บทที่ 765 นี่ฉันไม่ได้ตั้งใจอีก
เมื่อพฤกษ์ถามอย่างนี้ นรมนก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร
“พฤกษ์ เรื่องนี้ฉันไม่แน่ใจ คุณควรไปถามเจตต์นะ แล้วก็ ไม่นานมานี่เองว่ากันว่ามีศพของผู้หญิงอยู่ที่ท่าเรือ เจตต์กลัวว่านั่นคือแม่ของเขา มันผ่านไปแล้ว ถ้าคุณกังวล ไปดูเองดีกว่าไหม ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านทวีทรัพย์ธาดา พาเด็กๆมาอยู่ที่นี่นะ”
นรมนเล่าสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองให้ฟังอีกรอบ
พฤกษ์เข้าใจอย่างรวดเร็ว
“โอเคครับคุณนาย ผมจะไปลองดู ถ้าหากคมทิพย์ติดต่อมา ผมจะโทรหาคุณ”
“โอเค”
นรมนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขารู้ว่าคมทิพย์สบายดี
เธอนอนแผ่บนเตียง เธอรู้สึกว่าช่วงนี้เธออ่อนล้ามากเกินไป
เรื่องของเจตต์ไม่ใช่ว่าเธอไม่ใส่ใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือตรงไหน
คนของกิมจิไม่ฟังคำสั่งของเธออีกต่อไป ตอนนี้เธอไม่มีพวก ไม่มีกองทัพ จะสามารถช่วยเจตต์ได้อย่างไรกัน?
ท้ายที่สุดคือต้องการให้บุริศร์ออกหน้า ใช้คนของตระกูลโตเล็กจัดการ ดังนั้นตอนนี้เธอก็สบายใจ นำเรื่องเหล่านี้ปล่อยให้บุริศร์จัดการ
และคมทิพย์ สองพี่น้องคู่นั้นสบายดีก็ดีมากแล้ว
แม้ว่านรมนจะบอกตัวเองว่าให้ตั้งใจเรียน ไม่ได้ปัดฝุ่นวิชาความรู้มานานแล้ว ถ้าหากอยากได้รางวัลละก็ เธอต้องพยายามมากกว่าคนอื่นถึงจะได้มันมา แต่ตอนนี้เธอนอนอยู่บนเตียง สมองก็คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้
ทำไมนิตาต้องเข้าใกล้เจตต์? ?
หรือเพื่อเทย่า?
แต่เจตต์ไม่ได้บอกนิตาเกี่ยวกับที่อยู่ของแม่เขา และถ้านี่เป็นจุดประสงค์ของนิตาในการเข้าหาเจตต์ เธอควรอยู่กับเจตต์แทนที่จะวิ่งหนีใช่ไหม
นรมนคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
ตอนนี้แม้แต่โสธรก็สูญเสียข่าวคราว คิดจะหาพวกเขาก็ยิ่งยากเข้าไปอีก
นรมนพลิกตัว ทันใดกลับกระแทกถูกของบางอย่าง
เธอลุกขึ้นไปดู และพบว่าเป็นกระเป๋าของเธอ
เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ามีจดหมายจากคิมอยู่ในนั้น นรมนจึงนั่งข้างเตียงก่อนจะหยิบจดหมายออกมาอ่าน จดหมายของคิมนั้นเรียบง่ายมาก มีแค่ประโยคเดียว
“ฉันปลอดภัยดี อย่าคิดถึง”
ประโยคนี้เขียนบนแผ่นกระดาษ วางเรียบในซองจดหมาย
ตอนแรกนรมนคิดว่าคิมจะเขียนอย่างอื่นลงไปด้วย ไม่คิดว่าจะมีแค่ประโยคเดียว
แทนที่จะบอกว่าเป็นสุขเช่นนี้ ทำไมเธอไม่บอกตัวเองสักคำว่าไม่ต้องช่วยผ่านวีแชทโดยตรง?
นรมนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย และพับจดหมาย แต่ทันใดภายในใจก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าจะบอกแค่ว่าปลอดภัย ก็ไม่ถึงกับว่าแค่ประโยคเดียวอย่างนี้ แถมยังบอกในวีแชทได้ ทำไมต้องส่งจดหมายกัน?”
นรมนพูดกับตัวเองตัวเองพลางอ่านจดหมายไปด้วย และสายตาก็หยุดอยู่ตรงที่ที่อยู่ทางไปรษณีย์
ยูนนาน?
คิดไม่ถึงว่าคิมอยู่ยูนนาน?
เธอส่งจดหมายทางไปรษณีย์ หรือเพื่อจะบอกที่อยู่ของตัวเองตอนนี้กัน?
นรมนรู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบต่อสายหาคิมทันที แต่โทรศัพท์ของคิมถูกระงับการใช้งานอยู่
ถูกระงับการใช้งาน?
ไม่ได้ปิดเครื่อง! ไม่ใช่ไม่มีหมายเลข แต่ถูกระงับการใช้งาน!
นี่มันไม่ปกติ
แม้ว่าคิมจะไม่ได้รวยล้นฟ้า แต่เธอก็ยังสามารถจ่ายค่าโทรศัพท์ได้ เธอจะปล่อยให้โทรศัพท์ถูกระงับการใช้งาน?
นรมนส่งข้อความไปหาคิมอีกครั้งผ่านวีแชท แต่อย่างไรก็ไม่มีคนตอบ
จู่ๆ เธอก็รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย
“อาเล็ก อาสาม พวกอาได้รับจดหมายจากแม่ของหนูไหม”
นรมนรีบไปถามธรณีและธรรศ
“ไม่นี่ ทำไมหรือ?”
“ตั้งแต่แม่หนูออกไปหลังจากนั้นเธอไม่เคยติดต่อมาหาพวกอาเลยหรือ?”
นรมนยังคงถามต่อไป
“ไม่นี่”
ธรณียังคงส่ายหัว
ธรรศเห็นความวิตกกังวลของนรมน เขารีบถามอย่างรวดเร็ว “ทำไม? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“พวกอาดูสิคะ จดหมายของแม่หนูมีแค่ประโยคเดียว มันไม่ถูก จะบอกว่าตัวเองปลอดภัยแค่ส่งมาทางวีแชทก็ได้แล้วนี่คะ ทำไมต้องส่งจดหมายแยกมาต่างหากด้วย?”
ความสงสัยของรมนทำให้ธรรศขมวดคิ้ว เขาหยิบจดหมายไปดู
“การกระทำนี้จริงๆแล้ว หรือเพื่อที่จะบอกให้นรมนรู้ว่าเธออยู่ที่ยูนนาน?”
“หนูโทรหาเธอ แต่โทรศัพท์ของแม่ถูกระงับการใช้งาน ไม่ตอบวีแชท หนูกังวลใจค่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่”
นี่คือสิ่งที่นรมนกังวลมากที่สุด
แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่เลือดก็ข้นกว่าน้ำ อย่างไรก็คือแม่ของตัวเธอเอง นรมนยังคงไม่สบายใจ
“เอาอย่างนี้ นรมน จดหมายฉบับนี้เอาไว้ที่อาก่อน อาจะให้คนไปสืบว่ามีที่อยู่ของแม่หนูจริงไหม ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรหรอก”
เมื่อธรรศพูดเช่นนี้ นรมนก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“โอเค นี่หนูเพิ่งกลับมาจากยูนนาน ถ้าหากรู้แม่ของหนูอยู่ที่นั่น หนูคงอยู่ที่นั่นอีกหน่อย”
นรมนรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย
“อาไม่โทษหนู ถ้าหนูไม่กลับมา พวกเราก็ไม่รู้ว่าในจดหมายของแม่หนูเขียนว่าอะไร พูดได้ว่าโชคชะตากลั่นแกล้งคน หนูไม่ต้องสนใจ เรื่องนี้อาจัดการเอง”
ธรรศรับเรื่องนี้ไป
นรมนรู้สึกว่าเวลานี้วุ่นวายมาก
ทำไมทุกเรื่องถึงมารวมกันอย่างนี้นะ?
เธอค่อนข้างอยู่ไม่เป็นสุข
ธรณีจูงมือของเธอมาก่อนพูด “บางครั้งชีวิตก็ไม่น่าพอใจอย่างที่เราคิด เราแก้ไขมันไปทีละเรื่องช้าๆ ตัวอย่างเช่น เรื่องของเจตต์ เรื่องของแม่หนู แล้วก็เรื่องที่หนูบอกว่าบุริศร์อยากจะสะสาจัดการตระกูลโตเล็ก ลองนึกถึงสิ่งที่หนูต้องจัดการก่อนแล้วเราค่อยๆแก้มันไปทีละข้อ มักจะแก้ไขได้ดีเสมอ”
นรมนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินธรณีพูดแบบนี้
เธอใช้ชีวิตมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว หลักการเช่นนี้ยังต้องให้ธรณีมาเตือนตัวเอง
“ลุงเล็กหนูเข้าใจแล้ว เรื่องของเจตต์มีพวกอาคอยช่วยสืบหาให้ หนูเองคงไปช่วยอะไรไม่ได้ จึงทำได้แค่ให้บุริศร์ช่วย เรื่องงานจัดระเบียบตระกูลโตเล็กหนูก็ทำไมได้ ตอนนี้คิดไปคิดมาแล้ว คงจัดการได้แค่เรื่องของแม่หนูเท่านั้น แต่ว่าแม่หนูกลับอยู่ในที่ที่ไกลขนาดนั้น ดังนั้นรบกวนอาสามไปตรวจสอบ วิเคราะห์ขนาดนี้แล้ว หนูก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้ความสามารถ”
ธรณีมองไปยังนรมน และพูดด้วยรอยยิ้ม “หมายความว่าทุกเรื่องหนูต้องจัดการด้วยตัวเองถึงจะเรียกว่ามีความสามารถหรือ? ในเมื่อสามเรื่องนี้หนูไม่มีทางทำมันด้วยตัวเองได้ ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจเล่าเรียนไป เตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน เรื่องอื่นรอพวกเราจัดการก็โอเคแล้ว”
“แต่อย่างนี้มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์นี่คะ”
“เด็กโง่ เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อน นั้นคือดีที่สุดแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของธรณี ในที่สุดนรมนก็เดินไปข้างหน้าต่อได้
“ก็คือ ถ้าอย่างนั้นหนูทานข้าวเสร็จแล้วจะไปเรียน เรื่องอื่นหนูรบกวนคุณอาแล้วกันนะคะ”
“โอเค”
เมื่อธรรศเห็นว่านรมนและธรณีค่อนข้างสนิทกัน จึงพูดอย่างอิจฉา “พวกเธอสองคนทำให้ฉันอิจฉานะ ทำอย่างไรดี? ฉันต้องการกอดปลอบ”
นรมนหัวเราะขึ้นมาทันที
“อาสาม เป็นผู้ชายวัยสามสิบกว่าแล้วนะคะ ทำไมทำงอนแอ๊บแบ๊วได้น่าอายขนาดนี้”
“ไม่สนหรอก ต้องการกอด”
ธรรศยื่นพูดพลางยื่นสองมือไปทางนรมน
นรมนรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยในทันใด
ถ้าตอนนี้เธอยังเป็นเด็กก็โอเค ตอนนี้เธอก็โตขนาดนี้แล้ว และอายุของพวกเขาก็ไม่ต่างกันมาก ซึ่งทำเธอทำตัวไม่ค่อยถูก
ในขณะนี้ กมลก็วิ่งตรงเข้ามา
“หม่ามี๊เป็นของแด๊ดดี้! ใครก็มากอดหม่ามี๊ไม่ได้!”
เธอวิ่งตรงไปข้างหน้านรมน ก่อนจะเหยียดแขนเล็กๆ ของเธอกางออก โดยมีนรมนอยู่ข้างหลัง เหมือนแม่ไก่แก่ที่คอยดูแลลูก
นรมนและธรรศชะงักไปนิด
ธรรศมองไปยังกมลด้วยท่าทีระมัดระวัง ก่อนจะยิ้มและถามว่า “ฉันเป็นอาสามของหม่ามี๊หนูนะ เป็นอาธรรศของหนู อาอยากให้หม่ามี๊กอดแล้วมันยังไง??”
“อาไม่ใช่เง็กเซียนฮ่องเต้ก็ไม่ได้! หม่ามี๊เป็นของแด๊ดดี้! แล้วก็คุณครูเคยพูดว่า ผู้หญิงกับผู้ชายกอดใกล้ชิดด้วยกันไม่ได้ จะทำให้มีลูกได้ง่าย”
คำพูดของกมล เกือบทำให้นรมนสำลักน้ำลาย
“กมล อย่าพูดซี้ซั้วสิลูก”
“หนูไม่ได้พูดซี้ซั้วนะ คุณครูพูดอย่างนี้จริงๆค่ะ”
กมลยังคงยึดมั่นในหลักการของตัวเอง
ธรรศหัวเราะจนปวดท้อง
เขายื่นมือไปทางกมล
กมลไม่รู้ว่าจะพูดอะไร รีบก้าวเข้าไปข้างหน้า ทันใดธรรศก็อุ้มเธอมาไว้ในอ้อมอก
“โอเค ตอนนี้อากำลังอุ้มหนู เป็นยังไง? หนูกำลังจะมีลูกแล้ว!”
กมลตกตะลึง ทันใดก็ร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที
“หม่ามี๊ ทำยังไงดี? อาธรรศเอาเด็กเข้ามาในท้องหนูแล้ว หนูไม่อยากมีลูก ไม่อยาก! ฮือ ฮือ… …”
นรมนมองไปยังธรรศที่ยืนหัวเราะชอบใจ จากนั้นมองไปยังใบหน้าเปื้อนน้ำตาของลูกสาว อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่ธรรศ
“อาสาม จริงจังหน่อยได้ไหม? ดูสิอาทำเด็กตกใจหมด!”
นรมนรีบอุ้มกมล และพูดว่า “ไม่มีเด็กค่ะ กมล หม่ามี๊จะบอกให้ กอดอย่างนี้ไม่สามารถมีเด็กหรอกค่ะ”
“มีได้ คุณครูหนูเคยบอก คุณครูไม่โกหก!”
ผลก็คือกมลร้องไห้กระจองอแงในอ้อมอก ไม่ว่านรมนและธรรศจะอธิบายปลอบอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
สุดท้ายกิจจาทนมองไม่ได้ พูดกระซิบ “กมล แด๊ดดี้ก็อุ้มเธอนะ ดูสิว่าเธอมีลูกหรือเปล่า?”
กมลหยุดร้องไห้ทันที
“ไม่มีค่ะ!”
“ดังนั้นสิ่งที่คุณครูพูดก็ไม่ถูกเสมอไป”
ประโยคสรุปของกิจจาทำให้กมลหยุดร้องไห้ทันที
“จริงไหม?”
“แน่นอน มานี่ พี่จะบอกเธอให้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในนี้”
กิจจาจับมือเล็กๆ ของกมล ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในห้องต่อหน้าต่อตาพวกผู้ใหญ่
“พวกเขาจะอธิบายกันอย่างไร?”
ธรรศรู้สึกเล็กน้อย
นรมนส่ายหัวและพูดว่า “ไม่สนว่าจะอธิบายยังไงค่ะ ในที่สุดก็ไม่ร้องแล้ว อาสาม โตขนาดนี้แล้ว อย่าแกล้งให้เด็กร้องไห้ได้ไหม?”
“อาไม่ได้ตั้งใจ”
ธรรศยักไหล่เล็กน้อยอย่างไร้เดียงสา
ธรณีมองไปที่พวกเขาสองคนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนพูดกระซิบ “พวกเธอช่างมันเถอะ ถ้าหากกมลสะเทือนใจ ก็คงไม่มาที่บ้านทวีทรัพย์ธาดาแล้ว ฉันจะดูสิว่าอาสามจะเสียใจทีหลังไหม?”
“ไม่หรอก?”
ธรรศรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ไม่แน่”
ธรณียังคงขู่เขา
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะกัน ทันใดโทรศัพท์ของนรมนก็แผดร้อง
เธอมองลงไปดู พลันสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที