เนื่องจากการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินเขาไม่อาจพลาดได้
ลู่เฟิงจ้องมองไปที่ จางฮั่น และกล่าวถาม”เจ้ารู้รูปแบบการจัดขบวนกองทัพของพวกเขาหรือไม่?”
จางฮั่นได้ตอบกลับ”ฝ่าบาทกองทัพของคน 20,000 คนด้านหน้ามีพลธนูประมาณ 3,000 คน และ คนข้างหลัง 10,000 คน มีพลธนูประมาณ 2,000 คน”
ลู่เฟิง ขมวดคิ้วแน่น การจัดวางรูปแบบกองทัพเช่นนี้ฉลาดมาก แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นปรมาจารย์แอบลอบโจมตีพวกเขาก็ยังสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์
ความเป็นไปได้ที่จะทำลายกองทัพขนเสบียงนี้เริ่มน้อยลงทุกที
ปัญหาใหญ่ก็คือ พลธนู และ ลูกศรพลังปราณ
หลังจากลังเลเล็กน้อย ลู่เฟิง ก็สั่งให้ จางฮั่น เรียกกองทัพเงากลับมาก่อน พวกเขายังคงพอมีเวลาให้คิดเตรียมแผนการอีกครั้ง
กลางดึก พวกเขาได้มาลอบดูการจัดวางกองทัพนี้อีกครั้งเพื่อมองหาโอกาส
กองทัพขนส่งเสบียงของอาณาจักรซีหยาง เริ่มตั้งค่าย
ลู่เฟิงพา ทาสดาบทั้งหก และ จางฮั่น ลอบขึ้นไปบนภูเขาและมองลงไปดู
แม่ทัพใหญ่ของกองทัพนี้ได้จัดตั้งพลธนูอยู่ด้านหลังทหารโล่คอยปกป้องค่ายของพวกเขา หากมีคนโจมตีค่ายพวกเขาจะสามารถตอบโต้ได้ทันที
ทหารราบหนึ่งหมื่นคนก็ยังออกไปตระเวณอยู่รอบ ๆ ค่าย
“จางฮั่น,ข้าจะนำทาสดาบทั้งหก ลอบเข้าไปในค่ายและหาทางทำลายพลธนูเหล่านั้น พวกเราจะเปิดโอกาสให้เจ้าและกองทัพเงาโจมตี ข้าหวังว่ากองทัพเงาของเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”ลู่เฟิง มองไปที่ จางฮั่น
จางฮั่นรีบกล่าวทันที”ฝ่าบาท โปรดวางพระทัย ประสิทธิภาพการต่อสู้ของกองทัพเงาจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวังแต่ทว่า…”
จางฮั่นมองไปที่ ลู่เฟิง”ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยให้ข้าและทาสดาบทั้งหกพุ่งเข้าไปที่ค่ายเพื่อหาทางฆ่าพลธนูเหล่านั้นและให้พระองค์สั่งการกองทัพเงาให้โจมตี!”
จางฮั่น กังวลเรื่องความปลอดภัยของ ลู่เฟิง ท้ายที่สุด นี่ก็คือการบุกค่ายศัตรู แม้ว่าทาสดาบทั้งหก จะเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์แล้วก็ตาม แต่เผชิญหน้ากับกองทัพนับหมื่นคน นักรบปรมาจารย์ 6 คน หรือแม้แต่ 10 ก็ยังไม่สามารถหยุดมันได้
พลังของกองทัพนับหมื่นนั้นน่ากลัวมาก
ลู่เฟิงได้สั่นศีรษะ”เจ้าได้ก่อตั้งกองทัพเงาขึ้นมา เป็นเจ้าที่รู้ดีเกี่ยวกับพวกเขาว่าจะใช้งานยังไงให้เกิดประสิทธิภาพในการต่อสู้สูงสุดดังนั้นเจ้าจะต้องเป็นคนคอยสั่งการกองทัพ!”
“แต่ว่าฝ่าบาท…”
“นี่คือคำสั่ง!”ลู่เฟิง กล่าวพูดทันที
จางฮั่นได้กัดฟันแน่นและตอบกลับ”ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
หาก ลู่เฟิง พูดเช่นนี้ จางฮั่น ก็มีแต่ต้องทำตาม แต่ถ้ามันล้มเหลวขึ้นมาเขาคงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต
ขณะที่ท้องฟ้ากำลังมืดลง ลู่เฟิง ก็ยังไม่ได้บุกโจมตีทันที เขากำลังรอโอกาส
จนกระทั่งเช้าตรู่ ลู่เฟิง ได้พาทาสดาบทั้งหก ไปที่ค่ายทหาร
ร่างทั้ง 7 เคลื่อนไหวโดยไม่ทำให้ทหารในค่ายตระหนักรู้ เพียงพริบตาเดียวพวกเขาก็ลอบเข้าไปในค่ายได้สำเร็จ
“เฉินกัง เจ้าพาคนอื่น ๆ ไปหาทางลอบสังหารแม่ทัพใหญ่ของค่ายนี้ อย่าปล่อยให้พวกเขาสั่งการจัดตั้งกองทัพขึ้นมาตอบโต้พวกเรา”ที่มุมของค่ายทหาร ลู่เฟิง ได้สั่ง เฉินกัง
สีหน้าของ เฉินกัง ได้เปลี่ยนไปเขาได้กล่าวถาม”ฝ่าบาท พระองค์จะจัดการกับพลธนูเหล่านั้นด้วยตัวคนเดียวงั้นหรือ?”
ลู่เฟิง พยักหน้าและตอบกลับ”ข้ามีวิธีที่จะต้านลูกศรพลังปราณ ,ลูกศรพลังปราณของพวกเขาไม่มีประโยชน์กับข้า เจ้าเพียงแค่สร้างสถานการณ์โกลาหลภายในกองทัพก็พออย่าปล่อยให้พวกเขามารวมตัวกันได้”
ถูกต้อง เขามี เกราะพยัคฆ์ดำ!
นี่คือจุดแข็งที่ลู่เฟิงมีอยู่
ชุดเกราะพยัคฆ์ดำ สามารถต่อต้านลูกศรพลังปราณที่มีระดับพลังทำลายระดับสวรรค์ขั้นต่ำได้ เป็นธรรมชาติที่ กองทัพขนส่งเสบียงเหล่านี้ จะไม่มีลูกศรพลังปราณที่อยู่เหนือกว่า ระดับสวรรค์ขั้นกลาง
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน ระดับ 8 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ บวกกับเกราะพยัคฆ์ดำ ตราบใดที่กองทัพนี้ไม่สามารถรวมตัวกันได้เขาก็แทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
มีเพียงกองทหารราบที่บุกประชิดลู่เฟิงเท่านั้นที่พอจะเป็นภัยคุกคามได้!
เฉินกัง ที่เป็นผู้นำของทาสดาบทั้งหก ธรรมชาติเขาไม่ได้โง่เขลา เขาเข้าใจความหมายของลู่เฟิงและพยักหน้าทันที”แม้ว่าข้าน้อยจะถูกสังหารในสนามรบ พวกเราก็จะไม่มีวันปล่อยให้กองทัพเหล่านี้ได้มารวมตัวกัน!”
“ไปได้!’
ลู่เฟิง ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปยังสถานที่ที่พลธนูอยู่
สมาชิกอีกห้าคนกำลังรอคำสั่งจาก เฉินกัง
เฉินกัง ได้กล่าวพูดออกมา”พวกเราทั้งหกคนที่นี่ไม่มีใครที่อ่อนเเอ แต่พวกเราก็ไม่สามารถสังหารทุกชีวิตที่นี่ได้ ทางเดียวก็คือป้องกันไม่ให้พวกเขารวมตัวกัน พวกเราจะทำตามคำสั่งที่ได้รับจากฝ่าบาท…”
“ให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถอะ!”
เป็นครั้งแรกที่ ต้วนชุย ได้พูดออกมา น้ำเสียงของเขาดูแก่มากมือของเขาได้ถือดาบในมือแน่น
เฉินกังได้พยักหน้า”ดี,พวกเราต้องทำหน้าที่ดึงความสนใจของพวกเขา หากสังหารแม่ทัพใหญ่ของศัตรูได้แผนของเราก็เสร็จสมบูรณ์”
“พวกเจ้ามีความเห็นอะไรหรือไม่?”
เขาจ้องมองไปที่ทั้งห้าคน
“แม้จะสู้จนตัวตายเราก็ไม่มีวันถอย!”ต้วนชุย และ คนอื่น ๆ ได้พยักหน้า
“ดีมาก!”
ตอนนี้พวกเขาได้ตัดสินใจกันแล้ว เฉินกัง ได้นำทาสดาบอีกห้าคนพุ่งเข้าไป พวกเขาไม่แม้แต่จะซ่อนร่างและตัดศีรษะทหารในเต็นท์อย่างรวดเร็ว
การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งหกคนนั้นดีกว่าแต่ก่อนมาก
แต่ถึงพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฆ่าทหารทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตาม มีทหารมากกว่า 2,000 ชีวิตสูญเสียภายใต้เงื่อมมือของพวกเขาหกคน
ในไม่ช้า ทหารเหล่านี้ ก็แสดงปฏิกิริยาและรีบมุ่งหน้าไปหา ทาสดาบทั้งหก
กลุ่มคนเหล่านี้ได้จัดตั้งรูปแบบกองทัพเพื่อที่จะจัดการทาสดาบทั้งหก
ทาสดาบทั้งหกนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริงแม้จะถูกกดันด้านรูปแบบกองทัพของพวกเขาก็ยังหาทางหลบหนีและสวนกลับพวกเขาได้
เมื่อแม่ทัพใหญ่ออกมาและสั่งการให้จัดตั้งรูปแบบกองทัพของศัตรูก็ทรงพลังมากขึ้น ความแข็งแกร่งของทาสดาบเดิมขั้นปรมาจารย์ ตอนนี้ แทบจะสำแดงออกมาได้แค่ขอบเขตขั้นสร้างรากฐานพลังหยวนเท่านั้น
ไม่นานก็ตกอยู่ในความเสียเปรียบ
ลู่เฟิง รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวและเข้าใจแผนของ เฉินกัง เขาไม่สนใจที่อีกฝ่ายฝ่าฝืนคำสั่งของเขาและมุ่งหน้าไปที่ค่ายธนู
การเคลื่อนไหวของทาสดาบทั้งหกนั้นเป็นประโยชน์มาก ทหารโล่ที่คอยปกป้องพลธนูนั้นได้รีบมุ่งหน้าไปที่ศูนย์กลางของการต่อสู้เพื่อปิดล้อมทาสดาบทั้งหก
ในเวลาเดียวกัน พลธนูก็เริ่มมารวมตัวกัน
ลู่เฟิง ได้รีบไปยังสถานที่เหล่านี้ และ เปิดฉากโจมตีทันที
คนจำนวนมากที่พุ่งออกมาดูได้ถูกสังหารลงอย่างรวดเร็ว
มีทหารหลายสิบคนที่อยู่ใกล้กับเขาได้เสียชีวิตลงทันทีที่เขาเหวี่ยงดาบ
คนอื่น ๆ ได้รีบถอยห่างและพยายามรักษาระยะเพื่อที่จะปล่อยลูกศร
แต่ ลู่เฟิง จะพลาดโอกาสดี ๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร เขาได้แกว่งดาบออกไปทุกครั้งที่แกว่งดาบออกไปย่อมมีศีรษะของทหารถูกตัดกระเด็นลงไปบนพื้น
หทารเหล่านี้พยายามจะโจมตี ลู่เฟิง แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดลู่เฟิงได้
ความแข็งแกร่งของ ลู่เฟิง ได้ไล่ฆ่าทหารทีละคนด้วยดาบในมือของเขา
พลธนูหลักของที่นี่ ได้ทำสีหน้ามืดมน การโจมตีของธนู ยิงรักษาระยะไกลได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพในการโจมตีมากเท่านั้น
ตอนนี้ ลู่เฟิง ได้ปะปนเข้าไปในกลุ่มของพวกเขาและเริ่มการสังหารมันเป็นเรื่องยากที่จะยิงโดยไม่ให้คนพรรคพวกของตนเอง
แต่ในไม่ช้าแม่ทัพที่คุมกองนี้ก็ได้สั่งการ”ยิงลูกศรถล่มเจ้าเด็กนั่นซะ!”
ท้ายที่สุดพลธนูมากกว่า 3,000 คน ก็ปล่อยลูกศรของพวกเขาออกไป ฝนลูกศรสีเงินได้พุ่งลงไปกระแทกใส่ร่างของ ลู่เฟิง และ ทหารจำนวนมากรอบ ๆ ตัวของเขา