“ผมรู้แล้ว พรุ่งนี้ผมจะผลักดันโครงการอันนี้”
ธรณีพยักหน้า
“เรื่องนี้อย่าเผยแพร่มากไป หาเหตุผลที่จำใจต้องทิ้ง อย่าให้คนอื่นลำบาก เธอก็รู้ เรื่องมากมายในศูนย์การค้ามันซับซ้อนซ่อนเงื่อน”
“ผมทราบแล้ว ขอบคุณครับอาเล็ก”
ธรณีโบกมือ
เมื่อนรมนชงชาและกลับมา เธอเห็นบุริศร์และธรณีกำลังเล่นหมากรุกกันอยู่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะลึงเล็กน้อย
“พวกคุณไม่เจรจาเรื่องความร่วมมือหรือคะ? มาเล่นหมากรุกได้อย่างไร?”
“เจรจาความร่วมมือเป็นข้ออ้าง อาแค่ไม่อยากให้สามีหนูเขาเหนื่อยเกินไป ให้อาสามทำไปคนเดียวเถอะ”
คำพูดของธรณีทำให้นรมนกระอักเลือด
“อาเล็กคะ อาสามจะเสียใจนะ”
“เขาเสียใจ ดีกว่าหนูเสียใจนี่”
นรมนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยิน
“ถ้าอย่างนั่น ทำร้ายคนอื่น เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองสินะคะ ถ้าอย่างนั่นก็ให้อาสามเสียใจเถอะ”
นรมนวางชาให้พวกเขาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันหน้ามองออกไปทางข้างนอก อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เด็กๆละคะ?”
“เล่นอยู่ข้างนอก แต่คราวนี้ไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาเลย เดี๋ยวอาออกไปดู”
“หนูไปดีกว่าค่ะ”
นรมนห้ามธรณี และวางแผนที่จะออกไปดูด้วยตัวเอง แต่บุริศร์ผลักกระดานหมากรุกออก และยืนขึ้นทันที
“ผมไปกับคุณเอง”
ธรณีแทบจะหดหู่จนตาย
“บุริศร์ ลงหมากไปครึ่งกระดานแล้วผลักออกนี่หมายความว่าอะไร?”
“เล่นหมากรุกไง เพื่อความบันเทิง ไม่เห็นสำคัญเลย ถือว่าอาชนะแล้วกันครับ”
บุริศร์จับไหล่ของนรมนและเดินตรงออกไปข้างนอก
ธรณีโกรธแทบบ้า
เห็นได้ชัดว่าเขาจะชนะ แล้วอะไรเรียกว่า ถือว่าอาชนะของมันกัน?
แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง นรมนและบุริศร์ก็ได้เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปกันแล้ว
“จริงๆฉันไปคนเดียวได้นะ คุณอยู่เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนอาเล็กก็ได้”
“ทักษะการเล่นหมากรุกของผมแย่มาก เล่นต่อไปความลับจะรั่วไหลเอา ขอบคุณเมียคนดีมากๆที่มาช่วยผม”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกขบขันเล็กน้อย
อะไรเรียกทักษะหมากรุกที่ไม่ดีของเขา?
แม้แต่คนนอกอย่างเธอก็สามารถเห็นได้ว่า บุริศร์กำลังต่อให้ให้ธรณี
ทำให้สามีของเธอลำบากใจแล้ว
“ภายหลังถ้าไม่อยากเล่นก็ไม่ต้องเล่น ไม่ใช่คนอายุเจ็ดแปดสิบปี เรียกครั้งเดียวอาเล็กก็โอเค”
บุริศร์อดไม่ได้ที่จะมีความสุขมากเมื่อเห็นว่านรมนรู้สึกรักตัวเองขนาดนี้
“ไม่เป็นไรนา ใครบอกว่าเขาแก่กว่าผมกัน อีกย่าง เป็นอาของคุณ ทำให้เขามีความสุข คุณก็มีความสุขไม่ใช่หรือ?”
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ค่อนข้างเอาใจตัวเอง บุริศร์เมื่อก่อนเป็นอย่างนี้เสียที่ไหนกัน? อยู่สูงเสียขนาดนั่น ตอนนี้ราวกับคนธรรมดา กลับทำให้เธอปวดใจ
“ไม่เป็นไร ผมสนุก”
บุริศร์ลูบศีรษะของนรมนและยิ้มอย่างนุ่มนวล
ทั้งสองออกมาข้างนอก แต่ไม่เห็นกิจจาและกมล
“พวกเด็กๆละ? ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ?”
“ไม่น่า บอดี้การ์ดต่างก็อยู่ที่นี่ เป็นไปไม่ได้ที่เด็กๆ จะเกิดอุบัติเหตุ ไม่ต้องกังวล คงไม่ได้เล่นอยู่ที่นี่ เราไปดูฝั่งนู้นเถอะ”
บุริศร์เห็นนรมนกังวลใจ อดไม่ได้ที่จะพูดโน้มน้าว อย่างไรก็ตามมีร่องรอยของความตึงเครียดในดวงตาของเขา
นรมนรีบวิ่งไปอีกทางด้านหนึ่ง
“กมล กิจจา! อยู่ไหนลูก?”
นรมนตะโกนอย่างตระหนก
เมื่อได้ยินเสียงร้องของนรมน กิจจารีบตะโกนตอบ “หม่ามี๊ เราอยู่นี่ กมลตกลงไปในสระน้ำครับ”
“อะไรนะ?”
นรมนก็เริ่มวิตกกังวลใจขึ้นมา
บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดกับนรมน “คุณอยู่นี่ ผมจะไปดู”
“จะให้ฉันอยู่กับที่ได้ยังไง คุณไปก่อน ฉันจะรีบตามไป”
นรมนรู้ว่าบุริศร์กังวลที่เธอไม่สามารถตามความเร็วเขาได้ทัน ตอนนี้เด็กๆสำคัญที่สุด เธอจึงพูดออกไป
บุริศร์พยักหน้า กล่าวว่า”ระวังตัวเองด้วย” จากนั่นจึงวิ่งไปที่บ่อน้ำ
ที่ขอบสระ กิจจากำลังหลั่งน้ำตาอย่างกังวล ข้างๆเขามีเสื้อคลุมของเด็กผู้ชายอยู่
“กิจจา เกิดอะไรขึ้นลูก?”
“แด๊ดดี้ กมลต้องการดอกบัวครับ ผมว่ายน้ำไม่เป็น ผมบอกว่าให้ลุงยามไปเก็บมาให้ น้องรับปากว่าจะอยู่ริมสระรอผม ใครจะรู้ผมเดินไปได้ไม่กี่ก้าว น้องก็ตกลงไปในสระแล้ว”
กิจจาร้องไห้เสียใจมาก
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อย่าร้องนะ ไม่มีอะไรหรอกลูก”
บุริศร์ลูบศีรษะของกิจจา ถอดเสื้อคลุมของเขาออก เตรียมจะลงไปช่วย ก็ได้ยินเสียงของกิจจาพูดว่า “ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว เขาออกมาแล้ว!”
บุริศร์เห็นเด็กชายอายุประมาณสิบเอ็ดสิบสองขวบในสระโดยกำลังอุ้มกมลมาทางนี้
“ส่งมือมาให้ฉัน”
หัวใจของบุริศร์อึดอัดขึ้นอย่างเร็ว
เด็กชายยื่นมือให้บุริศร์
บุริศร์ออกแรง ดึงพวกเขาขึ้นมา
“กมล!”
เขานำกมลขึ้นมาและ เริ่มทำการปฐมพยาบาล
กิจจาส่งเสื้อคลุมของเขาให้เด็กผู้ชายตัวจ้อย
“พี่ เช็ดหน้าพี่เสีย ขอบคุณที่ช่วยน้องสาวของผม”
“ไม่เป็นไร”
เด็กชายเช็ดหน้า และมองไปที่กมลอย่างใจจดใจจ่อ
กมลพ่นน้ำออกมา จากนั่นเสียง ว้าว ก็ดังขึ้น
“แด๊ดดี้ หนูกลัว!”
เธอกอดบุริศร์แน่น
หัวใจที่ตึงเครียดของบุริศร์ผ่อนคลายลง
“กลัวแล้วยังวิ่งมาข้างใน? เด็กคนนี้ไม่คิดว่าแด๊ดดี้กับหม่ามี๊จะตกใจตายหรือ?”
ในขณะที่พูด นรมนก็วิ่งมาพอดี
“กมล เป็นอย่างไรบ้างลูก?”
“แงแงแง หม่ามี๊”
กมลหันหลังกลับและกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของนรมน
บุริศร์มองไปที่ท่าทางกังวลของรมน และพูดอย่างเร็ว “ไม่เป็นไรแล้ว สำลักน้ำไปไม่กี่อึก ดีที่ยังช่วยได้ทันเวลา”
เมื่อเขาพูดอย่างนี้ บุริศร์ก็หันไปมองเด็กชายข้างๆ
“ขอบคุณที่ช่วยลูกสาวลุงนะ สวัสดี ลุงชื่อบุริศร์”
“สวัสดีครับ ผมชื่อดนัย อยู่แถวนี้ ช่วงนี้มักจะมาเล่นกับพวกเขาบ่อยๆ”
บุคลิกดูท่าใจดีของดนัยทำให้บุริศร์ชื่นชมอย่างมาก แต่คิดว่ามาเล่นกับลูกสาวตัวเองบ่อยๆ เขาอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
“บ้านอยู่แถวนี้หรือ?”
“ครับ ข้างบ้านนี่เอง”
ดนัยชี้ไปที่บ้านของเขา และตอบ
“โอเค ไว้วันหลังฉันจะไปของคุณด้วยตัวเองที่บ้าน”
“ไม่เป็นไรครับ กมลไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ผมขอตัวก่อน คุณลุงคุณน้าลาก่อนครับ กิจจาไว้เจอกันใหม่นะ!”
“เจอกันใหม่พี่ดนัย”
กิจจาโบกมือให้ดนัย ด้วยสายตาเคารพ
บุริศร์ยื่นมือดีดเรียกสติกิจจา และถามว่า “ลูกรู้จักเขาหรือ?”
“ครับ พี่ดนัยยอดเยี่ยมมาก ไม่ว่าอะไรก็เป็นที่หนึ่ง ผมอยากเรียนรู้จากเขา”
สีหน้าของกิจจามีความเคารพเต็มเปี่ยม
บุริศร์ข่มใจ ก่อนพูด “เขาเป็นคนอย่างไรลูกรู้ไหม? ถึงได้ไปเล่นกับคนอื่นอย่างนั่น แล้วยังพาเข้ามาในบ้านอาเล็กอีก”
“อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนไม่ดี”
กิจจาบุ้ยปาก
นรมนแตะไปที่หน้าผากของกมล ดูเหมือนจะร้อนเล็กน้อย
“บุริศร์ กมลอาจจะเป็นไข้ เรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
“โอเค!”
ทุกคนรีบกลับไปที่ห้องนั่งเล่นของบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
เพราะว่าการตกลงไปในน้ำของกมล ทำให้เกิดไข้สูง นรมนและบุริศร์จึงไม่ได้กินข้าวที่บ้านทวีทรัพย์ธาดา แต่พาลูกๆไปโรงพยาบาลแทน
ร่างกายของกมลมีความพิเศษเล็กน้อย หลังจากการปลูกถ่ายเธอกลัวว่าจะมีไข้ ตอนนี้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นนรมนและบุริศร์ต่างก็กังวลกันมาก
กิจจาตระหนักถึงปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ของร่างกายของกมล ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
“เป็นเพราะผมไม่ดี ผมไม่ดูแลน้องให้ดี”
“ไม่เกี่ยวกับลูกนะกิจจา อย่าโทษตัวเอง!”
แม้ว่านรมนจะเป็นห่วงกมล แต่เธอก็ไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้ทิ้งเงามืดทางจิตใจที่ไม่ดีไว้กับกิจจา
บุริศร์อุ้มกิจจามาไว้บนตักของตัวเอง ก่อนพูด “นี่เป็นเรื่องที่แด๊ดดี้และหม่ามี๊ไม่ได้บอกพวกลูกไว้ก่อนให้ชัดเจน ไม่เกี่ยวกับลูก อย่าโทษตัวเอง น้องไม่เป็นอะไร เธอแข็งแกร่งมาตลอด ใช่ไหม?”
“แต่น้องมีไข้นะครับ”
เสียงของกิจจาต่ำมาก เหมือนเด็กที่ทำอะไรผิด
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ลด”
บุริศร์ก็กังวลเช่นกัน แต่เขาไม่ต้องการส่งต่อความกังวลของเขาไปยังกิจจา เพราะกิจจายังเป็นเด็ก
นรมนก็เข้าใจมันเช่นกัน
เวลาที่รอคอยค่อนข้างทรมาน
บุริศร์มองไปยังท่าทางกังวลของนรมน และอดไม่ได้ที่จะนึกขึ้นมาว่า นรมนอยู่ดูแลกมลคนเดียวในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเข้าไปในห้องผ่าตัดกี่ครั้ง ทุกครั้งก็ไม่รู้ว่ากมลจะสามารถเข้มแข็งผ่านมันไปได้ไหม ช่วงเวลาที่กังวลและทรมานใจเช่นนั้น คงเป็นทุกข์มากกว่าตอนนี้
เขาจับมือของนรมนไว้แน่น รู้สึกว่าเขาทิ้งนรมนและเด็กๆไว้นานเกินไป
“หลายปีมานี้ ลำบากคุณมาแล้ว”
นรมนตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นดวงตาของเธอก็อบอุ่นเล็กน้อย
“ไม่เลยค่ะ กมลเข้มแข็งมาก ทุกครั้งที่ลูกเข้าห้องผ่าตัดลูกจะบอกฉันว่า หม่ามี๊หนูจะออกมาอย่างปลอดภัยแน่นอน ทุกครั้งจะคอยปลอบโยนฉัน เป็นกานต์ที่คอยอยู่เคียงข้างฉัน บางครั้ง ฉันก็คิดว่านะคะ ว่าในฐานะพ่อแม่ ฉันให้ร่างกายกมลแบบนี้ นี่ฉันรักเธอหรือกำลังทำร้ายเธอ?”
“อย่าพูดอย่างนั้น ปีนั่นผมจัดการเรื่องราวไม่ถูกต้อง ถ้าจะโทษ ก็โทษผมเถอะ ถ้าปีนั่นผมพูดอะไรไว้ชัดเจน ให้คุณอยู่ไม่ห่างกายคอยดูแล กมลก็คงไม่เปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้ 5ปีมานี้ลำบากคุณมามากแล้วนะ ภายหลังผมจะแบ่งเบาภาระคุณเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ผมจะไม่ทิ้งคุณอีกแล้ว”
นรมนพยักหน้า ก่อนหลบสายตาไปทางอื่น
เธอรู้สึกว่าตลอดมาเธอไม่สนใจ เธอไม่น้อยใจ แต่ในเวลานี้ เมื่อตอนได้ยินคำพูดของบุริศร์ ในที่สุดเธอก็กลั้นมันไม่ไหวอีกต่อไป
ที่แท้เธอยังคงมีความโกรธแค้นตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้
“โอเค โอเค กมลจะไม่เป็นไร”
บุริศร์ดึงนรมนมาไว้ในอ้อมแขนของเขา
เมื่อเห็นว่านรมนกำลังร้องไห้ กิจจาจึงยื่นมือเล็กๆ ของเขาออกไป และจับไปยังมือของนรมนไว้แน่น ก่อนพูดว่า “หม่ามี๊ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนหม่ามี๊ครับ คราวหน้าผมจะไม่ไปไหนไกล ผมจะอยู่ข้างกายคอยเป็นเพื่อนหม่ามี๊ โอเคไหม?”
“โอเคลูก”
นรมนเห็นกิจจากอดเอาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
ก่อนหน้านี้คือกานต์ที่อยู่กับเธอในคืนที่นอนไม่หลับนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้เป็นบุริศร์และกิจจาที่อยู่เป็นเพื่อน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือกมลที่ยังคงนอนอยู่ข้างใน
นรมนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตกมลจะไม่มีวาสนากับโรงพยาบาล
ไฟห้องผ่าตัดยังคงสว่างตลอด กังวลมาก
นรมนออกจากอ้อมกอดของบุริศร์อย่างตรมใจ เดินไปมาที่ทางเดิน มองไปยังห้องผ่าตัดเป็นครั้งคราว
ในความกังวลและตระหนกของทุกคน ในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก นรมนเป็นคนแรกที่เดินไป อยากจะรู้เหลือเกินว่ากมลเป็นอย่างไรบ้าง