“เป็นอะไร? ปาณีเป็นอะไรไป?”
นรมนรีบไปที่ห้องของปาณี แต่เธอกลับเห็นปาณีทุบตีผู้คนรอบตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เลย
“ไสหัวไป! ไสหัวไปให้หมด!”
ดวงตาของเธอแดงก่ำ ผมเผ้ารุงรัง และสภาพจิตใจของเธอก็แย่เต็มทน
“ปาณี!”
นรมนต้องการก้าวไปข้างหน้า แต่ถูกบุริศร์ห้ามไว้
“สภาพจิตใจเธอแย่มาก เธออาจจะทำร้ายคุณโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วง”
นรมนค่อยๆผลักบุริศร์ออก ก่อนเดินเข้าไปหา
นภดลยืนอยู่ข้างๆ เขาขมวดคิ้วแน่น ขุ่นเคืองเล็กน้อย ในสายตามีความแค้นเคืองและรู้สึกผิด
นรมนกอดปาณีไว้ในอ้อมแขนของเธอแน่น ก่อนพูด้สียงเบา “ไม่ต้องกลัวนะปาณี ฉันนรมนไง ขอโทษนะ ฉันมาช้าไป ไม่เป็นอะไรแล้วนะ เธอกลับมาแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
ไม่รู้ว่าเสียงของนรมนอ่อนโยนไปหรือเปล่า หรือว่าปาณีรู้ว่านี่คือนรมน เมื่อได้ยินนรมนพูด เธอชะงักไปนิด จากนั่นจึงร้องไห้ออกมายกใหญ่
เธอร้องไห้ปานขาดใจ ร้องจนเสียงแหบแห้ง ร้องจนทำให้คนรอบข้างปวดใจไปตามๆกัน
จมูกของนรมนแสบร้อน พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ขอโทษนะ เพราะฉันสะเพร่าเอง เลยทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย ไม่ต้องเป็นห่วง คนพวกนั่นถูกจับไปแล้ว ฉันต้องขอให้พวกถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด”
“คุณนาย ฉันกลัว! ฮือฮือ ฉันกลัวมาก!”
ปาณีเป็นเหมือนเด็กไม่มีที่พึ่งพิง เธอร้องไห้ตั่วสั่นไม่หยุด ภายใต้การปลอบโยนของนรมน ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะสงบลง แต่เธอผล็อยหลับไปเพราะร้องไห้จนเหนื่อย
นภดลเห็นท่าทางอ่อนล้าของนรมน เขาพูดขึ้นมา “คุณนาย กลับไปพักผ่อนเถอะครับ ผมจะอยู่ที่นี่ดูแลเธอ”
“ฉันอยู่เอง นายไปทำงานเถอะ”
นรมนไม่ได้หันกลับมามอง เพียงแค่พูดเบาๆ แต่นภดลกลับรู้สึกว่ารมนมีความไม่พอใจเล็กๆ บางทีอาจจะเพราะกำลังตำหนิดเขา
นภดลต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกบุริศร์พาออกมา
“ถ้านายต้องการให้เธอพักผ่อนจริงๆ ก็อย่าไปสร้างความวุ่นวาย ในตอนนี้ นรมนไม่อยากให้นายเจอกับปาณี”
“ทำไมละครับ?”
นภดลไม่ค่อยเข้าใจ
บุริศร์ถอนหายใจ และพูดว่า “ก่อนเรื่องนี้ ปาณีชอบนาย กล้าหาญมากที่ไปบอกกับนาย แม้กระทั่งอยากจีบนาย แต่หลังจากเรื่องนี้ บางทีปาณีอาจจะหลบหน้านาย ไม่เข้าไปยุ่งอีก นายควรจะดีใจนะ อย่างไรสุดท้ายแล้วนายก็สามารถอยู่คนเดียวและรักตัวเองเพื่อฉัตรยาได้ แต่ถ้าพูดถึงปาณีแล้ว บางทีการเห็นหน้านายจะทำให้อึดอัดใจ ดังนั้นนายกลับไปเมืองชลธีก่อนเถอะ”
ปากของนภดลขยับ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ผงกหัวก่อนจะจากไป
ที่ปาณีต้องการ เขาให้ไม่ได้ แทนที่จะทำให้ปาณีอึดอัดใจ เขาจากไปตามที่บุริศร์บอกดีกว่า
หลังจากนภดลออกไปแล้ว บุริศร์ก็เห็นนรมนกำลังห่มผ้าให้ปาณี จากนั่นจึงลุกไปเข้าครัว
“ผมทำเอง คุณยังไม่สบายอยู่เลย นั่งพักสักหน่อย อยากทานอะไร ผมจะทำให้”
นรมนมองไปยังบุริศร์ก่อนจะพูดเสียงต่ำ “ฉันเข้าใจความรู้สึกของปาณี ตอนที่ฉันถูกค้ามนุษย์ ความรู้สึกตกที่นั่งลำบากและสิ้นหวัง เห็นปาณีตอนนี้ เหมือนกับเห็นตัวเองเมื่อก่อนเลย”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องไปคิด ปาณีจะดีขึ้นอย่างช้าๆ ผมรับปาก ผมจะหาผู้ชายที่ดีให้เธอ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนชะงัก ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา “ฉันเกรงว่าเธอจะไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายอีกครั้งในเวลาอันสั้น นภดลละ?”
“ผมบอกให้เขากลับเมืองไปก่อน อยู่ที่นี่ถูกปาณีเห็น จะยิ่งทำให้ปาณีอึดอัด”
“ขอบคุณนะคะ”
“เป็นสามีภรรยากันแล้ว จะให้พูดอีกหรือว่าต้องทำอย่างไร คุณตากับแม่กำลังคุยกันอยู่ คุณอยากจะเข้าไปดูไหม”
บุริศร์รู้สึกว่าห้องครัวมีกลิ่นควันน้ำมัน และอยากให้รมนออกไป
นรมนส่ายหัว ก่อนพูด “หลายปีมานี่พวกเขาคงมีเรื่องให้พูดกันมาก ฉันอยู่ในนี้เป็นเพื่อนคุณดีกว่า”
“ผมกลัวคุณจะสูดควัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เมื่อนรมนยืนยัน บุริศร์ก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาถอดเสื้อนอก พับแขนเสื้อ และเริ่มทำอาหาร
นรมนมองไปยังบุริศร์ที่กำลังหั่นผักอย่างคล่องแคล่ว เธอยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและพูด “คุณว่าถ้าหากมีวันหนึ่งเราใช้ชีวิตปกติ เราจะมีความสุขกว่าตอนนี้ไหม?”
“ไม่!”
บุริศร์ตอบเหมือนไม่ได้คิดกลับมา ทำให้นรมนตกใจ
“ทำไมคะ?”
“เพราะผมมีศัตรูมากเกินไป ถ้าหากไม่มีอิทธิพลดั่งเช่นตอนนี้ ผมจะไม่มีทางปกป้องคุณและลูกๆ ได้ และจะมีชีวิตที่ย่ำแย่กว่าตอนนี้ ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณต้องตกระกำลำบากไปกับผม”
นรมนส่ายหัว
“อย่าคิดมากไปเลย ถ้าหากพูดว่าแต่งงานกับคุณแล้วลำบาก คาดว่าผู้หญิงทั่วทั้งเมืองชลธีคงอยากจะกินฉันแน่”
บุริศร์ยิ้มอย่างมีความสุข
ทั้งสองคนคุยเล่นและทำอาหารไปพร้อมกัน ไม่นานอาหารก็เสร็จ
นรมนตักโจ๊กและเดินำมาที่ห้องของปาณี
ปาณีไม่รู้ว่าตื่นขึ้นเมื่อไหร่ และเมื่อเห็นนรมนเธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมา
“คุณนาย เกรงใจจังเลยค่ะที่ต้องคอยมาดูแลฉัน? ฉันทำเองค่ะ”
“อย่าลุก ฉันทำเอง”
นรมนห้ามไม่ให้ปาณี ลุก แถมยังยกโจ๊กขึ้นไปให้เธอ
ดวงตาของปาณีชื้นเล็กน้อย
“คุณนาย ขอโทษนะคะ ที่สร้างความลำบากเพิ่มให้”
ปาณีไม่ใช่เด็กที่ขี้แย เธออดทน แต่ท่าทางที่จะร้องก็ไม่ร้องนั่นยิ่งทำให้คนมองเจ็บหัวใจเข้าไปอีก
“เรื่องนี้ฉันผิดเอง ฉันสะเพร่า”
“ไม่ใช่เลยค่ะ คือฉันที่ไม่ป้องกันรักษาตัวเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนายเลย แต่คุณนายโปรดวางใจ ฉันจะรีบปรับให้ดีอย่างเร็ว ฉัน… …”
“อย่าเป็นอย่างนี่ ปาณี เธอต้องพักผ่อน พักผ่อนอย่างสงบ ฉันจะไม่ไม่สนเธอ และจะไม่ไม่ต้องการเธอด้วย ฉันจะรอให้เธอหายดีแล้วมาช่วยฉันดูแลเด็กๆ นะ”
คำพูดของนรมน ทำให้น้ำตาของปาณีไหลลงมาอีกครั้ง
“ฉันจะสามารถดีขึ้นได้ไหมคะ? คุณนายไม่ต้องปลอบฉัน ฉันสามารถจริงๆ คุณนายสามารถหาพยาบาลคนอื่นมาแทนฉันได้ ฉันขอลาออกค่ะ”
คำพูดของปาณี ทำให้จมูกของนรมนอึดอัดมากขึ้น
“พูดบ้าอะไรกัน เธอผ่านเรื่องราวมากมายมากับฉัน พวกเราไม่ได้เป็นเพียงแค่เจ้านายและลูกน้อง เราคือเพื่อน คือพี่สาวน้องสาว แม้ขาเธอจะหัก แต่ไม่ใช่ว่ามิลินก็อยู่หรือ? เธอถูกเรียกว่ายมราชเชียวนะ มีวิธีแน่นอน ถ้าหากเขารักษาไม่ได้ ที่เมืองชลธีก็ยังมีเพื่อนรักของฉันโพนี่ จะรักษาเธอให้ ไม่ต้องกังวล ฉันจะทำให้เธอดีขึ้นมาอีกครั้ง แต่เธอต้องมั่ใจเชื่อใจในตัวเอง รู้ไหม?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่นรมนพูด และได้ยินว่านรมนไม่ได้ละทิ้งตัวเองปาณีกอดนรมน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “คุณนาย ขอบคุณนะคะ เป็นพรในชีวิตของฉันที่ได้พบคุณ ฉันเป็นเด็กกำพร้า ตั้งแต่ยังเด็ก รู้ดีว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องแก้ไขมันเอง ครั้งนี้ฉันหวาดกลัวจริงๆ แต่ว่าฉันจะไม่ทำให้คุณนายเหนื่อย ฉันถูกคุณนายจ้างมาให้ดูแล ทำไมตอนนี้ถึงต้องให้คุณนายดูแลด้วยเล่าคะ? ฉันทำไม่ได้ ช่วงนี้ฉันขอไม่เอาเงินเดือน ไม่ว่าค่ารักษาพยาบาลหรืออะไรก็ตาม ทั้งหมดฉันยืมคุณนายนะคะ รอให้ฉันหายดี ฉันจะตั้งใจทำงาน แล้วจะคืนให้คุณนายแน่นอนค่ะ”
“เด็กโง่ ถ้าหากทำอย่างนี้แล้วเธอสบายใจ ก็ตกลงตามนี้เถอะ”
นรมนลูบศีรษะของเธอ ชื่นชมความแข็งแกร่งของปาณีเป็นอย่างมาก
หลังจากปลอบโยนปาณี แล้ว นรมนก็กลับไปที่ห้อง
บุริศร์ยกอาหารไปที่ห้องแล้ว และเมื่อเธอเห็นว่าเธอกลับมาจึงละมือจากงานที่ทำ เขายิ้มและพูด “กินข้าวเถอะ”
“คุณไม่ไปกินข้าวกับพวกคุณตาหรือ?”
นรมนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
บุริศร์ยิ้มและพูดว่า “คุณไม่กินแล้วผมจะกินลงได้อย่างไรละ? คุณตากับแม่กินข้าวด้วยกัน ผมกินข้าวไม่อร่อยหรอกนะ ถ้าคุณไม่อยู่”
หัวใจของนรมนพลันอบอุ่นขึ้นมาทันที
“ทำไมโง่นักละ? หิวก็กินก่อนเลย ไม่ต้องรอฉัน”
“ผมชอบกินข้าวกับคุณ”
บุริศร์พูดพลางเอาเก้าอี้มาและนำหมอนหนุนมาวาง แล้วค่อยพยุงนรมนมานั่ง
นรมนยิ้มและพูดว่า “ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหญิงชราเลยคะ ฉันเพิ่งจะท้องเอง ไม่ต้องระวังขนาดนั้น”
“ระวังหน่อยก็ไม่เป็นไรนี่”
บุริศร์ลวกชามและตะเกียบด้วยน้ำร้อน จากนั้นนำไปวางไว้ตรงหน้านรมน
“ของชอบคุณทั้งนั้น รีบกินเถอะ เดี๋ยวมันจะเย็นเสีย”
“กินด้วยกันนะ”
“ครับ”
คนสองคนร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน นรมนรู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นพิเศษ
“ปาณีจะกลับไปพร้อมพวกเรา ฉันวางแผนที่จะทำความสะอาดห้องพักให้เธออาศัยอยู่ ระหว่างนี้เธอเคลื่อนไหวไม่สะดวก ฉันคิดว่าจ้างแม่บ้านมาดูแลเธอสักคนเถอะ”
นรมนแนะ
บุริศร์พยักหน้า
“คุณจัดการทุกอย่างก็โอเค อย่าให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป ผมได้ยินมาว่าการประกวดออกแบบของคุณจะเข้าสู่พื้นที่การแข่งขันในอีกครึ่งเดือน คุณแน่ใจหรือว่าคุณจะไม่ทิ้งโอกาสนี้”
บุริศร์ยังคงกังวลเล็กน้อย ตอนนี้ร่างกายของนรมนต้องการการพักผ่อน แต่ถ้าเธอเข้าร่วมการแข่งขัน เธอจะต้องลงแรงกายแรงใจ ไม่รู้ว่าเธอจะรับไหวไหม
นรมนรู้ดีถึงความกังวลของบุริศร์ เธอคิดพิจารณา ก่อนจะพูดว่า “ฉันเตรียมการมานาน ถ้าหากไม่เข้าร่วม ฉันมักจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต”
“ถ้าอย่างนั่นก็เดินหน้าเต็มกำลังเถอะ คุณไม่ต้องกังวลใจ ผมจะค่อยผลักดันคุณอย่างเต็มที่จากข้างหลัง”
บุริศร์ลูบศีรษะของเธอเพื่อปลอบโยน
นรมนพยักหน้าและหลับไปในอ้อมแขนของบุริศร์
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณท่านพนโสภณหาเฮลิคอปเตอร์เพื่อมารับคิมและพวกมิลินกลับ
เพราะกังวลว่านรมนจะเป็นห่วงคิม บุริศร์จึงส่งนรมนและตัวเองไปที่บ้านของคุณท่านพรโสภณโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ บ้านของคุณท่านพรโสภณดูมีชีวิตชีวาเล็กน้อย
“บุริศร์ นายมาทำอะไร? หลานสาวของฉันอยู่กับฉัน นายควรไปทำงาน”
คุณท่านพรโสภณเริ่มไล่คนออกไป
“คุณตา พูดอะไรคะเนี่ย”
นรมนรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย รีบแสดงความไม่พอใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว
บุริศร์ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ผมมีเรื่องที่ต้องไปทำพอดี ปาณีถูกนำไปส่งโรงพยาบาลแล้ว มิลินก็ตามไปด้วย ผมก็หาแม่บ้านมาดูแล ในที่สุดเราก็จัดการกับเรื่องยุ่งๆ พวกนี้ได้ ผมต้องไปรับเด็กๆกลับมา คุณท่านครับ อีกเดี๋ยวไม่เพียงแต่ผมจะกลับมาที่นี่ แต่ผมจะกลับมาพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่จะมารังควานคุณท่านด้วย”
เมื่อบุริศร์พูดจบ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น แต่เมื่อเห็นหมายเลขในโทรศัพท์ สีหน้าของบุริศร์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย