ตอนที่ 1152
“ทั้งสองคนทำอะไรกัน?” ลั่วฉวนพบเห็นการเคลื่อนไหวทางด้านนี้จึงเอ่ยถาม
เพราะมีลูกค้าหลายคนยืนอยู่ คล้ายกำลังรอรับชมอะไรสักอย่าง หรือมีคนพบเจอภารกิจแห่งตำนานเข้า?
“ปู้หลี่เกื๋อกับเจียงเฉิงจวินไปสู้กันในอารีน่า เพื่อตัดสินว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน” เหยาซือเย่ว์เดินเข้ามาช่วยตอบคำถามให้
“แล้วทำไมสองคนนั้นถึงคิดสู้กันอย่างกะทันหันเสียล่ะ?” ลั่วฉวนเกิดงุนงง ทั้งที่ทั้งสองน่าจะสนิทกันขนาดเรียกว่าเพื่อนซี้
“ทั้งสองเพิ่งก้าวหน้าพร้อมกันเมื่อวานนี้” เหยาซือเย่ว์โบกมือตอบ “เพราะแบบนั้นก็เลยไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายเลยต้องไปตัดสินผลกันที่ในอารีน่า”
ลั่วฉวนพอจะทราบนิสัยคนหนุ่มดี เรื่องเล็กน้อยในความเห็นพวกเขา บางทีทั้งสองก็อยากแบ่งแยกให้มันชัดเจน
“เถ้าแก่ไม่ไปรับชมหน่อยหรือ?” เหยาซือหยานเอ่ยถาม
“ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว ไปรับชมหน่อยเป็นไร” ลั่วฉวนลุกขึ้นจากเก้าอี้
สองผู้ฝึกตนขอบเขตโชคชะตาประลองต่อกัน แม้ไม่ต่างอะไรกับมือใหม่ต่อยกันเล่น แต่ก็ถือว่าแก้เบื่อได้เป็นอย่างดี
เหยาซือเย่ว์ดึงตัวเหยาซือหยานก่อนจะกล่าวอะไรซิบอะไรไปไม่ทราบ ทางด้านลั่วฉวนที่เดินเข้าไปรับชม กลุ่มลูกค้าที่พบเห็นเกิดประหลาดใจ
“เถ้าแก่มาด้วยแหละ” กู่หยุนซีเผยความงุนงง “การต่อสู้ระหว่างสองคนนี้คงไม่น่าสนใจขนาดนั้นกระมัง?”
“ว่างอยู่พอดี” ลั่วฉวนหาวตอบ
ทันใดนี้เองที่ทุกคนค่อยกล่าวว่าสมกับเป็นเถ้าแก่ อันที่จริงลั่วฉวนก็เหมือนพวกตนที่มารับชมหาความสนุกฆ่าเวลา
ปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวินต่างปิดกั้นการรับรู้จากโลกภายนอก ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ทราบว่าที่ในร้านเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ระหว่างกระบวนการใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริง ลูกค้าสามารถกำหนดค่าเองได้ และเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงก็สามารถรับรู้อันตรายและปกป้องผู้ใช้งานด้วยตัวเองได้เช่นกัน
“เรียบร้อย” ปู้หลี่เกื๋อสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะปิดม่านแสง
เพราะเรื่องราวก่อนหน้านี้ บรรยากาศในการต่อสู้เลือนหายไปมาก สายลมเย็นที่เคยพัดตอนนี้ก็หายไปแล้วเช่นกัน
“การต่อสู้กำลังจะเริ่ม ปลดสถานะห้ามต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายเตรียมตัวให้พร้อม”
“นับถอยหลังสาม สอง หนึ่ง”
เสียงดังปรากฏ ตัวเลขนับถอยหลังเผยในม่านแสงก่อนจะกระจายหายเมื่อนับหมดสิ้น
ทั้งปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวินไม่ใช่ลงมือโดยทันที แต่เป็นมองอีกฝ่ายอย่างเงียบงันด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พวกนั้นคิดทำอะไรกัน?” จี้เทียนหยวน องค์ชายรองแห่งจักรวรรดิเทียนชิงเอ่ยถามด้วยความงุนงง
เขาเป็นลูกค้าที่ภักดีกับร้านต้นตำรับ ตราบเท่าที่ว่างจะแวะเวียนมาร้านเสมอ นั่นก็เพราะเขาไม่ชอบฝึกฝนอยู่ที่ตำหนักตนเอง…
หรือก็คือเขาไม่ชอบวิธีการฝึกฝนแบบสมัยเก่า เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงของที่ร้านต้นตำรับให้ผลลัพธ์เดียวกันได้ หากไม่มีเรื่องระยะเวลาจำกัดเอาไว้ เช่นนั้นเขาคงแช่กายอยู่ในโลกเสมือนจริงทั้งวัน
“ตามข้อมูลที่ทราบจากแอพนักอ่าน เหมือนว่านี่จะเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ฝึกตนก่อนเริ่มการต่อสู้” เหว่ยอี้ใช้นิ้วจรดคางพลางกล่าว เขาเป็นแฟนตัวยงของผลแอพนักอ่านคนหนึ่ง
“หรือ? มีเรื่องเช่นนั้นด้วย?” เซี่ยหยิงหันมองด้วยความประหลาดใจ
“ไร้เหตุผลเสียจริง” จักรพรรดิปีศาจเข้าร่วมวงสนทนา “กับผู้แข็งแกร่งขอบเขตสูง การเผชิญหน้าด้วยออร่าเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่กับผู้ฝึกตนขอบเขตเช่นปู้หลี่เกื๋อ แทบไม่เห็นประโยชน์อะไร”
ถึงตรงนี้ลูกค้าทั้งหลายต่างเห็นพ้องกับคำของจักรพรรดิปีศาจ โดยสรุปคือมันทำให้ดูยิ่งใหญ่ แต่แท้จริงแล้วกลวงเปล่า
หลังยืนนิ่งกันกว่าสิบวินาที สายลมเย็นโชยพัดผ่านอีกครั้งพร้อมฝุ่นทราย ปู้หลี่เกื๋อไม่คิดเสียเวลา ฝีเท้าก้าวทะยานออกคิดโจมตีโดยพลัน
“ปรโลกรับตัว!”
ปู้หลี่เกื๋อคำรามพร้อมเผยพลังวิญญาณออกมา
เจียงเฉิงจวินกระทำเช่นเดียวกับอีกฝ่าย
ปรโลกรับตัว มันคือเวทมนตร์อันทรงอำนาจของอาชีพเนโครแมนเซอร์ที่ปู้หลี่เกื๋อเลือกเล่น มันคือการอัญเชิญค่ายอาคมออกมาใช้งาน ผลลัพธ์คือทำให้ศัตรูตกอยู่ในสภาวะด้านลบทั้งหลาย
ขณะที่อำนาจของมันยิ่งใหญ่ สิ่งที่แลกเปลี่ยนคืออัตราการใช้พลังงานที่สูงล้ำ ตามปกติแล้วเมื่อการต่อสู้เข้าสู่ช่วงร้อนแรง มันจึงเป็นการใช้เพื่อตัดสินผลลัพธ์การต่อสู้
โหมดทั่วไปของหอคอยแห่งการทดสอบ ลูกค้าหลายคนต่างเลือกอาชีพของตนตอนถึงระดับยี่สิบเป็นสาขานักเวท
นอกจากอาชีพที่มีให้เลือก ยังมีอาชีพหายากอีกหลากหลาย ซึ่งเหล่านั้นมีโอกาสน้อยนิดที่จะได้รับ
และหากจ่ายผลึกวิญญาณตามที่กำหนด เวทมนตร์ที่เรียนรู้จากโหมดทั่วไปจะสามารถนำมาใช้งานในความเป็นจริงได้
แน่นอนว่ามีข้อจำกัด ขอบเขตการฝึกฝนคือเส้นแบ่ง ความแข็งแกร่งของพลังเวทมนตร์ มันขึ้นอยู่กับปริมาณพลังงานที่ถูกใช้
ปรโลกรับตัว คือเวทมนตร์อันแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ปู้หลี่เกื๋อจะใช้ได้แล้ว
เจียงเฉิงจวินไม่เคยเผชิญหน้ากับการเปิดฉากยิ่งใหญ่เพียงนี้มาก่อน สุดท้ายกลายเป็นเขาแตกตื่นจนจิตใต้สำนึกร้องบอกให้หลบหนี
เวทมนตร์ปรโลกรับตัว ตราบเท่าที่ออกพ้นจากระยะ เช่นนั้นจะไม่ต้องแบกรับผลกระทบ ทางด้านปู้หลี่เกื๋อขาดประสบการณ์การใช้เวทมนตร์นี้ในสถานการณ์อื่น ส่วนใหญ่จะใช้ก็ตอนใกล้จบการต่อสู้
“หลี่เกื๋อเล่นอะไร?” ปู้ฉืออีขมวดคิ้ว แม้นางบ่อยครั้งหยอกล้อน้องชาย แต่ในใจก็คาดหวังให้ได้รับชัยชนะ
“น่าสนใจ” ลั่วฉวนเกิดนึกสนุกขึ้นมา ด้วยนิสัยเงอะงะของปู้หลี่เกื๋อที่ถึงขั้นตะโกนชื่อกระบวนท่าออกมาก่อนใช้งาน
ครืน ครืน…
พื้นดินแตกแยก แขนกระดูกสีขาวที่เป็นพลังวิญญาณควบแน่นปรากฏจากพื้น มันคว้าจับขาของเจียงเฉิงจวินเอาไว้มั่นคง
อาณาเขตของปรโลกรับตัวค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งเขายังไม่ได้สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนพื้นดิน กว่าจะทราบก็สายเกินไป
“ข้ารับใช้โครงกระดูก?!” เจียงเฉิงจวินอุทานร้อง “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้เรียกใช้ปรโลกรับตัวหรือยังไง?”
“เจ้าก็ถึงกับเชื่อคำที่ข้าพูด!” ปู้หลี่เกื๋อหัวเราะ ดาบอันคมกริบตอนนี้ปรากฏขึ้นพร้อมสับฟัน “มีแต่หน้าโง่จึงขานกระบวนท่าให้ศัตรูรู้ตัวแล้วจึงใช้งาน!”
เจียงเฉิงจวินกัดฟันกรอด “เจ้ามันเล่นสกปรก!”
อาวุธของเขาก็เหมือนดังปู้หลี่เกื๋อ เป็นดาบธรรมดาเล่มหนึ่ง
ปู้หลี่เกื๋อตัดผ่านระยะห่าง คมดาบในมือชี้ตรงที่จุดตายของเจียงเฉิงจวิน
อย่างไรแล้วอารีน่าก็เป็นสถานที่ต่อให้ตายก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับความเป็นจริง อย่างมากก็เกิดภาระทางใจเพราะความตายที่เผชิญ
ด้วยระดับนี้ หากเทียบกับความกลัวในมิติแห่งฝันร้ายถือว่าเป็นคนละระดับ ปู้หลี่เกื๋อไม่คิดยั้งมือ ปลายดาบทิ่มแทงใส่เจียงเฉิงจวินอย่างไม่รีรอ
สายฟ้าปรากฏพร้อมดาบ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่รับชมการประลองระหว่างคนทั้งสอง เดิมค่อนข้างเบื่อเพราะไก่อ่อนปะทะไก่อ่อน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นน่าสนใจขึ้นมา
“จุ๊จุ๊ ปู้หลี่เกื๋อเรียนรู้วิธีการเช่นนี้มาจากไหนกัน? แม้ไม่คล้ายใช่เรื่องใหญ่ แต่ส่งผลใช้งานจริงได้ดีไม่น้อย” เฉินโม่กล่าวคำออก
ปู้ฉืออีพูดกล่าวไม่ออก มู่หรงไห่เถิงเผยยิ้มแย้ม “ในการต่อสู้อย่าได้ไว้ใจศัตรู สติปัญญาก็ถือเป็นกำลัง”
“ฮ่าฮ่า เจ้าลูกคนนี้ทำได้ดีไม่น้อย” ปู้คังเฉียงเผยเสียงหัวเราะ “เหมือนว่าที่สอนวิถีทางกลยุทธ์ไปจะไม่เสียเปล่า”