สำหรับเด็กวัยรุ่นที่จู่ ๆ ก็โผล่มาอย่างกวนประสาท นรมนรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก ในขณะที่เธอคิดจะทำอะไร ก็มองเห็นกานต์ลุกขึ้น มองวัยรุ่นตรงหน้าและถามอย่างไม่แยแส : “นายเป็นเจ้าถิ่นของที่นี่เหรอ?”
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่ก็รู้เรื่องไม่ใช่เล่น ในเมื่อรู้แล้วยังจะมาที่นี่ทำลายสนามของฉันอีก?นายรู้เอาไว้นะ ก่อนที่นายจะมา ฉันคือลูกพี่ของที่นี่”
เด็กวัยรุ่นพูดอย่างอวดดี
กานต์สวมเสื้อแจ็คเก็ตที่ถอดออกเพราะอากาศร้อนทันที จากนั้นหันไปพูดกับนรมนด้วยรอยยิ้มว่า: “หม่ามี้ พวกเราไปกันเถอะ”
“อืม จ้ะ”
นรมนคิดว่ากานต์จะหาเรื่อง คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สนใจเด็กวัยรุ่นตรงหน้า
การกระทำเช่นนี้กระตุ้นเด็กวัยรุ่นอย่างเห็นได้ชัดเจน
“กลับเหรอ?ไม่ตอบรับการแข่งขันกับฉันก็ออกไปจากร้านเกมนี้ไม่ได้ ไม่เชื่อนายลองดูสิ”
เด็กวัยรุ่นไม่ยอมเลิกรา
คิ้วของกานต์ขมวดเข้าหากันแน่น
“หลีกไป!”
เขาตวาดอย่างเย็นชา
เด็กวัยรุ่นถูกเด็กน้อยเช่นนี้ทำให้เสียหน้า แน่นอนว่าไม่อาจยอมแพ้ได้
“โห นิสัยใจคอไม่เด็กเลยนะ นายเชื่อหรือไม่ว่าฉันจะ……”
ฝ่ามือของเขาเพิ่งจะยกขึ้นมา กานต์ยกเท้าขึ้นทันที เตะไปที่หัวเข่าของเขา เสียง “ โครม” ดังขึ้น เด็กวัยรุ่นคุกเข่าลงไปให้กานต์และคนอื่น ๆ ทันที
“ทำไมนายถึงคิดว่าทุกคนคู่ควรที่จะแข่งกับฉัน? สำนึกผิดก็ดีแล้ว ไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนี้หรอก ฉันกลัวอายุสั้น”
“แกรนหาที่ตายซะแล้ว!”
เด็กวัยรุ่นเคยถูกคนปฏิบัติแบบนี้ซะที่ไหน เขาโมโหจนยกเก้าอี้ด้านข้างทุ่มใส่กานต์โดยตรง
นรมนรีบถอยหลังออกมาสองก้าว ให้พื้นที่ว่างแก่กานต์ ส่วนตนเองไม่คิดจะลงมือ
นักเลงแบบนี้ กานต์สามารถจัดการได้อย่างสบาย ๆ เพียงแต่สายตาของผู้คนรอบ ๆ ที่มองเธอกลับมีการประณามเล็กน้อย
“คุณเป็นแม่ภาษาอะไร? ลูกชายของคุณจะถูกทำร้าย คุณยังถอยหลังหลบ?”
“ต้องเป็นแม่เลี้ยงแน่เลย แม่แท้ ๆ ที่ไหนจะพาลูกมาเล่นเกมที่ร้านเกมแบบนี้”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบ ๆ ทำให้นรมนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
กานต์หลบเก้าอี้จากวัยรุ่น เมื่อได้ยินเสียงผู้คนมากมายรอบข้างพูดถูกนรมนเช่นนี้ จึงรีบเอ่ยขึ้นมา
“เงียบนะ!หม่ามี้ของผมเป็นคนอย่างไรถึงตาที่พวกคุณต้องพูดเหรอ?”
“เด็กคนนี้แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้”
คนรอบข้างเริ่มประณามและวิพากษ์วิจารณ์รอบใหม่
กานต์โมโหเล็กน้อย
เด็กวัยรุ่นเห็นกานต์เพียงแค่หลบ ไม่โต้ตอบ คิดว่าเด็กคนนี้ท่าดีทีเหลว จึงออกแรงในมือเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ในที่สุดนัยน์ตาของกานต์ก็เย็นชาลง
“ที่ฉันไม่ทำอะไรนาย ไม่ใช่เพราะฉันกลัวนาย แต่นายทหารครูฝึกบอกฉันว่า อย่าลงมือกับชาวบ้าน ในเมื่อนายก้าวร้าวมาก งั้นก็โทษฉันไม่ได้นะ”
นัยน์ตาของกานต์เยือกเย็น ฝีมือเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
เด็กวัยรุ่นยังเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น กานต์ก็เตะเขาออกไป
เขาสูงกว่ากานต์ไม่น้อย กลับถูกคนที่ตัวเล็กกว่ามากเตะลอยไป ร่างกายกระแทกไปที่เครื่องเล่นเกม จากนั้น “โครม” หล่นลงบนพื้น
บริเวณโดยรอบเงียบกริบทันที เงียบราวกับว่ามีเข็มตกลงบนพื้นก็สามารถได้ยิน
พวกเขาต่างตกใจกับกานต์
กานต์ก้าวขึ้นมาข้างหน้า เหยียบที่หลังมือของเด็กวัยรุ่น เอ่ยถามอย่างเย็นชา: “นายกล้าขวางทางฉันเหรอ?”
เด็กวัยรุ่นไม่เคยเสียเปรียบแบบนี้มาก่อน ร้องโอดโอยเสียงดังอย่างเจ็บปวด
“แกไอ้เด็กเวร แกกล้าเตะฉัน แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?ฉันเป็นคนของพี่ภาริชนะโว้ย ฉันจะบอกแกให้นะ แกตายแน่ แกจบเห่แล้ว พี่ภาริชไม่ยกโทษให้แกหรอก!”
เด็กวัยรุ่นร้องโวยวาย คิ้วของนรมนกลับขมวดเบา ๆ
พี่ภาริช?
ตอนนี้เธอได้ยินคำว่าพี่ภาริช แล้วนึกถึงภาริช เพียงแต่ตอนนี้ภาริชถูกบุริศร์ควบคุมตัวอยู่ น่าจะก่อเรื่องวุ่ยวายอะไรมากไม่ได้ แต่เพื่อความปลอดภัย ในที่สุดนรมนจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“พี่ภาริชอะไร?สมัยนี้แล้ว คนเขาเรียกกันว่าพี่หรือไง? ไม่มีชื่อเหรอ?”
เด็กวัยรุ่นตอบอย่างโมโห : “พี่ภาริชของพวกเรามีชื่อเรียก คือมกุฎราชกุมารของตระกูลโตเล็กแห่งเมืองชลธี”
นรมนกับกานต์สีหน้าเปลี่ยนทันที
“นายบอกว่ามกุฎราชกุมารของตระกูลไหนในเมืองชลธีนะ?”
เท้าของกานต์ออกแรงเล็กน้อย
“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บ ๆ ๆ !แกไอ้เด็กเวร! ตระกูลโตเล็กของเมืองชลธี แกเข้าใจไหม ?ตระกูลโตเล็กหนึ่งเดียวไม่สอง!พวกแกยั่วโมโหฉัน ฉันจะบอกพวกแกให้นะ ฉันจะทำให้พวกแกต้องรับผิดชอบถึงผลที่จะตามมา”
เด็กวัยรุ่นโวยวายไม่หยุด
จู่ ๆ นรมนก็หัวเราะขึ้นมา ส่งมือถือให้เขา
“นี่ ฉันให้โอกาสแกครั้งหนึ่ง โทรหาพี่ภาริชของแกตอนนี้ แล้วถามว่าเขาอยู่ที่ไหน สามารถมาช่วยแกจัดการพวกเราได้ไหม”
เด็กวัยรุ่นงงงวยเล็กน้อย
เขามองเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ของนรมนตรงหน้า รู้สึกไม่มั่นใจ แต่ยังรับมือถือมา
ส่วนกานต์ก็ถือโอกาสปล่อยเขาออก
เด็กวัยรุ่นรีบโทรหาภาริช
สายถูกรับอย่างรวดเร็ว
เด็กวัยรุ่นเหมือนมองเห็นผู้ช่วยชีวิต รีบร้องเสียงดัง: “พี่ภาริช ผมถูกคนกระทืบที่ร้านเกม พวกมันอวดดีเกินไป วางอำนาจบาตรใหญ่ในถิ่นของพวกเรา พี่ภาริช พี่ช่วยจัดการให้ผมทีเถอะ”
นรมนมองเห็นฉากตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกหวนคืนสู่สังคมเก่า
และเธอไม่ได้บังคับให้คนดีเป็นโสเภณี ถึงขนาดนี้เลยเหรอ
กานต์ก็มองเขาอย่างเหยียดหยาม ถ้าไม่ใช่ความต้องการของหม่ามี้ เขาจะกระทืบไอ้เวรนี้ให้เละไปเลย
หลังจากเด็กวัยรุ่นร้องโวยวายจบ ในที่สุดเสียงของภาริชก็ดังขึ้นมา
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้แกจัดการไม่ได้ ยังต้องให้ฉันออกหน้าอีก แกเป็นหมูเหรอ?ฉันเป็นพี่หรือแกเป็นพี่กันแน่?เรื่องอะไรก็ต้องให้ฉันจัดการแทน ฉันจะมีแกไปเพื่ออะไรเนี่ย?”
“พี่ภาริช ไม่ใช่นะครับ ไอ้เด็กคนนี้มันฝีมือเก่งกาจเป็นพิเศษ ผมสู้ไม่ได้”
เด็กวัยรุ่นกล่าวอย่างกลุ้มใจ
ภาริชได้ฟังก็ยิ่งโมโห
“สู้ไม่ไหวก็ให้คนรุมกระทืบสิ? จะสู้ตัวต่อตัวกับคนอื่นทำไม?แกโง่หรือเปล่า?”
นรมนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินภาริชสามารถคุยโทรศัพท์ได้อย่างอิสระ ตอนนี้ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ จึงคิ้วขมวดอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ
“ภาริช ฉันเองนรมน คนที่เตะเขาคือกานต์ อะไรนะ? คุณอยากจะรุมกระทืบพวกเราเหรอ? คุณแน่ใจนะ?”
ทันทีที่นรมนพูดออกไป ทางฝั่งนั้นก็เงียบทันที ไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว
ฮัลโหล พี่ภาริช พี่ยังอยู่ไหมเนี่ย
ทางฝั่งภาริชระเบิดขึ้นมาทันที
“แกเป็นบ้าอะไรเนี่ย?คนที่เตะแกคือหลานชายของฉัน คนที่พูดเมื่อสักครู่คือพี่สะใภ้ของฉัน แกให้ฉันแก้แค้นให้นาย?สมองของแกมีปัญหาหรือเปล่า?”
เด็กวัยรุ่นอึ้งไปทันที จากนั้นมองนรมนกับกานต์อย่างน่าเหลือเชื่อ
นรมนกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ภาริชกำแหงขนาดนั้น ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงเรียกเธอว่าพี่สะใภ้?
แท้จริงแล้วบุริศร์ทำอะไรกับเขา?
ส่วนเด็กวัยรุ่นก็เป็นคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากอึ้งไปสักพักจึงทำหน้ายิ้มแย้ม พูดอย่างประจบประแจง: “พี่สะใภ้ นายน้อย ผมมันตาบอดเอง ขอโทษด้วยครับ”
นรมนเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แต่กานต์กลับคิ้วขมวดยิ่งกว่าเดิม
“เลียแข้งเลียขาให้มันน้อยหน่อย ใครเป็นพี่สะใภ้นาย?”
“ใช่ ๆ ๆ นางฟ้า คุณคือนางฟ้าของผม ทั้งสองคนได้โปรดเมตตา ยกโทษให้ผมด้วย ผมก็ว่าอยู่ คนธรรมดาทั่วไปที่ไหนจะมีฝีมือดีขนาดดี ที่แท้ก็คือนายน้อยนี่เอง ไม่มีผิด”
เด็กวัยรุ่นมีท่าทางแตกต่างจากก่อนหน้านี้
ผู้คนโดยรอบได้ยินว่าเป็นนรมนกับกานต์ จึงเริ่มมองและถ่ายรูปโพสต์ลงไปในวีแชทโมเมนต์ ในเมื่อสำหรับพวกเขาแล้ว คนอย่างบุริศร์ก็เทียบเท่ากับเทพเจ้า การจะได้เจอสักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้สามารถได้เจอกับภรรยาและลูกชายของเขาก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง
นรมนเห็นคนที่นี่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จึงดึงมือของกานต์ กล่าวเสียงเบาว่า: “ พวกเรากลับกันเถอะ”
“ครับ”
กานต์ก็ไม่ค่อยชอบเป็นจุดสนใจของผู้คน
เห็นทั้งสองคนกำลังจะกลับ เด็กวัยรุ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ รอยสักรูปดอกป๊อปปี้บนแขนของเขากลับทำให้นรมนหยุดก้าวเดิน
“นางฟ้า คุณยังมีอะไรจะสั่งอีกเหรอครับ?”
เด็กวัยรุ่นใจคอเหี่ยวแห้งสุด ๆ
ไม่ได้จะกลับแล้วเหรอ?
ทำไมถึงหยุดเดินขึ้นมาอีก?
นรมนมองรอยสักบนแขนของเขา เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า: “รอยสักบนแขนของเธอคืออะไร?”
“อ่า? คือว่า ใครที่ติดตามพี่ภาริช ก็จะมีรอยสักแบบนี้ นี่เป็นสัญลักษณ์ของพวกเรา”
เด็กวัยรุ่นรีบตอบ
นัยน์ตาของนรมนแฝงไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ชัดเจน
แบบนี้แสดงว่าดอกป๊อปปี้มีความเกี่ยวข้องกับภาริชจริง ๆ
และไม่รู้ว่าทางฝั่งบุริศร์ถามอะไรบ้าง
เธอชื่อว่าอะไร
อยู่ดี ๆ นรมนก็ไถ่ถามชื่อของเด็กวัยรุ่น ทำเอาเขาตกใจ แต่ยังรีบตอบว่า: “ ผมชื่อเทวิน”
“เอาเบอร์มือถือมาให้ฉัน มีเรื่องอะไรฉันจะเรียกเธอ แต่ทางที่ดีเธอห้ามออกไปจากเมืองชลธี เธอเข้าใจใช่ไหม ฉันไม่ให้เธอไป เธอก็ไปไม่ได้
นรมนเอ่ยอย่างไม่แยแส”
เทวินรีบพยักหน้า
“ครับ ๆ ๆ นางฟ้าว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น”
เทวินรีบให้เบอร์ของตนเองแก่นรมน
หลังจากนรมนบันทึกลงไปก็พากานต์ออกมาจากร้านเกม
กานต์มองนรมน ถามเสียงเบาว่า: “หม่ามี้ หม่ามี้จะตรวจสอบเรื่องในบ้านของน้าคมทิพย์ใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้ว ไม่แก้ปัญหาเรื่องนี้ ระหว่างหม่ามี้กับน้าคมทิพย์ก็ยังคงมองหน้ากันไม่ติด แต่นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ ลูกไม่จำเป็นกังวล”
นรมนลูบศีรษะของกานต์
กานต์โตแล้วจริงๆ วิธีการจัดการเรื่องเมื่อสักครู่ทำให้นรมนปลื้มใจมาก
“ครับ ตรงไหนที่ผมช่วยได้ผมจะช่วย กลับบ้านไปผมจะตรวจสอบเรื่องดอกป๊อปปี้ให้ ดูว่าเป็นสัญลักษณ์ของแก๊งอะไร หรือพวกหม่ามี้อาจจะมีทิศทางการตรวจสอบแล้ว”
“ได้”
นรมนพากานต์ออกไปหาอะไรกินเล็กน้อย จากนั้นจึงกลับบ้านตระกูลโตเล็ก
เพียงแต่เมื่อพวกเขากลับมา ได้ยินเสียงรถที่ประตูบ้าน ดูไม่ค่อยคุ้นเคย
ในบ้านมีแขกมาเหรอ?
ทำไมถึงไม่มีคนโทรบอกเธอ?
หลังจากนรมนจอดรถ จึงจูงมือกานต์เดินเข้าไปในห้องรับแขก
“ป้าหวาน มีแขกมาเหรอคะ?”
ธิดาอยู่โรงพยาบาลคอยดูแลเด็ก ๆ นาวินทำธุระอยู่ข้างนอก บุริศร์ไม่วางใจให้นรมนอยู่คนเดียว จึงจ้างพนักงานพาร์ทไทม์กลับมาหนึ่งคน เพิ่งจะมีเริ่มงานได้หนึ่งวัน ได้ยินนรมนเรียกเธอ จึงรีบวิ่งออกมา
“คุณนาย มีสามีภรรยาคู่หนึ่งบอกว่าเป็นพ่อแม่ของคุณ พาผู้หญิงคนหนึ่งมา ฉันบอกว่าจะโทรหาคุณ พวกเขาบอกว่าไม่ต้องโทร รอคุณกลับมาก็พอ ตอนนี้ฉันจัดให้ไปดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกค่ะ”
คำพูดของป้าหวานทำให้นรมนนิ่งไปสักพัก
สามีภรรยาคู่หนึ่ง? พ่อแม่?
หรือว่าพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนกลับมาจากการท่องเที่ยวแล้ว?
ใบหน้าของนรมนปรากฏรอยยิ้มผลิบานทันที รีบจูงมือกานต์เดินเข้าไปในห้องรับแขก
พ่อแม่ กลับมาแล้วเหรอ
เธอเปิดประตูห้องรับแขกทันที ฉากตรงหน้ากลับทำให้รอยยิ้มของเธอแข็งทื่ออยู่บนหน้า