่ามาเยือนร้านผ่านทางประตูแสง ขณะเดินผ่านหน้าโต๊ะกลาง พบเห็นว่าลั่วฉวนนอนเอกเขนกรับชมโทรศัพท์ที่ลอยอยู่
“ถ่ายทอดสด” ลั่วฉวนกล่าวบอก
“หือ? ถ่ายทอดสดอะไรกัน?” เอเลน่าถามต่อด้วยความสงสัย
ลั่วฉวนอธิบายไปโดยคร่าวตามที่ได้ทราบจากเหยาซือหยานก่อนหน้านี้
เอเลน่าพยักหน้าตอบ นางไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก “เป็นเช่นนี้ งั้นข้าขอตัวไปซื้อของในร้านก่อน”
ลั่วฉวนเข้าใจ ด้วยตัวตนของชาวไซเรน พวกนางแทบไม่มีทางสนใจบรรยากาศเช่นเมืองแห่งความโกลาหล พวกนางเพียงชื่นชอบน้ำ ไม่ได้สนใจเรื่องการเข่นฆ่า
ฉู่หยางเดินผ่านพื้นดินที่แห้งกรัง สายลมค่อนข้างเย็นเยือกเล็กน้อย สภาพแวดล้อมสมกับเป็นเมืองแห่งความโกลาหล
ภายนอกร่างกายเขามีม่านพลังวิญญาณอ่อนจางปกคลุมเพื่อรับรู้รอบด้าน มันรับรู้ได้กระทั่งการเคลื่อนตัวของอากาศ อำนาจการควบคุมพลังวิญญาณระดับนี้ สำหรับขอบเขตราชันถือเป็นเรื่องง่ายดาย
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ลูกค้าคนอื่นที่รับชมการถ่ายทอดสดไม่ได้พบเห็นแต่อย่างใด รวมถึงคนในเมืองแห่งความโกลาหลก็ด้วย
ฉู่หยางพร้อมเข้าเมือง สิ่งปลูกสร้างภายในเมืองค่อนข้างแตกต่างจากที่เห็นนอกกำแพงเมือง ส่วนใหญ่จะค่อนข้างใหม่ คล้ายว่าเพิ่งก่อสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังใกล้เคียง ร่างหนึ่งกระเด็นออกจากอาคารประหนึ่งลูกปืนใหญ่ ชายวัยกลางคนสีหน้าเคร่งเครียดที่เดินสัญจร พบว่าเป้าหมายการปะทะคือตนเอง ตอนนี้เสียงแค่นเผยออกพร้อมเตะส่งสิ่งที่พุ่งทะยานหา
เสียงแตกหักดังปรากฏ ร่างนั้นร่วงหล่นอย่างรุนแรงกลิ้งกับพื้นหลายสิบตลบก่อนจะหยุดลง ออร่าแห่งชีวิตนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว และสิ่งปลูกสร้างต้นเรื่องก็พังทลาย
จากเรื่องราวนี้ มันมากพอเป็นคำตอบว่าเหตุใดสิ่งปลูกสร้างของเมืองแห่งความโกลาหลค่อนข้างใหม่ นั่นก็ไม่ใช่เพราะพวกเขาคอยบำรุงรักษาเป็นอย่างดี แต่มันสร้างขึ้นมาใหม่จริง
ผู้คนสัญจรไปมาบนท้องถนนแม้ดูประหลาดใจ แต่ก็เพียงแค่นเสียงออกพลางพูดคุยถึงชายผู้โชคร้ายซึ่งน่าจะไปหาเรื่องกับบุคคลที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยว