ตอนที่ 1149
เพียงเวลาผ่านไป มูลค่าของน้ำพุวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็เพิ่มขึ้นสูงขนาดผู้คนนับไม่ถ้วนต้องเงยหน้ามอง
นับตั้งแต่แรกเริ่ม ราคาที่เพิ่มขึ้นหลักล้านผลึกวิญญาณค่อนลดเลือนเหลือหลักแสนผลึกวิญญาณ
แม้จำนวนของผู้เข้าร่วมงานประมูลลดน้อยลงไปมาก แต่กลิ่นอายของดินปืนยิ่งคละคลุ้งรุนแรงมากขึ้น
“แปดล้าน” ผู้เฒ่าอสูรโลหิตกัดฟันเอ่ยคำออก นี่เป็นราคาสูงสุดเท่าที่เขาจะเสนอได้แล้ว
“แปดล้านห้าแสน” ก่อนจะทันสิ้นเสียง อีกหนึ่งเสียงได้ขานราคาใหม่ดังขึ้น
ผู้เฒ่าอสูรโลหิตนั่งลง ลมหายใจหอบลึก ตัวเขาตอนนี้หมดคุณสมบัติเข้าร่วมการแย่งชิงเพราะสถานะการเงินแล้ว
แต่ก็แปลก แม้ตอนนี้กลายเป็นผู้รับชมการประมูลแล้ว เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียดาย แต่กลายเป็นโล่งอก
ก็เหมือนงานที่จัดขึ้นในห้างสรรพสินค้า ผู้เข้าร่วมมีโอกาสชนะรางวัลใหญ่ แต่ก่อนการประกาศรางวัล ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะวาดภาพตนได้ฉลองกับรางวัล
แต่ความเป็นจริงไม่เคยสวยหรู เป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจถึงความจริงแท้ ผู้คนต่างไม่ใช่ลูกรักแห่งสวรรค์ สุดท้ายต่างต้องนึกขบขันกับตนเองที่คิดอะไรวาดฝันเสียไกลห่าง
จากผู้เข้าร่วม สุดท้ายเป็นผู้เฝ้าดู พร้อมกับผู้ที่มีสายตาริษยาเช่นตนเองรายล้อม นั่นจึงเป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้รับ
“แปดล้านเจ็ดแสน”
“แปดล้านเก้าแสน”
“เก้าล้าน…”
เสียงประกาศราคาค่อยเชื่องช้าลงหากเทียบกับก่อนหน้านี้ แต่ราคายังคงพุ่งขึ้นสูงไม่หยุด
เมื่อร่างในชุดดำขานราคา “เก้าล้าน” ออกมา ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเพิ่มราคาขึ้นอีกแล้ว
บรรยากาศในโรงประมูลกลายเป็นความเงียบงัน
“เก้าล้านผลึกวิญญาณ” เซี่ยเมิ่งอู๋กระพริบตาพร้อมเผยยิ้ม เสียงใสประกาศดังในโถงใหญ่ “แขกท่านนี้เสนอเก้าล้านผลึกวิญญาณ ไม่มีใครเสนอราคาสู้แล้วงั้นหรือ? น้ำพุวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถช่วยเสริมศักยภาพให้ได้ บางทีอาจไม่มีได้เห็นอีกเป็นครั้งที่สองในชั่วชีวิต พลาดครั้งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว”
เมื่อสิ้นคำของเซี่ยเมิ่งอู๋ เสียงขานราคาได้ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าผู้คนเหล่านี้พร้อมนำทรัพย์สินทั้งหมดที่มีออกมาเพื่อซื้อน้ำพุวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
“คนเหล่านี้ร่ำรวยมหาศาลนัก” ฉู่หยางเก็บขวดโคล่าใส่แหวนมิติพลางกล่าวออก งานอดิเรกของเขาคือการเดินทางท่องเที่ยว ความคิดเรื่องแบกผลึกวิญญาณกองเท่าภูเขาไปไหนมาไหนนั้นไม่มี
กลุ่มลูกค้าที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ทางฝั่งร้านต้นตำรับต่างอุทานออกมาเช่นกัน เมื่อทรัพย์สินทางการเงินของผู้อื่นเกินกว่าที่พวกตนจะคาดคิด พวกเขาถึงกับนึกทึ่ง
“เกือบจะพ้นสิบล้านแล้ว พวกคนเหล่านี้มองผลึกวิญญาณเป็นก้อนหินหรือยังไง”
“ขณะที่ข้าต้องดิ้นรนเพื่อหาผลึกวิญญาณมาจ่ายใช้งานเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงทุกวัน ความแตกต่างนี่เหมือนก้นเหวกับสุดขอบฟ้าแล้ว”
“ข้าเพิ่งเก็บออมเงินมาซื้อน้ำแร่ได้ขวดหนึ่ง รู้สึกเหมือนตัวเองได้จ่ายไปสิบล้านผลึกวิญญาณก็ไม่ปาน…”
ขณะเวลาผ่านไป ทุกคนในโรงประมูลแทบจะกลั้นลมหายใจ พวกเขากำลังคาดหวังได้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดไป
“สิบล้านผลึกวิญญาณ” ชายวัยกลางคนยืนขึ้นกอดอกเสนอราคาด้วยสีหน้าอันนิ่งเฉย
เสียงฮือฮาดังปรากฏในโถงประมูล พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานถึงสินค้าที่ถูกประมูลด้วยราคาสิบล้าน ถือว่าเป็นราคาสูงสุดซึ่งไม่เคยปรากฏในโรงประมูลของเมืองแห่งความโกลาหล
สิบล้านผลึกวิญญาณ หากเป็นขอบเขตราชันทั่วไป นั่นคงเรียกว่าทรัพย์สินทั้งชีวิต
มันมากพอแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของพวกเขา ต่อสิ่งที่กล่าวขานว่าสามารถเสริมศักยภาพได้จากงานประมูลครั้งนี้
การเสริมศักยภาพหมายความถึงความเป็นไปได้อันไร้สิ้นสุด บางทีอาการตีบตันที่เผชิญมาเนิ่นนาน มันอาจคลี่คลายโดยง่ายเพียงดื่มเข้าไป
ส่วนผลึกวิญญาณ… อย่างไรก็เป็นของนอกกาย ชีวิตและความแข็งแกร่งที่ก้าวหน้าขึ้นต่างหากจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่ใชหรือ?
แม้กล่าวเช่นนั้น แต่ด้วยราคาประมูลที่สูงเกินกว่าสิบล้านแล้ว จำนวนผู้เข้าร่วมต่างลดเลือนลงอย่างเห็นได้ชัด
ระยะเวลาระหว่างการเสนอราคาแต่ละครั้งค่อนข้างมาก ราวกับพวกเขากำลังชั่งใจว่ามันคุ้มค่าได้รับมาหรือไม่
“สิบล้านห้าแสน” เสียงอันเงียบสงบดังขึ้น เป็นชายแผลเป็นที่เดิมเคยเสนอราคาหนึ่งแสนผลึกวิญญาณ
บางคนถึงกับหลับตาชั่งใจกันอีกครั้ง บางคนก็ดูหมดหวัง คล้ายว่าทรัพย์สินของพวกเขาจะมีไม่พอแล้ว
“เหมือนว่าน้ำพุวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะได้เจ้าของแล้ว” เซี่ยเมิ่งอู๋เผยเสียงหัวเราะเป็นการทำลายบรรยากาศ “ขอแสดงความยินดีกับแขกท่านนี้ สิบล้านห้าแสนผลึกวิญญาณที่เสนอให้แก่น้ำพุวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังทำให้พวกเราได้เห็นถึงราคาสูงสุดนับตั้งแต่มีการจัดงานประมูลขึ้นมา”
สิ้นเสียงของเซี่ยเมิ่งอู๋ หลายคนต่างพูดคุยกันเสียงดัง พวกเขากำลังตื่นเต้นกับวินาทีแห่งประวัติศาสตร์
“จบแล้วสินะ” ลั่วฉวนเก็บโทรศัพท์วิเศษ ท่าทีคล้ายเหนื่อยล้า
งานประมูลตั้งแต่แรกเริ่มจนจบใช้เวลายาวนาน ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มจะมืดลงแล้ว
“อีกนิดจะสิบเอ็ดล้าน ร่ำรวยยิ่งนัก” เหยาซือหยานจิบชานมพลางเผยสีหน้าประหลาดใจกล่าวความเห็น
หลังอยู่ร้านต้นตำรับมาก็นาน ความเข้าใขต่อราคาสินค้าของนางก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
ด้วยฐานะเสมียนร้าน สิทธิพิเศษที่นางได้รับแทบไม่แตกต่างอะไรจากลั่วฉวน อยากหยิบอะไรทานก็ตามสะดวก
“เหมือนว่าข่าวคราวเรื่องร้านต้นตำรับจะยังไปไม่ถึงที่นั่น หากไม่แล้ว ราคาประมูลวันนี้คงกลายเป็นเรื่องขำขัน” ลั่วฉวนไม่คิดใส่ใจเรื่องที่มูลค่าทะยานถึงกว่าสิบล้านมากนัก
สุดท้ายผลึกวิญญาณก็เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง มันจะถูกแปรเปลี่ยนขึ้นจากพลังงานความว่างเปล่าได้ เขาคิดอยากได้รับเท่าใดย่อมทำได้ เพราะเหตุนั้นจึงกล่าวว่าสำหรับตนเองแล้วก็เพียงแค่ตัวเลข
ส่วนเรื่องการนำไปขายต่อ… มันมีหนทางความเป็นไปได้หลากหลาย และวิธีการง่ายที่สุดคือใช้ให้คนอื่นมาซื้อ
ลั่วฉวนตอนนี้ไม่ค่อยใส่ใจประเด็นเหล่านั้นเท่าใดแล้ว
กฎนี้เดิมมีไว้ใช้ครั้งที่น้ำแร่มีขายอย่างจำกัด ส่วนตอนนี้ เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านจำนวนขายต่อวัน สินค้าทั้งหมดในร้านจะถูกนำไปขายต่ออย่างไรก็ได้
แต่เพราะลั่วฉวนคร้านจะปรับเปลี่ยนกฎเดิมที่เขียนเอาไว้ เพราะเหตุนั้นจึงยังมีกฎดังกล่าวคงอยู่
บรรดาลูกค้าร้านต้นตำรับต่างก็ทราบเช่นกัน ทุกคนต่างเห็นถึงช่องโหว่ของกฎ อย่างน้อยก็เพียงผิวเผิน
“อย่างไรแล้วทวีปเทียนหลันก็กว้างใหญ่” เหยาซือหยานเผยยิ้ม “หากไม่มีใครแจ้งให้ทราบ เช่นนั้นคงไม่ทราบเลยว่ากว่าข่าวคราวจะไปถึงที่แห่งนั้นต้องใช้เวลาเท่าใด”
ทวีปเทียนหลันกว้างใหญ่เกินไป รวมเข้ากับสัตว์อสูรอันตรายทั้งหลาย สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดยังกระจายตัวอยู่ทั่ว การเผยแพร่ข่าวสารจึงเป็นไปได้อย่างจำกัด
เพราะเหตุนี้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างห้าภูมิภาคจึงเป็นไปอย่างยากลำบากพอสมควร แน่นอนว่าไม่นับรวมถึงเหล่ากองกำลังสูงสุดของแต่ละภูมิภาค
เพียงจัดตั้งค่ายอาคมเคลื่อนย้าย กำหนดพิกัดทางมิติ เช่นนั้นคิดไปมาหาสู่ทางไกลย่อมทำได้
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ เขาไม่ได้คิดอะไรมาก ร้านต้นตำรับอยู่ที่นี่ หากลูกค้าทราบเรื่องวันหนึ่งพวกเขาจะมาเยือนกันเอง
ส่วนการบอกกล่าวหรือโฆษณาอะไรทำนองนั้น… เขาจะทำไปทำไม? ด้วยฐานะเถ้าแก่ร้านจอมเกียจคร้าน เขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นแม้แต่น้อย
สิ่งที่ลั่วฉวนต้องการคือชีวิตอันราบเรียบ แน่นอนว่าไม่ใช่การนั่งกินรอคอยความตาย แต่มันคือเป้าหมายชีวิตอันเรียบง่าย