“บุริศร์ แม่ต้องยอมรับ ลูกเป็นลูกที่แม่ภูมิใจที่สุด!และก็เป็นคนที่แม่ภาคภูมิใจที่สุด แต่ลูกกลับมาต่อกรกับแม่เพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว ลูกคิดว่าลูกเป็นเจ้าพ่อเมืองชลธีแล้วจะมาต่อกรกับแม่แบบนี้ได้เหรอ ต่อให้ลูกรู้ว่าแม่เป็นคนบงการมินทร์ให้ทำแบบนั้นแล้วไง ลูกจะทำให้แม่เห็นว่าลูกเลิศเลอ เป็นลูกที่ถูกทิ้งของตระกูลจันทรวงศ์ ตายอย่างไร้มลทินงั้นเหรอ”
คำพูดของเรณุกาทำให้บุริศร์ต้องส่ายหน้า
“ไม่ แม่ไม่ได้มีใจตั้งแต่แรก ผมเคยบอกแล้ว ผมรู้ทุกการเคลื่อนไหวของแม่ เพราะฉะนั้นแม่บอกผมเถอะครับ คุณแม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตายของตรินทร์หรือเปล่า”
“จะไปเกี่ยวกับแม่ได้ไงล่ะ แม่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักหน่อย และแม่ก็เร่งไปตอนก่อนที่ตรินทร์จะตายด้วยแม่ไปส่งเขานะ แม่เองก็เอ็นดูตรินทร์ แม่จะไปทำให้เขาตายได้ไงล่ะ”
คำพูดของเรณุกาจริงใจอย่างยิ่ง แต่บุริศร์กลับไม่เชื่อ
“แม่เอ็นดูตรินทร์ ก็แค่เพราะตรินทร์ชอบพึ่งพิงแม่ และตรินทร์คิดว่าแม่เป็นแม่จริงๆ แต่แม่คิดยังไงกับตรินทร์ ก่อนหน้าผมอาจจะรู้สึกว่าแม่ดีกับตรินทร์จริงๆ แต่ว่าตอนนี้ผมเพิ่งรู้ ทุกอย่างพวกเราไร้เดียงสากันเกินไป แม่ดีกับตรินทร์ ก็แค่เผื่อเหลือเส้นทางไว้ให้ตัวเองเท่านั้น และก็เป็นการเตือนผม ว่าเวลาที่ผมไม่เชื่อฟังตรินทร์ก็จะมาแทนที่ผมทันที ผมกรุยทางให้กับตระกูลโตเล็กแล้วล่ะ คงไม่ต้องการคนมีความสามารถอย่างผมมาเฝ้ารักษาแล้วมั้ง ดังนั้นตรินทร์จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมแม่ต้องทำตรินทร์ให้ถึงตายด้วย หรือว่าเขาไปค้นพบความลับอะไร”
คำพูดของบุริศร์ทำให้เรณุกาเปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดบึ้ง
“แกซีซัวะพูดอะไรน่ะ ฉันเคยบอกแล้วไง การตายของตรินทร์ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“ถ้าฉันไม่รู้ว่าแกเป็นคนของตระกูลจันทรวงศ์ ถ้าฉันไม่รู้ว่าลูกสาวของตระกูลจันทรวงศ์แต่งออกไปอย่างมีจุดหมายกันทุกคน บางทีฉันอาจจะสงสัยในตัวแก ป้ายหยกบนตัวตรินทร์น่ะต่อให้ตายก็ยังไม่ห่างตัวแม้แต่น้อย กฏของตระกูลโตเล็ก คนอยู่ป้ายหยกอยู่ คนตายป้ายหยกถูกฝังเคียงคู่ แต่ว่าตอนที่ตรินทร์ตาย ฉันยังไม่ได้ตัดป้ายหยกออกมา ตอนนั้นฉันเองก็สงสัย ต่อมาได้รับป้ายหยกจากกานต์ ถึงได้เห็นว่าป้ายหยกมีข้อแตกต่าง แกรู้มั้ยว่าตรงไหน”
บุริศร์หยิบป้ายหยกออกมาจากกระเป๋า
เรณุกาสีหน้าบูดเบี้ยวยิ่งขึ้น
บุริศร์รู้ว่า หล่อนรู้ดีอยู่แก่ใจ
“แม่เองก็รู้ดีใช่ไหมครับ บนป้ายหยกนี้มีจุดที่แตกร้าว แม้ว่าแม่จะเคยหาช่างที่มีฝีมือที่สุดในโลกมา ซ่อมแซมมัน แต่ผมก็ยังเห็นความแตกต่างบนนั้นได้อยู่ดี ตรงนี้มีรอยร้าว และด้านในรอยร้าวมีคราบเลือดซึมลงไป แม้ว่าช่างซ่อมหยกจะซ่อมแซมกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรียบร้อยแล้ว แต่เสียดายที่หยกแตกแล้วก็คือแตกแล้ว ต่อให้ซ่อมได้ดีแค่ไหน ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ถ้าแม่เอ็นดูตรินทร์จริงๆ บางทีหยกชิ้นนี้ของตรินทร์อาจจะตกแตกในสนามรบก็ได้ แต่แม่ทนไม่ได้ ก็เลยหาคนมาซ่อมแซม แต่หลังจากที่ผมรู้ความทะเยอทะยานในใจแม่ ผมก็รู้ ว่าแม่คงไม่ทำเรื่องไร้สาระอะไรพรรคนี้หรอก นอกเสียจากว่าการตายของตรินทร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่ แม่กลัวคนอื่นจะดูออก หรือว่าสืบสาวอะไรได้ แม่ถึงได้ยอมเสียเวลามาทำตรงนี้ ผมได้ตรวจสอบข้อมูลแม่แล้ว และก็หาช่างซ่อมคนนั้นเจอแล้วด้วย”
พอบุริศร์พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าเรณุกาก็บูดเบี้ยวเกินทน
“แกตรวจสอบฉัน?”
“ผมไม่ควรตรวจสอบแม่หรือครับ ในตอนที่แม่ทำแบบนั้นกับนรมน ในตอนที่แม่ขับไล่กิจจาที่กำลังเป็นโรคซึมเศร้าออกไปจากตระกูลโตเล็กอย่างโหดร้าย ผมก็เริ่มตรวจสอบแม่แล้ว ผู้หญิงที่ใจอ่อนคงจะไม่ไล่กิจจาออกไปแบบนั้นแน่ ต่อให้แม่เห็นต่างกับนรมนก็เถอะ ก็คงไม่ละทิ้งความเป็นความตายของลูกหลานตระกูลโตเล็กอย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าแม่ไม่ได้ใส่ใจความเป็นไปของตระกูลโตเล็ก และยิ่งไม่สนใจความเป็นความตายของลูกหลานตระกูลโตเล็ก แม่ก็เลยไม่เป็นไร แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะตรวจสอบแม่ไม่ได้ ก็เพียงแต่ในตอนที่แม่อาศัยจังหวะอุบัติเหตุรถยนต์ผมยังไม่ทันได้ตรวจสอบสิ่งที่ผมอยากรู้ก็แค่นั้นเอง ตอนนี้ต่อหน้าผม หลังจากที่ผมได้รู้ตื้นลึกหนาบาง แม่ยังต้องมาแสดงละครแม่ลูกอะไรตบตาผมอีก แม่คิดว่าผมจะถูกหลอกง่ายๆหรือครับ”
บุริศร์แค่นหัวเราะ
สีหน้าของเรณุกาค่อยๆสงบลงจากความเดือดดาล
หล่อนมองดูบุริศร์ มองดูชายที่หล่อนเลี้ยงดูมากับมือแต่อ้อนแต่ออก จู่ๆพูดเสียงค่อยขึ้น“ฉันเสียใจมาก ตอนที่แกเพิ่งเกิด ไม่สิ ตอนที่แกแสดงออกว่าแกเป็นอัจฉริยะ ฉันควรจะฆ่าแกตัดไฟเสียแต่ต้นลม ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะฉันต้องการลูกมาทำให้ตำแหน่งตัวเองในตระกูลโตเล็กมั่นคง ฉันจะปล่อยให้แกรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ไง ถ้าแกเป็นคนธรรมดาอย่างตรินทร์ก็ช่างเถอะ แต่ทำไมแกต้องโดดเด่นขนาดนี้ด้วย ฉันประมาทเอง ฉันเสียดายความอัจฉริยะของแก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการฝังระเบิดเวลาให้ตัวเอง”
“พูดมามากมายขนาดนี้จะไปมีประโยชน์อะไรเล่าครับ ผมก็ยังมีชีวิตอยู่นี่ และก็มีชีวิตอยู่มาถึงปัจจุบัน แล้วก็มายืนต่อกรกับคุณแม่อยู่นี่ไงเล่าครับ เพราะฉะนั้น บอกผมเถอะ ทำไมต้องฆ่าตรินทร์”
ครั้งนี้เรณุกาไม่ได้โต้ตอบกลับ หากถามกลับไปตรงๆ“แกเอาอะไรมาอ้างว่าการตายของตรินทร์เกี่ยวกับฉัน?”
“เพราะแม่เป็นหญิงตระกูลจันทรวงศ์ !ผมเจอบันทึกในปีนั้น ผมประวัติของฆาตกรในนั้น ภรรยาของเขาก็เป็นคนตระกูลจันทรวงศ์ ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้าไม่รู้ภารกิจของผู้หญิงตระกูลจันทรวงศ์ ผมก็อาจจะคิดเป็นอื่นก็ได้ ผมเองก็เคยถามธัญญา เธอบอกว่าแม่เป็นคนควบคุมทุกอย่างในตระกูลจันทรวงศ์มานานแล้ว ตอนนั้นแม่เพิ่งแต่งเข้ามาในตระกูลโตเล็กไม่นาน ดังนั้นผมจึงมองออกจากระยะเวลา ภรรยาฆาตกรนั่นแต่งงานหลังแม่ไม่นาน น่าจะเพราะแม่เป็นคนจัดแจง ต่อให้ตรินทร์ไปตรวจสอบคดียาพิษ แต่จากความสัมพันธ์ในสมรภูมิกับผม พวกเขาก็จะต้องปกป้องตรินทร์อย่างดี แต่ตรินทร์กลับต้องตาย สิ่งนี้ทำให้ผมไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว อาจจะเพราะตรินทร์ค้นพบสถานภาพของแม่ หรือบางทีแม่อาจจะมีอะไรพัวพันกับฆาตรกรพวกนั้น ก็เลยกลัวว่าเขาจะนำพาความซวยมาให้ใช่ไหม”
บุริศร์ยิ่งพูดยิ่งเกิดอารมณ์
ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีอีกหลายคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ ตอนนี้เขาอาจจะควบคุมตัวเรณุกาแล้วก็ได้
เรณุกาแค่นหัวเราะพูดขึ้น“ถ้าแกอยากรู้ขนาดนั้น สู้ลงไปถามเขาเองดีมั้ย”
ในตอนที่พูด เธอโบกมือ จากนั้นจึงมีคนจำนวนมากออกมาห้อมล้อมตัวบริศร์ไว้ แต่ละคนพกพาอาวุธ เรณุกายิ้มแล้วพูด:“ฉันยอมรับว่าแกสู้เก่ง แต่ฉันไม่เชื่อ ถ้าคนจำนวนมากตีวงล้อมโจมตีแกแบบนี้ แกยังจะหลุดไปได้มั้ย ทิ้งชีวิตเพื่อผู้หญิงคนเดียว บุริศร์ เรื่องโง่ๆแบบนี้มีแต่แกเท่านั้นแหละที่ทำได้ ฉันคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกันมาโดยตลอด เป็นคนที่ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าฉันดูผิดไป ถ้าจะโทษแกก็โทษตัวเองที่มีความรู้สึกพลุ่งพล่านก็แล้วกัน”
หล่อนทำไม้ทำมือ คนกลุ่มนั้นจึงกระโจนใส่บุริศร์
บุริศร์ขมุ่นคิ้ว พูดเสียงเย็น“เรณุกา เธอมีชีวิตนานเกินไปแล้ว นานจนเธอคิดเองเออเอง สายตาที่ทะเยอทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉันว่าเธอควรตื่นได้แล้ว”
“หมายความว่าไง”
เรณุกายังไม่ทันได้ตั้งตัว บุริศร์ก็ผิวปากขึ้น
ทันใดนั้นพวกที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็เข้าไปตีวงล้อมที่ตัวเรณุกา
“คนพวกนี้เป็นใครกัน ฉันคุมตัวพวกคนตระกูลโตเล็กไว้ดีแล้วนี่นา!”
เรณุกาตกตะลึง
บุริศร์พูดเสียงเย็น“ในตอนที่อำนาจของตระกูลโตเล็กเกิดปัญหา น่าจะเป็นตอนเผาศพนรมนเมื่อห้าปีก่อน แม้ว่าเธอจะทำเต็มที่ คนอื่นก็มองออก แต่ฉันก็ยังคงระมัดระวังตัว นับแต่ตอนนั้น ฉันก็ให้พฤกษ์แอบฝึกคนของฉันขึ้นมากองหนึ่ง ตอนนี้เพียงพอที่จะยึดอำนาจตระกูลโตเล็กจากแกได้เต็มที่”
เขาพูดจบ คนทั้งสองฝ่ายก็เริ่มปะทะฝีมือกัน
คนของเรณุกาจะไปสู้คนของบุริศร์ได้อย่างไรกันเล่า
ไม่นาน ก็เห็นแพ้ชนะ
เรณุกาเห็นฝ่ายตนแพ้ราบคาบ รู้สึกไม่พอใจ
“คนของตระกูลจันทรวงศ์ล่ะ ยังไม่ออกมาอีก!”
“พวกเขาไม่ออกมาแล้วล่ะ!ฉันว่าพวกเขาถูกตำรวจควบคุมตัวไปจิบชาที่โรงพักแล้ว”
“บุริศร์ แกหมายความว่าไง”
เรณุกาลนลานขึ้นทันที
บุริศร์พูดเสียงเย็น“ความทะเยอทะยานของตระกูลจันทรวงศ์มีมากเกินไป ถ้าเป็นครอบครัวธรรมดาคงไม่มีอะไร แต่เธอไม่เคยรู้สึกพอเพียง ตอนที่ขุนอินจะเอาแผนการรบไปจากมือฉัน ฉันก็สงสัยแล้วว่าตระกูลโตเล็กจะต้องมีไส้ศึก แต่ฉันแค่ไม่คิดว่าคนๆนั้นจะเป็นเธอ ตระกูลจันทรวงศ์จะเอาแผนการรบ หรือแม้กระทั่งเคยร่วมในกรณีของตรินทร์เมื่อห้าปีก่อน เธอคิดว่าพวกเขาควรจะบอกกล่าวข้างบนอย่างชัดเจนมั้ย และไม่กี่ปีมานี้ฉันคอยสังเกตระยะเวลาที่เธอไปอยู่เมืองนอก แล้วใกล้ชิดกับหัวหน้ากลุ่มสักกลุ่ม หัวหน้ากลุ่มนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้ก่อความวุ่นวายภายนอก ตกลงเธอจะนำตระกูลจันทรวงศ์ทำเรื่องอะไรที่น่าตกใจกันแน่ หรือฉันไม่ควรจะตรวจสอบรายงานในฐานะพลเมืองที่ดี และฉันคนที่เธอคิดว่าเป็นอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์ มีอะไรที่ฉันจะตรวจสอบออกมาไม่ได้บ้าง”
เรณุกาหน้าขาวซีดทันที
“บุริศร์ เพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว แกถึงขนาดทำกับฉันแบบนี้ แกไม่กลัวฟ้าผ่าหรือไง”
“เธอไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้าของฉัน ไม่ได้มีบุญคุณเลี้ยงดูอะไรกันมา แล้วแถมยังฆ่าพี่น้อง กับพ่อของฉันตายอีก ฉันจะต้องกลัวฟ้าผ่าอะไร ฉันกลัวแค่ว่าไม่จัดการเธอในวันนี้ คนในบ้านฉันคงตายอย่างไม่เป็นสุข!”
เรณุกาเดินก้าวถอยไปสองก้าว พูดขึ้น“แกอย่าไปฟังนรมนพูด มันหลอกแก!พ่อแกป่วยตาย!ที่นังนั่นพูดแบบนี้เพราะต้องการยุแยงตะแคงรั่ว ผู้หญิงอย่างนรมนเจ้าแผนการจะตาย”
บุริศร์ส่ายหน้า พูดเสียงค่อย“นรมนไม่เคยพูดถึงสาเหตุการตายของพ่อแม้แต่คำเดียว แกคิดมากไปเอง ฉันสงสัยสาเหตุการตายของพ่อจากป้ายหยกของตรินทร์ต่างหาก ฉันก็เลยไปตรวจสอบเรื่องราวของพ่อ อ่านดูรายงานการชันสูตร พ่อตายเพราะยาพิษ แต่เธอกับไม่เคยบอกฉัน”
เรณุกาได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ จึงหันหลังเตรียมวิ่ง
บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่คิดว่าเรณุกาจะมีปฏิกริยาแบบนี้ ตอนนี้ตั้งสติได้ บุริศร์จึงเหม่อลอย
เขามองตามเรณุกาวิ่ง ความเร็วพอๆกับนักกีฬา
นี่คือเรณุกาที่ปกติถือไม้เท้าเหรอ
แต่ในตอนที่บุริศร์ยังไม่ทันได้สติตั้งตัวกลับมา ก็มีเงาๆหนึ่งวิ่งปราดหน้าเขาไป แล้ววิ่งไล่ไปทางเรณุกา