แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 814

ตอนที่ 814

นรมนอยากจะพูดเหลือเกินว่ากลัวซะที่ไหน แต่นึกถึงลูกในท้องของตนเอง และนึกถึงความอำมหิตและความเหี้ยมโหดของเรณุกา เธอรีบกล่าวว่า: “ฉันคุกเข่าแล้ว ฉันคุกเข่าแล้วพอใจหรือยัง?”

พูดจบ เธอค่อย ๆ คุกเข่าลงไป

เมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ต้องยอมถอยเพื่อที่จะไม่ได้เป็นเบี้ยล่างในขณะนั้น ถึงแม้จะมีความช่วยเหลือของบุริศร์ แต่เข้ามาแล้วยังต้องพึ่งพาตัวเองทุกอย่าง

คิดถึงตรงนี้ นรมนคุกเข่าให้เรณุกาอย่างไม่เต็มใจสุด ๆ

เห็นนรมนยอมแพ้ตนเอง รอยยิ้มของเรณุกายิ่งสว่างไสว

“เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?ฉันแนะนำให้แกเชื่อฟังฉันดี ๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัว”

“ได้ แกอยากให้ฉันปลอมเป็นฉัตรยาเพื่อแต่งงานกับรเมศใช่ไหม?ฉันอยากถามแกจริง ๆ ทำไมแกต้องทำแบบนี้?ฉัตรยาคือลูกตระกูลจันทรวงศ์ของพวกแก แต่งงานไปไม่ใช่ว่าจะไม่ดี แต่แกลืมไปแล้วหรือไง?ฉันคือเมียของลูกชายแก เป็นลูกสะใภ้ของแก เป็นแม่ของหลานแก แกให้ฉันแต่งกับรเมศ แกไม่รู้สึกว่าสิ่งนี้จะทำลายหลักศีลธรรมเหรอ?”

คำพูดของนรมนทำให้เรณุกาหัวเราะเสียงดังขึ้นทันที

“หลักศีลธรรม?แกนับว่าเป็นลูกสะใภ้ของฉันเหรอ?ฉันไม่มีลูกชาย มีลูกชายซะที่ไหน?ถ้านังป้าโอไม่คลอดลูกให้ตระกูลโตเล็ก และฉันคิดว่าฉันสามารถควบคุมเด็กสองคนนั้นได้ แกคิดว่าฉันจะยินดีให้คนรับใช้คลอดลูกเหรอ?แถมยังเอาลูกของคนรับใช้มาเป็นลูกของตัวเองอีก?พวกมันคู่ควรเหรอ?”

คำพูดของเรณุกาทำให้ดวงตาของนรมนหรี่ลงเล็กน้อย

“แกไม่ได้ชอบตรินท์มากเหรอ?”

“นั่นเป็นเพราะตรินท์เชื่อฟัง!ถ้าบุริศร์สามารถเชื่อฟังได้เหมือนตรินท์ ตอนนี้ฉันอาจจะดีกับเขา น่าเสียดาย เขาเห็นแก่คนนอกอย่างแก คิดไม่ถึงว่าจะทิ้งฉันไว้ในสุสานปล่อยให้ฉันตายไปเอง!มีลูกชายเนรคุณแบบนี้ ฉันไม่สู้ฆ่าเขาไปเลยดีกว่า!”

“นั่นไม่ใช่เพราะแกโหดร้ายและใช้อำนาจบาตรใหญ่เหรอ?”

นรมนรู้สึกว่าทัศนคติและค่านิยมของเรณุกามีปัญหา แม้แต่การให้ค่าก็มีปัญหา

เรณุกากลับกล่าวอย่างไม่สนใจ: “ฉันจะเป็นอย่างไรแกไม่ต้องมาเดือดร้อนหรอก แกคิดถึงตัวของแกเองเถอะ ฉันได้ยินมาว่าห้าปีที่แกอยู่กับตระกูลวัชโรทัย คุณนายวัชโรทัยก็ไม่ชอบแก ตอนนี้ถึงแม้แกจะแต่งเข้าไปในฐานะตระกูลจันทรวงศ์ แต่ฉันคิดว่าคุณนายวัชโรทัยคงจะมองออก สิ่งที่ฉันจะพูดก็คือ ถ้าแกทำให้คุณนายวัชโรทัยมองออกว่าแกเป็นตัวปลอม แกรอฉันล้างบางตระกูลโตเล็กได้เลย”

“แกจะไม่พูดจาโอเวอร์ไปหน่อยเหรอ? คิดไม่ถึงว่าแกคนเดียวจะล้างบางตระกูลโตเล็กได้?”

นรมนรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่ง

เรณุกากลับตอบด้วยรอยยิ้มเย็นชา: “เธออาจจะไม่รู้ถึงความร้ายกาจของตระกูลจันทรวงศ์ของพวกเรา ฉันก็ไม่กลัวที่จะบอกความจริงกับเธอว่า ตอนแรกที่ฉันแต่งงานกับพ่อของบุริศร์ เป็นการตัดสินใจของวงศ์ตระกูล และหลังจากนั้นให้บุริศร์สมัครเข้าเป็นทหาร ก็เป็นความต้องการของพวกเราตระกูลจันทรวงศ์ พวกเราตระกูลจันทรวงศ์อาจจะไม่เป็นที่รู้จักในสายตาของพวกแกและคนเหล่านั้น แต่ฉันจะบอกแกให้นะ เพียงแค่ฉันพูด โลกทั้งใบต้องสั่นสะเทือนเพราะพวกเราตระกูลจันทรวงศ์ แกเชื่อไหม?”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน แน่นอนว่านรมนจะไม่มีทางเชื่อ คิดว่าเรณุกาขู่ขวัญเธอ แต่ตอนนี้รู้ความเป็นมาของตระกูลจันทรวงศ์ นรมนจึงไม่กล้าดูถูกพวกเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ตระกูลจันทรวงศ์อยู่ในความดูแลของเรณุกา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

เรณุกาเห็นนรมนไม่โต้แย้ง จึงเกิดความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมา

“แกคิดว่าฉันรู้สึกดูถูกที่แกเป็นลูกสะใภ้ของพวกเราตระกูลโตเล็ก แกคงไม่คาดคิดว่าฉันก็รู้สึกดูถูกตระกูลโตเล็กที่เป็นตระกูลของสามีฉันเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะความต้องการของพ่อแม่ฉัน แกคิดว่าฉันจะแต่งกับตระกูลโตเล็กวงศ์ตระกูลที่เสื่อมโทรมเหรอ?แกคิดว่าฉันชอบพ่อของบุริศร์ขนาดนั้นเลย?ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลโตเล็กครอบครองกองกำลังของอาณาจักรรัตติกาลเอาไว้ ฉันจะทำให้ตนเองลำบากเหรอ?น่าเสียดาย ฉันเสแสร้งมาทั้งชีวิต มาถูกจับได้ตอนสุดท้าย ฉันจึงต้องจบชีวิตของเขาด้วยมือของฉันเอง โลกภายนอกต่างเข้าใจว่าพวกเราสองสามีภรรยามีความรักที่ลึกซึ้ง ใครจะสาวมาถึงตัวของฉันได้?”

คำพูดของเรณุกาทำให้นรมนตื่นตกใจ

“แกฆ่าคุณพ่อ?”

“แกรู้ไปแล้วจะได้อะไร?แกคิดว่าตัวเองยังจะสามารถออกไปจากตระกูลจันทรวงศ์ได้เหรอ?หรือจะสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของฉัน?”

เรณุกาทำสีหน้าเหยียดหยาม

“ในตระกูลโตเล็กพวกแกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ในสถานที่ของฉัน แกยังสามารถพลิกแผ่นดินหนีได้เหรอ?ฉันรู้ว่าบุริศร์ส่งคนมาสอดแนมในตระกูลจันทรวงศ์ แต่แล้วจะเป็นอย่างไรล่ะ?ฉันสามารถปล่อยให้เขาสอดแนมไป ไม่กลัวว่าเขาจะสามารถเอาแกออกไปจากกำมือของฉันได้”

นรมนรู้สึกใจหาย

เธอไม่รู้ว่าบุริศร์ส่งคนเข้ามาสอดแนมในตระกูลจันทรวงศ์ และคิดไม่ถึงว่าเรณุกาจะรู้ตัวแล้ว

เห็นนรมนมีท่าทางหวาดกลัว เรณุกาลำพองใจยิ่งนัก

“เข้ามา ให้มันได้เห็นชะตากรรมของคนที่คิดทรยศฉันว่าเป็นอย่างไร?”

เรณุกาออกคำสั่ง คนสองสามคนถูกลากเข้ามา เพียงแต่เมื่ออยู่ตรงหน้านรมน ร่างกายของพวกเขาชุ่มไปด้วยเลือด เต็มไปด้วยแผลทั้งตัวนานแล้ว จนแม้แต่ขาหักแขนหัก

นรมนมองสภาพของคนเหล่านี้ แววตาของพวกเขามองนรมนด้วยความวิงวอน

นั่นเป็นแววตาที่ไม่สนใจชีวิตอีกแล้ว เป็นแววตาที่ต้องการจะหลุดพ้นอย่างยิ่ง

ถ้าตอนนี้นรมนมีมีดอยู่ในมือ เธออยากจะให้มีดแก่พวกเขา ให้พวกเขาหลุดพ้นโดยสิ้นเชิง

บางครั้งคนเราก็รู้สึกว่าการตายดีกว่าการมีชีวิตอยู่จริง ๆ

นรมนรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าไม่ใช่เพราะปกป้องตนเอง พวกเขาคงไม่ถูกบุริศร์ส่งมา บางทีชีวิตของพวกเขาอาจมีความเป็นไปได้อย่างอื่น แต่แน่นอนว่าจะไม่มีความเป็นไปได้อย่างในเวลานี้

เรณุการู้สึกพึงพอใจกับการเอาคนมาเล่นในมือของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมองเห็นแววตาของนรมนกับคนเหล่านั้น เธอยิ่งชอบความรู้สึกที่เหนือกว่าเช่นนี้

“เห็นแล้วใช่ไหม?บุริศร์คิดจะสู้กับฉัน เขายังอ่อนไปหน่อย!หลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่ได้เป็นคนสอนเล่ห์เหลี่ยมทุกอย่างของเขาหรือไง?ฉันอยากจะให้เขาตายเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าแกอยากให้บุริศร์ปลอดภัย ทางที่ดีเชื่อฟังฉันซะ ฉันรู้ว่าพวกแกมีความรอบคอบ ส่งลูก ๆ ไปในเขตทหารแล้ว แต่ฉันจะบอกแกให้นะ ตราบใดที่ฉันต้องการ ไม่ต้องพูดถึงค่ายทหารของธรรศ ไม่ว่าจะเป็นค่ายทหารอื่น ฉันก็พาพวกเขาออกมาได้เหมือนเดิม ยกเว้นพวกเขาทำการการฝึกภาคสนาม”

คำพูดของเรณุกาทำให้นรมนหวาดหวั่นทันที

แม้แต่เรื่องนี้เรณุกายังสามารถทำได้ น่าหวาดกลัวเหลือเกิน!

เธอจินตนาการไม่ออกว่าความน่ากลัวของเรณุกาจะไปถึงขนาดไหน

เห็นนรมนเสียขวัญ เรณุกาถึงจะหัวเราะออกมาอย่างไม่แยแส: “แต่งงานกับรเมศแทนฉัตรยาอย่างเชื่อฟัง แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกเขา ไม่อย่างนั้น แกจะกลายเป็นคนบ้านแตกสาแหรกขาด ไม่เหลืออะไรสักอย่าง อันที่จริงแกลองคิดดูนะ รเมศชอบแก แต่งงานกับเขาไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายเลยจริงไหม?”

นรมนเงียบสนิท

เธอถูกขู่ให้เสียขวัญ ถูกขู่ให้เสียขวัญจริง ๆ

ก่อนหน้านี้ยังมาด้วยความมั่นใจเต็มร้อย ว่าสามารถพานภดลออกไปจากที่นี่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนโยนตนเองเข้ามาในแหจริง ๆ

แต่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มา ด้วยฝีมือของเรณุกา ก็จะสามารถทำให้เธอต้องมา

“นภดลล่ะ ?ฉันอยากเจอหน้านภดล นี่เป็นคำขอร้องพื้นฐานที่สุดของฉัน”

เรณุกายิ้มอย่างไม่แยแส ไม่คิดจะให้ในสิ่งที่เธอต้องการ

หัวใจของนรมนยังคงจมดิ่งไม่หยุด

“นภดลเป็นผู้มีพระคุณของฉัน เขาเคยดีกับฉันมาก ฉันอยากเห็นว่าเขาสบายดีหรือเปล่า คำขอร้องเล็กน้อยเพียงแค่นี้แกไม่ตอบรับเหรอ?”

“นภดลเป็นผู้มีพระคุณของแกมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?มิหนำซ้ำนภดลเป็นใคร?มันก็แค่หมาตัวหนึ่งในตระกูลจันทรวงศ์ของพวกเรา ตอนแรกแม่ของมันขายให้ตระกูลจันทรวงศ์ พวกเราให้เงินพวกมันไปก้อนโต ถึงจะให้พวกมันมีคุณสมบัติเป็นคนทดลองยาของตระกูลจันทรวงศ์ของพวกเรา วันนี้ถึงแม้ว่าเลือดทุกหยดในร่างกายของนภดลเป็นของพวกเรา คิดไม่ถึงว่ามันจะให้เลือดไปรักษาแกโดยไม่เคยขออนุญาตจากพวกเรา ฉันไม่เอาคืนก็ถือว่าดีแล้ว แกยังจะอยากเจอมันอีก?”

เรณุกาพูดจบอย่างเย็นชา สั่งให้คนควบคุมตัวของนรมนเอาไว้

“เอามันไปที่ห้องของฉัตรยา”

ได้ยินเรณุกาพูดแบบนี้ คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ร้อนรนทันที

“คุณย่ารอง คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ฉัตรยายังอยู่ในห้อง!”

“ให้พวกเธอทั้งสองได้ทำความรู้จักกันสักหน่อย”

คำพูดของเรณุกาทำให้นรมนเข้าใจทันที ร่างของฉัตรยาตอนนี้ยังวางอยู่ในห้อง

ฉัตรยาตายไปนานแล้ว เธอยังไม่ฝังก็ไม่เป็นไร วันนี้ยังคงวางอยู่ในห้อง หรือว่าพวกเขาไม่กลัวร่างของฉัตรยาเน่าเปื่อย?

นรมนรู้สึกว่าเรณุกามีจิตใจวิปริตอย่างยิ่ง

คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ร้องไห้ยังคิดจะพูดอะไรอีก กลับถูกดร.ฐานทัตห้ามเอาไว้

คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ที่เชื่อฟังมาตลอดควบคุมอารมณ์ไม่อยู่โดยสิ้นเชิง

“คุณจะดึงฉันทำไม ?ลูกสาวของคุณเพิ่งจะตายไปได้ไม่นาน ยังจะถูกคนรบกวนอีก คุณเป็นพ่อทั้งคนยังจะมาดึงฉันทำไม?”

สีหน้าของดร.ฐานทัตดูไม่ได้ขึ้นมาทันที

“คุณหุบปากซะ!”

“หุบปาก?ทำไมฉันต้องหุบปากด้วย?ลูกสาวของฉันตายแล้ว! แม้แต่งานศพอย่างสมเกียรติก็ไม่มี ทำไมฉันต้องหุบปาก?”

คุณนายตระกูลจันทรวงศ์เริ่มตีโพยตีพาย

เรณุกาไอออกมา เอ่ยถามอย่างเย็นชา: “แม่ฉัตรยา เธอหมายความว่าอะไร?เธอกำลังสงสัยการตัดสินใจของฉันเหรอ?อีกอย่างลูกสาวของเธอตายซะที่ไหน? ไม่ได้ยืนอยู่ข้างเธอเหรอ?”

“เธอไม่ใช่ เธอเป็น……”

“ผมบอกให้หุบปาก!”

ดร.ฐานทัตตบหน้าของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทันที เขาใช้แรงมากจนคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ล้มไปบนพื้น

“คุณจะมาพูดจาพล่อย ๆ อยู่ตรงนี้ทำไม? ยังไม่ได้กินยาใช่ไหม? ไสหัวกลับห้องไปซะ!”

ดร.ฐานทัตหน้าแดง ไม่รู้ว่าโกรธหรือเกิดอะไรขึ้น

เรณุกาส่งเสียงออกทางจมูกอย่างเย็นชาและกล่าวว่า: “ฐานทัต ถ้าแกจัดการเมียของแกไม่ได้ ฉันไม่รังเกียจที่จะหาคนมาช่วย”

“คุณย่ารอง ผมสามารถจัดการได้ ผมทำได้ครับ!”

ในระหว่างที่พูดดร.ฐานทัตก็ลากคุณนายตระกูลจันทรวงศ์กลับไปที่ห้องด้วยตนเอง

คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ร้องไห้ฟูมฟาย แต่กลับไม่กล้าส่งเสียงดัง ชีวิตที่สิ้นหวังแบบนี้นรมนเห็นแล้วรู้สึกอึดอัดใจมาก

หรือว่าชีวิตของเธอจะต้องถูกคนอย่างเรณุกาควบคุม?

เรณุกาเห็นนรมนครุ่นคิด ก็กลัวเธอมีลูกไม้อะไรอีก จึงรีบพูดกับคนด้านข้าง: “งงอะไรกันอยู่?รีบพาเธอไปที่ห้องของเธอให้ฉันสิ!”

คนเหล่านั้นไม่กล้าขัดขืน รีบลากนรมนไปโดยปริยาย

นรมนก็ไม่กล้าต่อสู้ดิ้นรน กลัวทำให้ลูกในท้องบาดเจ็บ ในเวลานี้ เธอต้องปกป้องตนเองก่อนถึงจะถูก

เธอเชื่อว่า บุริศร์จะต้องมีวิธีทำให้พวกเขาเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นปลอดภัย

คนกลุ่มหนึ่งลากนรมนมาที่ประตูห้องของฉัตรยา แต่กลับไม่กล้าเข้าไป

“เธอเข้าไปเองเถอะ อย่าทำให้พวกเราลำบากเลย”

ถึงแม้คนเหล่านี้จะพูดเช่นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวห้องนี้เป็นอย่างยิ่ง

นรมนกลับรู้สึกแปลกใจ

นี่ไม่ใช่ห้องของฉัตรยาเหรอ?

ฉัตรยาไม่ได้ตายไปแล้วเหรอ?

หรือว่ามีผี?

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท