MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ – ตอนที่ 145

ตอนที่ 145

“พวกเขาตายหมดแล้ว!”ลู่เฟิง กล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม

“เจ้า….”

“ไม่ต้องห่วงพวกข้าล้อเล่นหน่ะพวกเขายังไม่ตายสักหน่อย!”ลู่เฟิงกล่าวพูดอีกครั้ง

หยานจือยี่ ขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่เข้าใจความหมายของลู่เฟิง แต่ลู่เฟิงเขามองไปที่ผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสี่คนด้วยรอยยิ้ม”ไหนพวกเจ้ามีเรื่องอะไรถึงได้มาจับกลุ่มคุยกันงั้นหรือเล่าให้ข้าฟังมั่งสิ!”

“ลู่เฟิงนี่พวกเรา…”

“หุบ…”

หยานจือยี่ กำลังจะพูดออกมา แต่ จู่ ๆ กลุ่มคนทั้งหก คนดานหลังของ ลู่เฟิง ก็หายไปปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ เขา เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย

โดยเฉพาะดาบสองเล่มของหญิงสาวคนนึงที่จ่อคอของเขาอยู่ไม่ไกล ใจของเขาได้สั่นมากยิ่งขึ้น

“ข้าต้องขอโทษด้วย คนของข้าทำหน้าที่สะเพร่าไปหน่อย แต่นั่นเพราะว่า ผู้นำตระกูลหยาน ชอบพูดขัดจังหวะเอง หากเป็นในกรณีนี้ อย่าได้กล่าวโทษคนของข้าเลย เจ้าควรจะรู้มารยาทระหว่างพูดคุยหน่อยนะ!”ลู่เฟิงกล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม

เสียงของเขาได้หายไปและทาสดาบทั้งหกก็กลับไปอยู่เบื้องหลังของ ลู่เฟิงเหมือนเดิม

“อึก!”

ในเวลานี้ หยานจือยี่ กล้าที่จะขยับคอและกลืนน้ำลาย

เขามองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยความกลัว เป็นไปไม่ได้ ? ทั้งหกคนนั้นเป็นใคร ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีตัวตนเหล่านี้ปรากฏตัวออกมา? เหตุใดความแข็งแกร่งของเขาที่มากถึงระดับ 9 ขั้นสร้างรากฐานพลังหยวน จึงไม่สามารถมองเห็นความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นนักรบขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ?

คำถามเหล่านี้ ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ความรู้สึกกลัวที่มีต่อ ลู่เฟิง ในใจของเขาเพิ่มมากขึ้น

เหงื่อเย็นได้ไหลลงบนใบหน้าของผู้นำตระกูลใหญ่อีกสี่คน แม้ว่าพวกเขาจะซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ แต่ความแข็งแกร่งแท้จริงของพวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก หยานจือยี่

ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหกคนของ ลู่เฟิง สามารถปราบ หยานจือยี่ ได้ในทันที กับ พวกเขามีหรือจะเป็นไปไม่ได้

ความกลัวได้แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ!

ลู่เฟิง ได้กล่าวพูดขึ้น”หยานจือยี่ ข้าได้ยินเจ้าพูดก่อนหน้านี้ว่าจะจัดตั้งพันธมิตรระหว่างตระกูลเพื่อรวมทหารส่วนตัวทั้งหมดไว้สินะ ข้ายอมรับว่าการกระทำเช่นนี้นับเป็นภัยคุกคามเล็กน้อยสำหรับข้าแต่…”

หลังจากนั้นลู่เฟิงได้หยุดชั่วครู่และกล่าวถาม”ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าใครจะกลายเป็นผู้บัญชากการหลักของกองกำลังพันธมิตรที่พวกเจ้าก่อตั้งขึ้น?”

เมื่อผู้นำตระกูลอีกสี่คนได้ยินดังนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป และ พวกเขาก็ได้จ้องมองไปที่ทาสดาบทั้งหมด และไม่สามารถเปล่งวาจาพูดออกมาได้

ตระกูลใหญ่ทั้งห้าเรียกได้ว่าเป็นห้าตระกูลเรียกของอาณาจักร แม้ว่าตระกูลหยานจะเป็นอันดับหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงความแข็งแกร่งของทุกตระกูลก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

โดยปกติแล้ว ย่อมไม่มีใครยอมรับใคร แต่ในวันนี้ เนื่องเพราะปัญหาของลู่เฟิง พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันชั่วคราว

ตอนนี้ ลู่เฟิง ได้ตั้งคำถามที่ยุ่งยาก อย่าง ใครจะเป็นผู้นำพันธมิตรของพวกเขา?

คนที่กลายเป็นผู้นำเป็นไปได้ว่าจะมีสิทธิควบคุมกองทัพโดยสมบูรณ์ แต่มีหรือที่ตระกูลเหล่านี้ จะยอมให้ใครคนใดคนนึงเป็น

ตอนนี้พวกเขามีกำลังเท่ากัน หากตระกูลใดตระกูลหนึ่งได้ขึ้นเป็นผู้นำพันธมิตร หลังจากคลี่คลายสถานการณ์เสร็จ คนผู้นั้นจะต้องหาทางครอบงำตระกูลอื่น ๆ อย่างแน่นอน!

เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเห็นด้วยโดยธรรมชาติ

ลู่เฟิง มองดูการแสดงออกของพวกเขาและหัวเราะในใจ แน่นอนว่า ตระกูลเหล่านี้ มุ่งเน้นเฉพาะผลประโยชน์ของตระกูลเท่านั้นไม่สนใจสิ่งใด

พันธมิตรเช่นนี้ นับประสาอะไรจะกลายเป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่ของเขาได้

แม้ว่าพวกเขาจะมีกองทัพนับล้านขึ้นมาจริง ๆ ลู่เฟิง ก็เชื่อว่า ภายใต้การชี้นำของ เจี๋ยสวี่ และ ทหารไม่กี่แสนนาย ก็สามารถจัดการคนเหล่านี้ได้แล้ว

เนื่องจากข้อพิพาทเรื่องผลประโยชน์มันเป็นไปไม่ได้ที่จะก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรที่แท้จริงขึ้นมา!

ตอนนี้เขามองไปที่คนเหล่านี้ด้วยรอยยิ้ม”เอาล่ะ มาคุยกันเถอะ ข้าต้องการรู้ข้อมูลต่อว่าพวกเจ้าจะทำยังไงต่อไป!”

ผู้นำตระกูลหลายคนได้มองหน้ากันสีหน้าของพวกเขาได้กลายเป็นน่าเกลียดมากขึ้น

พันธมิตรของพวกเขารวมกันก็เพื่อผลประโยชน์ แต่ สิ่งเหล่านี้กลับถูกทำลายโดยคำพูดของลู่เฟิง

ใครจะเป็นผู้นำ?

ใครเหมาะสมที่สุด?

มีอะไรรับประกันว่าหลังจากจบศึกคนผู้นั้นจะไม่แสวงหาประโยชน์อื่น?

นี่เป็นปัญหาที่พวกเขาจะต้องพบเจออย่างแน่นอน

ความกลัวได้ปรากฏบนใบหน้าของ หยานจือยี่ ในเวลานี้ เขาไม่ได้เกรงกลัวทาสดาบทั้งหก

ใบหน้าของเขาเหมือนกับหมึกดำ เขาไม่รู้ว่า ลู่เฟิง มีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร เพียงคำพูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้กลุ่มพันธมิตรของเขาแตกลงแล้ว

“เหอ ๆ ลู่เฟิง ข้าขอยอมรับในตัวเจ้า ดูเหมือนว่าการที่เจ้าสามารถจัดการ โม่เต๋า และ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย ลงได้ จะไม่ได้ใช้เพียงแค่โชค แต่เจ้าที่มาเยือนตระกูลหยานของข้าในวันนี้ ข้าจะทำให้เจ้าต้องรู้สึกเสียใจไปชั่วชีวิต!”

หยานจือยี่ ได้หัวเราะออกมา”ลู่เฟิง แม้ว่าเจ้าจะฉลาด แต่ความฉลาดของเจ้า ล้วนไม่มีประโยชน์ อย่างลืมไปว่านี่คือแผ่นดินใหญ่คิวชู ความแข็งแกร่งคือตัวกำหนดทุกสิ่ง และ ที่เจ้ามาเยือนถึงที่นี่ก็คือการแส่หาความตาย!”

หลังจากสิ้นสุดเสียงของเขา เขาก็หันไปตะโกนด้านหลัง”ท่านบรรพบุรุษ ฝากท่านจัดการด้วย!”

หลังจาก สิ้นเสียง ชายชราผมสีเทาก็เดินออกมาจากข้างหลัง

เขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังดูแล้วไม่น่าจะใช่ตัวตนธรรมดา

“อะไร หยานกาน ยังมีชีวิตอญู่ได้อย่างไร?”

“ไม่ใช่ว่าเขาตายไปเมื่อสองร้อยปีก่อนหรอกหรอทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่!”

“ไม่เเปลกใจที่ตระกูลหยาน จะมั่นใจขนาดนี้ ที่แท้ กล้าเชิญเรามาที่คฤหาสน์ตระกูลหยาน เหตุผลก็เพราะมีหยานกาน อยู่ บรรพบุรุษของตระกูลหยานยังไม่ตาย!”

ใบหน้าของผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสี่คนน่าเกลียดมาก

หยานกาน เป็นบรรพบุรุษของตระกูลหยาน และ เป็นผู้นำตระกูลคนแรกของตระกูลหยาน ว่ากันว่า เขาได้บ่มเพาะพลังจนกลายเป็นนักรบขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ เมื่อสองร้อยปีก่อน แต่ก็มีข่าวลือว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว

สองร้อยปีต่อมาแทบจะไม่มีใครคิดว่าเขาจะมีชีวิตอยู่

และปรากฏตัวขึ้นที่นี่

ลู่เฟิง มองไปที่ หยานกาน และกล่าวถามระบบ”ระบบ ฉันต้องการมองดูความแข็งแกร่งของเขาได้หรือไม่!”

“สามารถ!”

ในไม่ช้า ความแข็งแกร่งของ หยานกาน ก็ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของลู่เฟิง : ระดับ 2 ขั้น ปรมาจารย์

ความแข็งแกร่งเดียวกับลิโป้!

“ดูเหมือนว่า ตระกูลหยาน จะไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ กระทั่งมีบรรพบุรุษที่มีพลังระดับ 2 ขั้นปรมาจารย์ปรากฏตัวขึ้น หากเขาไม่ได้พา ลิโป้ และ ทาสดาบทั้งหก มาด้วยก่อนหน้านี้ เขาคงจบสิ้นไปแล้ว!”ลู่เฟิง บ่นพึมพัมออกมา

ด้วยการขยับมือของ ลิโป้ ง้าวฟางเทียน ในมือได้ปรากฏขึ้นด้านหน้า และยืนข้าง ๆ ลู่เฟิง

หยานกาน มองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยรอยยิ้ม”ข้า หยานกาน ยินดีที่ได้พบฝ่าบาท!”

สำหรับทัศคติของ หยานกาน ดูเหมือนเขายังคงให้ความเคารพอย่างมาก แต่ลู่เฟิง หัวเราะในใจ อีกฝ่ายไม่ได้จงใจปิดเจตนาฆ่าฟันของตนเองออกมาแม้แต่น้อย

เจ้าเฒ่าเจ้าเล่ห์!

เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าจักรพรรดิเสียอีก!

เจ้าหน้าซื่อใจคด!

ลู่เฟิง สั่นศีรษะมองไปที่หยานกานและกล่าวถาม”อย่าได้พูดเรื่องไร้สาระ เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”

หยานกาน หัวเราะออกมา”ฝ่าบาท พระองค์ เป็นคนหนุ่มที่เลือดร้อนจริง ๆ เช่นนั้นข้าจะไม่พูดไร้สาระอีกต่อไป ฝ่าบาทต้องการ แก้ไขจัดการปัญหาตระกูลภายในอาณาจักร เรื่องนี้ก็สมควรทำเช่นนั้นจริง ๆ แต่ว่า พระองค์คิดจะควบคุมตระกูลขุนนางทั้งหมดในอาณาจักรงั้นหรือไม่?”

“ไม่มีทาง อาณาจักรทั้งหมดถูกควบคุมโดยตระกูลขุนนาง พระองค์คงไม่มีทางไม่รู้เรื่องนี้แน่ ๆ !”

“อ๋อ ที่แท้เจ้าแค่จะบอกว่าข้าไม่ควรทำเช่นนี้ว่างั้น?”ลู่เฟิงมองไปที่ หยานกาน ด้วยรอยยิ้ม

หยานกาน สั่นศีรษะและตอบกลับ”ไม่อย่างแน่นอน สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ก็คือ ฝ่าบาท จะไม่มีโอกาสทำได้สำเร็จ ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว”

MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ

MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ

Status: Ongoing

ข้ามต่างโลกไปเป็นเพียงแค่จักรพรรดิที่ถูกควบคุมหรือไม่ ? ไม่สำคัญเพราะข้ามีระบบจักรพรรดิ!

พวกเจ้ารวมหัวกันแก่งแย่งชิงอำนาจ ? ข้าไม่สนเพราะข้ามี เจี๋ยสวี่

พวกเจ้ามีนักรบที่เก่งกาจไร้คู่เปรียบ ? เหอะ ข้ามี เทพสงคราม ฮั่

ลำดับขั้น

เนื่องจากผู้อ่านอาจเข้าใจลำดับขั้นในภาษาไทยยาก จึงอยากจะขอเปลี่ยนเป็นการทับศัพท์ลำดับขั้นแทนทั้งหมด เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น *

1.Elemental Guider จากเดิม ผู้นำธาตุ – พลังงานก๊าซ

2.Elemental Apprentice จากเดิม เด็กฝึกธาตุ – พลังงานก๊าซ

3.Elemental Journeyman จากเดิม นักผจญภัย – พลังงานก๊าซ

4.Elemental Master จากเดิม ผู้เชี่ยวชาญด้านธาตุ – พลังงานก๊าซ

5.Elemental Mage จากเดิม นักเวทย์ธาตุ – พลังงานก๊าซที่กลั่นได้, อาณาจักรแห่งพลังจิต, พลังงานจิต

6.Elemental Archmage จากเดิม ผู้วิเศษธาตุ – พลังงานก๊าซที่กลั่นได้, อาณาจักรแห่งพลังจิต, พลังงานจิต

7.Elemental Overlord จากเดิม เจ้าเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่แห่งพลังงานธาตุ – พลังงานเหลว, อาณาจักรลึกลับ, พลังลึกลับ

8.Elemental Archlord จากเดิม ผู้พิพากษาธาตุ – พลังงานเหลว + พลังงานของแก่นแท้ (ต่อธาตุหนึ่งธาตุ), อาณาจักรลึกลับ,พลังลึกลับ

9.Elemental Dominator จากเดิม ผู้ครอบครองพลังงานแห่งธาตุ – พลังงานของแก่นแท้ (ต่อธาตุหนึ่งธาตุ), อาณาจักรลึกลับ , พลังลึกลับ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท