ตอนที่ 1155
และก็มีเพียงคนทั้งสองที่ทราบเรื่องข้อตกลงระหว่างปู้คังเฉียงและเจียงซิ่วหลันที่ภัตตาคารเซียนหงส์อมตะ
จากคำของปู้คังเฉียง เจียงเฉิงจวินยังคงงุนงง แต่ก็ยังตอบรับเพราะเป็นความต้องการของบิดาตนเอง
ขณะเดียวกัน ภายในใจเขาตัดสินใจแน่วแน่ ว่าเมื่อใดกลับถึงบ้านจะต้องสอบถามสาเหตุที่ตัดสินใจเช่นนี้ให้แน่ชัด
“หือ? ทำไมให้มาฝึกฝนพร้อมข้ากันล่ะ?” ปู้หลี่เกื๋อไม่ทราบเรื่องราวเช่นกัน ตอนนี้ถึงกับต้องเผยดวงตาเบิกกว้างเอ่ยถามออกมา
“ก็ไม่เห็นเป็นไร” ปู้คังเฉียงตอบคำกลับ “พ่อตัดสินใจทำอะไร ใช่เรื่องที่ต้องงานพวกให้ลูกรู้ด้วยหรือยังไง?”
“ข้าก็แค่ถาม” ปู้หลี่เกื๋อหดคอกลับ
รับชมเรื่องราวที่จบลงเรียบร้อย ลั่วฉวนถอนตัวจากกลุ่มคนที่รับชม เดินไปทางเครื่องทำไอศกรีมและกดออกมา จากนั้นค่อยเดินกลับไปนั่งประจำที่ตนเอง
“เถ้าแก่” เหยาซือหยานมองทางลั่วฉวนที่เดินกลับมาพร้อมเผยยิ้ม
“สองคนนั้นสู้กันจบแล้ว?” เหยาซือเย่ว์วางหมากโกะในมือลงพลางหันมองทางบริเวณเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง
ทั้งสองกำลังเล่นโกะ หมากขาวและหมากดำวางสลับกันไปมาบนกระดาน สถานการณ์กำลังรุกโต้กลับกันไปมา
ลั่วฉวนต้องมองอีกครั้งก่อนจะแปลกใจ “จบเสมอกัน นี่เล่นโกะกันอยู่หรือ?”
“ใช่” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “เถ้าแก่สนใจเล่นด้วยกันไหม?”
“ไม่เป็นไร” ลั่วฉวนส่ายศีรษะตอบปฏิเสธ “เล่นกันต่อเถอะ”
ในความเห็นเขา เล่นโกะเวลานี้ชวนเบื่อเกินไป หาอะไรน่าสนใจรับชมผ่านโทรศัพท์วิเศษจึงดีกว่า
เมื่อนั่งทอดกายกับเก้าอี้ตัวโปรด ลั่วฉวนค่อยนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาก่อนตระหนักพบเห็นไอคอนแอพห้องสนทนาต้นตำรับบนหน้าจอ
เขาถึงกับลืมเลือนไป เมื่อเช้าปล่อยแอพพลิเคชั่นใหม่ให้ใช้งาน ตอนนี้คงต้องเข้าไปดูเสียหน่อย
ด้วยความสนใจ ลั่วฉวนเลือกเปิดห้องสนทนาต้นตำรับ
ห้องสนทนาต้นตำรับแบ่งออกเป็นหลายหัวข้อและหมวดหมู่ มันเป็นตัวแทนความหลากหลายที่คนน่าจะให้ความสนใจ
“ที่นิยมที่สุด…” ลั่วฉวนเลิกคิ้วขึ้นขณะดูเทียบอันดับหัวข้อยอดนิยม “ชีวิตประจำวัน?”
เขากดเข้าไปรับชม ทั้งหมดเป็นโพสต์ชีวิตประจำวันของเหล่าลูกค้าที่เข้ามาใช้งาน มีทั้งเรื่องกิน ดื่ม แล้วก็เล่น
สำหรับผู้มีอารยธรรมอันดีงาม ชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญ อื่นใดล้วนพับเก็บไว้ก่อนได้
“ข้าเพิ่งมาถึงนครจิ่วเหยาได้ไม่นาน มีสถานที่อะไรที่ไม่ควรพลาดไปรับชมหรือไม่?”
“ความเห็นเรื่องรสชาติของภัตตาคารเซียนหงส์อมตะ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัว)”
“ไม่นานมานี้พบเจอเรื่องยากลำบากล่ะ มีใครพอจะช่วยได้ไหม?”
“…”
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นโพสต์ชีวิตประจำวันโดยแท้จริง เนื้อหาก็มีหลากหลาย บ้างก็แปลก
แต่ทุกโพสต์เป็นลูกค้าที่ประสบเหตุการณ์กับตัวเอง เหมือนว่าแอพพลิเคชั่นใหม่จะกำลังไปได้ดี
ด้วยความสงสัย เขากดเข้าไปยังโพสต์ที่สอบถามหาความช่วยเหลือ ไม่ช้าจึงได้เห็นลูกค้ามากมายตอบรับด้วยการแสดงความคิดเห็น
เนื้อหานั้นเรียบง่าย เพราะอาวุธไม่อาจตามทันความแข็งแกร่งส่วนตัว ดังนั้นจึงคิดอยากแลกเปลี่ยนผลึกวิญญาณเพื่อนำไปซื้ออาวุธใหม่จากมิติขายอาวุธของร้านต้นตำรับ
ตามธรรมเนียมดั้งเดิม การปรับแต่งอาวุธถือเป็นเรื่องปกติในทวีปเทียนหลัน เมื่ออาวุธไม่อาจตามทันความแข็งแกร่งส่วนตัว เมื่อนั้นก็ต้องส่งไปปรับแต่งเพื่อให้เหมาะสม
ปัญหาของผู้ลงโพสต์คือขาดแคลนทรัพยากรทางการเงิน และอาวุธสุดรักนี้ก็ใช้มายาวนาน เขาคาดหวังจะขายได้ในราคาใกล้เคียงเดิม
แน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาแสดงความเห็นค่อนข้างจะไปในทิศทางเดียวกัน
ความคิดเห็นที่หนึ่ง : ???
ความคิดเห็นที่สอง : เอ่อ… พี่น้อง ความคิดนี้อุกอาจไปหรือไม่
ความคิดเห็นที่สาม : นี่เอาจริง?
ความคิดเห็นที่สี่ : อับจนหนทาง
……
ผู้โพสต์น่าจะเป็นลูกค้าที่ไม่คุ้นเคยด้วย อย่างน้อยลั่วฉวนก็นึกไม่ออก
หลังครุ่นคิด เขากดเข้าไปแสดงความคิดเห็นทิ้งเอาไว้
“ข้าเองก็อยากซื้ออาวุธ แต่มีผลึกวิญญาณไม่พอ พอจะช่วยอะไรได้หรือไม่?”
หลังกดปิดโพสต์ดังกล่าว เขาเลือกไปส่วนอื่นของห้องสนทนาเพื่อรับชม หลากหลายหัวข้อค่อนข้างได้รับความนิยมจากบรรดาลูกค้า
ลั่วฉวนไม่ทราบว่าข้อความที่พิมพ์ทิ้งไว้อย่างเรื่อยเปื่อยนั้นจะมีลูกค้ามาเห็นเข้าจนเกิดเป็นกระแสขึ้นมา
“ข้าอยากซื้อน้ำแร่จากร้านต้นตำรับ แต่ผลึกวิญญาณมีไม่มากพอ ใครสะดวกช่วยเหลือข้าบ้าง?”
“อาวุธของร้านต้นตำรับแพงเกินไป ข้าจ่ายไม่ไหว มีใครพอจะช่วยเหลือได้บ้าง?”
“ข้าอยากกินอาหารของร้านน้อยหยวนก่วยสักครั้งในชีวิต แต่เพราะไม่มีเงิน ใครพอจะช่วยได้บ้าง?”
“ข้า…”
กระแสการตั้งคำถามเช่นนี้ในห้องสนทนาลุกลามอย่างรวดเร็ว กลายเป็นว่าข้อความในลักษณะเดียวกันยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ไปเสียแล้ว
“มืดแล้ว ทำไมรู้สึกว่าวันนี้เวลาผ่านไปเร็วจริง” ชิงหยวนลุกขึ้นจากที่นั่งเครื่องเล่นเกมพลางยืดเส้นยืดสายมองภายนอกร้านที่หม่นแสงแล้ว
หลังยืดเส้นจนหายเมื่อย นางค่อยเดินมาทางโต๊ะกลาง เหยาซือหยานกับเหยาซือเย่ว์กำลังเล่นโกะกันอยู่ หมากขาวและหมากดำกำลังประชันต่อกัน
“พี่ชิงหยวนจะกลับแล้ว?” เหยาซือเย่ว์มองพลางถาม
“ใช่ เวลาทำการของร้านเถ้าแก่ก็ใกล้หมดแล้วด้วย” ชิงหยวนตอบรับเหมือนเช่นเคย
“ให้ซือเย่ว์พากลับไหม?” เหยาซือหยานเผยยิ้มเอ่ยถาม
ชิงหยวนเผยสีหน้าแดงก่ำพลางกระแอมไอกลบเกลื่อน “ไม่เป็นไร ข้าไปแล้ว หากช้ากว่านี้ร้านเถ้าแก่หยวนจะไม่เหลือที่นั่ง”
ระยะเวลาทำการของร้านต้นตำรับใกล้สิ้นสุด ลูกค้าที่ยังอยู่ในร้านเริ่มกลับกันไปคนแล้วคนเล่าฝ่าฝนที่ยังคงตกอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านฉู่หยางตอนนี้เดินไปมาบนถนนในเมืองแห่งความโกลาหล โทรศัพท์วิเศษยังคงลอยตามตัวเขาทำการถ่ายทอดสดอย่างต่อเนื่อง
นับตั้งแต่จบการประมูลจนถึงตอนนี้ ฉู่หยางเดินสำรวจเมืองไปเรื่อย สภาพตอนนี้ค่อนข้างแตกต่างจากตอนที่เขาเพิ่งมาถึงราวกับเป็นคนละเมือง
“ใกล้จะค่ำแล้ว เวลาทำการของร้านต้นตำรับน่าจะสิ้นสุดแล้วกระมัง” ฉู่หยางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
เมฆค่อนข้างมืดครึ้มปกคลุมท้องฟ้า มันบดบังแสงตะวัน จะมีก็เพียงแสงเล็กน้อยลอดผ่านออกมา
“วันนี้จบการถ่ายทอดสดเท่านี้แล้วกัน ไว้พบกันวันหลัง” ฉู่หยางผ่อนลมหายใจก่อนจะเก็บโทรศัพท์วิเศษไป
ส่วนข้อความแชทสด “พวกเรารอการถ่ายทอดสดครั้งถัดไป” ที่ปรากฏบนหน้าจอ เขาไม่ค่อยใส่ใจเท่าใดนัก
เพราะเขาเองก็ไม่ทราบว่ากว่าจะถ่ายทอดสดครั้งถัดไปจะเป็นเมื่อไหร่ บางทีอาจเป็นวันพรุ่งนี้ หรือบางทีอาจเป็นคืนนี้ หรือบางทีก็จนกว่าจะออกจากเมืองแห่งความโกลาหล
ฉู่หยางที่เดินทางไปทั่วทวีปเทียนหลันก็เพื่อค้นหาสิ่งแปลกใหม่ การถ่ายทอดสดก็เพียงแค่ต้องการแบ่งปันเรื่องราวกับผู้อื่น
สิ้นสุดเวลาทำการ ภายในร้านกลายเป็นเงียบงันอีกครั้ง เหยาซือหยานขึ้นไปเตรียมมื้อเย็น ลั่วฉวนที่ว่างงานก็กำลังรับชมโทรศัพท์วิเศษ
เหวินเทียนจีส่งข้อความหาเขาผ่านโทรศัพท์วิเศษ เอ่ยถามว่าหาก
ถัดจากนั้นค่อยไปเปิดห้องสนทนาต้นตำรับเพื่อดูว่ามีใครได้เห็นความคิดเห็นที่เขาฝากเอาไว้บ้างหรือไม่
แต่เพียงเปิดเข้าไปรับชม “พอจะมีใครช่วยได้บ้าง” ก็กลายเป็นประโยคยอดฮิตจนเขาต้องเผยสีหน้าดำมืด
เหตุใดเขาเกิดรู้สึก ว่าตนเองได้สร้างกระแสอันแปลกประหลาดในสังคมออนไลน์เข้าให้เสียแล้ว…