“ฉันออกมาได้อย่างไรนายไม่จำเป็นต้องรู้ นายควรรู้แค่เพียง นายมาจากที่ไหน ตอนนี้ก็กลับไปที่นั่นซะ”
บุริศร์สีหน้าเย็นชา
ภาริชมองออกไปข้างนอก มีแต่คนของบุริศร์อยู่ทุกที่ จึงอดหรี่ตาลงไม่ได้
“ฉันไม่เชื่อว่านายจะกล้าทำอะไรพ่อ”
“นั่นคือพ่อของนาย ไม่ใช่ฉัน ฉันเติบโตขึ้นมาจากตระกูลโตเล็ก คนที่อบรมเลี้ยงดูฉันมาคือพ่อของฉันที่ตายไปแล้ว ส่วนคนที่นายพูดถึง นั่นคือคนบ้า นายอยู่กับเขามาตลอด นายก็เลยกลายเป็นบ้าไปด้วย”
บุริศร์พูดจบ จึงมองไปที่นรมนอีกครั้ง
“เจ้านี้ไม่ได้ทำอะไรคุณใช่ไหม?คุณไม่ถึงว่าคุณจะจำผมไม่ได้ ?เขาไม่ได้รังแกคุณใช่ไหม?”
นรมนสัมผัสได้ถึงความหึงจากน้ำเสียงของบุริศร์
“เปล่า เพียงแค่ทะเลาะกับฉัน”
“เขาเกือบทำให้หม่ามี้แท้ง คุณน้าโพนี่อยู่ที่บ้านแล้ว”
กานต์พูดแทรกขึ้นมาจากด้านนอก
ดวงตาของบุริศร์มืดมนลงในชั่วพริบตา
“คิดไม่ถึงว่านายจะใช้ตัวตนของฉันทะเลาะกับผู้หญิงของฉัน?ฉันทำให้เธอน้อยใจไม่ลงด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่านายจะกล้า?”
บุริศร์พูดจบ ตรงไปที่ภาริชทันที
ภาริชรีบตอบโต้ กลับมองเห็นโอกาส จึงออกอุบาย จากนั้นวิ่งอย่างสุดฝีเท้า
“ขัดขวางมันเอาไว้”
บุริศร์ดูหมิ่นไม่น้อย
คนแบบนี้ยังจะมีหน้าใช้ใบหน้าเดียวกับตนเองออกมาเที่ยวหลอกลวงต้มตุ๋น?
นาวินดึงกานต์ไปอยู่ด้านข้าง ทันทีที่ภาริชวิ่งออกมา ลงมือกับเขาทันที
ภาริชอาจจะคิดไม่ถึงว่าพละกำลังของนาวินจะร้ายกาจเช่นนี้ ผลลัพธ์ของการบล็อกส่งผลให้แขนชา คิดจะวิ่งออกไปอีกก็เป็นไปไม่ได้
“พาตัวลงไป”
บุริศร์สั่งอย่างไม่แยแส ไม่ใจอ่อนเลยสักนิด
“บุริศร์ นายกล้าเหรอ?นายรู้เอาไว้นะ พวกเราคือพี่น้องกัน หรือนายจะทำร้ายพี่น้อง?”
ภาริชยังคงตะโกนเสียงดัง ในขณะนี้จู่ ๆ ธิดาก็กลับมา
“ประธานบุริศร์ คุณนาย”
นรมนนิ่งไปชั่วคราว มองนาวินด้านนอก และมองธิดา สมองผูกปมเรื่องราว
ทำไมเธอจึงรู้สึกว่าสมองมึนตึ้บ?
“ธิดา คุณไม่ได้ไปไหนเหรอ?”
“เปล่าค่ะ คุณนาย ฉันอยู่ในเมืองชลธีตลอด เพียงแต่เป็นการจัดฉากของประธานบุริศร์ ให้พวกเราอยู่เฉยสักพักหนึ่ง”
คำพูดของธิดาทำให้นรมนมองไปทางบุริศร์อย่างงุนงง
“กลับไปผมจะเล่าให้ฟัง เด็กดี”
เมื่อบุริศร์สบตากับนรมน คนทั้งคนก็อ่อนโยนลงมาก ๆ
ธิดากล่าวด้วยรอยยิ้ม : “ประธานบุริศร์ เป็นไปตามที่ท่านคาดเดา ท่านเพิ่งจะไป คุณท่านรองก็ฉวยโอกาสหลบหนีออกไป เดาว่าตอนนี้คงจะใช้ภาริชถ่วงเวลาอีก ให้ตนเองมีโอกาสพยายามหลบหนีไปได้”
“เป็นไปไม่ได้! พ่อของฉันไม่มีทางทิ้งฉันเอาไว้!หลายปีที่ผ่านมาเขากับฉันพึ่งพาอาศัยกัน”
ภาริชได้ยินธิดาพูดแบบนี้ จึงพยายามดิ้นรนทันที
บุริศร์กลับกล่าวอย่างเย็นชา: “อย่าเพิ่งรีบแสดงละครต่อหน้าฉัน นายกับเขาวางแผนตั้งหลายปี รีบกลับมาทันทีเมื่อเรณุกาลงจากตำแหน่ง หรือเพื่อให้ฉันรู้ว่ามีพวกนายอยู่?เพียงเพื่อโอนเงินบางส่วนจากตระกูลโตเล็ก?อาจจะพูดได้ว่าคุณอารองคิดหาหนทางมานานหลายปี หรือว่าถูกฉันโจมตีก็ทนไม่ไหวแล้ว จากนั้นจึงรีบหนีไป?ฉันไม่เชื่อ!พวกนายยังต้องมีจุดประสงค์อื่นอีกใช่ไหม?ไม่อย่างนั้น ทำไมพวกนายต้องจัดการตระกูลเจริญไชยด้วย?ตระกูลเจริญไชยมีอะไรที่พวกนายสนใจ?ฉันคิดว่านายจงใจยอมแพ้ ทางฝั่งคุณอารองก็จะส่อให้เห็นว่าวิ่งหนี เพื่อล่อคนของฉัน ซื้อเวลาให้นาย?นายอยู่ในบ้านตระกูลโตเล็กมาคืนหนึ่งแล้ว เจอสิ่งของที่นายต้องการหรือยัง?”
ได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ หัวคิ้วของนรมนขมวดเล็กน้อย รู้สึกว่ามีเรื่องซับซ้อนอยู่ข้างในมากมาย และสีหน้าของภาริชกลับเปลี่ยนไปเพราะคำพูดของบุริศร์
“เอาตัวลงไปและเฝ้าให้ดี”
บุริศร์ออกคำสั่ง ภาริชถูกนาวินพาตัวไป
ส่วนธิดาพากานต์ออกไป
เมื่อภายในห้องเหลือแค่เพียงนรมนกับบุริศร์ นรมนยังคงมีท่าทางงุนงง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
มองเห็นแววตางงงวยของนรมน บุริศร์จับมือของเธอ จึงพบว่ามือของเธอเย็นมาก
“ไม่สบายหรือเปล่า?หรือสิ่งที่กานต์พูดเป็นความจริง?เจ้านั่นเกือบทำให้คุณโกรธจนแท้ง?สภาพร่างกายของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?โพนี่ว่าอย่างไร?ช่างเถอะ ผมโทรไปถามเธอเองดีกว่า”
บุริศร์พูดแล้วก็จะไปโทรศัพท์ กลับถูกนรมนขวางเอาไว้
“อย่าไปรบกวนโพนี่เลย ฉันไม่เป็นอะไร เมื่อเช้าฉันทะเลาะกับภาริช ทำให้ฉันหงุดหงิดจริง ๆ ตอนนั้นฉันยังคิดเลยว่า บุริศร์เป็นอะไรไป?เรื่องเพียงเล็กน้อยต้องถึงขนาดนี้เลยเหรอ? แถมยังทะเลาะกันต่อหน้าลูก ๆ บอกว่าจะพาลูก ๆ ไปเขตทหาร ตอนนั้นทำให้ฉันโมโหแทบคลั่งจริง ๆ ”
นรมนพูดไปเรื่อย ๆ สีหน้าของบุริศร์กลับยิ่งดูไม่ได้
“เขาทะเลาะกับคุณต่อหน้าลูก ๆ ?”
“ใช่ น่าโมโหจริง ๆ ทำให้กมลตกใจจนร้องไห้”
แค่นรมนนึกถึงก็ท่าทางเศร้าโศกเสียใจของกมลก็เจ็บปวดหัวใจมาก
บุริศร์โทรหานาวินทันที
“ให้ผมกระทืบก่อนแล้วค่อยพูด”
ในครั้งนี้นรมนไม่ได้ห้ามเอาไว้ภาริชเป็นคนกวนโอ๊ยจริง ๆ
หลังจากโทรศัพท์เสร็จ บุริศร์พยุงนรมนนั่งลงบนเก้าอี้
เขาถูมือของนรมนไปมา จนได้อุณหภูมิที่ต้องการจึงหยุดลง
“ขอโทษนะ ทำให้คุณตกใจหมดเลย”
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมีคุณอารองกับภาริชโผล่ออกมา?”
ได้ยินนรมนถามเช่นนี้ บุริศร์จึงตอบเสียงเบา: “ไม่นับว่าอยู่ดี ๆ ก็โผล่มาหรอก ตั้งแต่ผมรู้ว่าคุณอารองยังไม่ตายในวันนั้น ผมก็เตรียมตัวป้องกันตั้งแต่วันนั้นเลย เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ายังมีภาริชอยู่ด้วย”
“ภาริชบอกฉันว่า ปีนั้นป้าโอทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อรับรองอัตราการรอดชีวิต จึงใช้ตัวอ่อนหลายตัว เพียงแต่รอดมาได้สามคน คุณอารองเก็บเอาไว้คนหนึ่ง เดาว่าคงเตรียมป้องกันอะไร”
นรมนเล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากภาริชให้บุริศร์ฟัง
บุริศร์พยักหน้า
“ไม่แปลกใจเลย ฉันยังคิดว่ามีคนเปลี่ยนใบหน้าอีกแล้ว”
“พูดอะไรเนี่ย?”
นรมนถีบเขาหนึ่งที บุริศร์เพียงแค่หัวเราะหึหึ
“เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากที่คุณกลับไปตระกูลโตเล็ก?”
“เมื่อผมได้รับสายจากกานต์ ผมก็ไม่สบายใจ พ่อของผมจากโลกนี้ไปแล้ว ทำไมถึงยังมีคนอ้างตัวว่าเป็นพ่อของผมมาตามหาผมอีก?ตอนนั้นในสมองผมนึกถึงคุณอารอง เพียงแต่คมทิพย์บอกว่าผมพาคนไปจัดการตระกูลเจริญไชย ผมจะไม่ยอมเป็นแพะรับบาปนี้ แต่ต้องการรู้ว่าเป็นใคร ดังนั้นผมจึงให้นาวินและคนอื่นตามผมอยู่อย่างลับ ๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม ไม่อนุญาตให้ส่งเสียง และไม่อนุญาตให้ออกมา”
บุริศร์เทน้ำร้อนให้นรมนหนึ่งแก้ว จากนั้นจึงกล่าวอย่างผ่อนคลาย: “หลังจากผมกลับไปก็ได้เจอกับคุณอารอง เขาเหมือนกับพ่อของผมสุด ๆ แต่แววตากลับไม่เหมือนกัน พ่อของผมตรงไปตรงมา มีเมตตา ส่วนคุณอารองคนนี้ดูไม่สัตย์ซื่อ แววตามีความชั่วร้าย เขาบอกผมว่าต้องการไปคุยที่ห้องทำงาน ผมจึงไป แต่หลังจากเข้าไปก็ถูกคนทำให้สลบ ”
ได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ นรมนตึงเครียดขึ้นมาทันที
“อีกฝ่ายฝีมือดีมากเลยเหรอ? สามารถทำให้คุณสลบได้?”
บุริศร์รีบพูดปลอบโยน: “เปล่าหรอก ผมแกล้งทำเป็นสลบ ไม่อย่างนั้นผมจะตรวจสอบฐานที่มั่นของคุณอารองได้อย่างไร?และจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาต้องการอะไร?หลังจากผมสลบไป คุณอารองก็ให้คนยัดผมเข้าไปในรถ อ้างว่าต้องการกลับ จึงออกไปจากตระกูลโตเล็กได้อย่างเปิดเผย เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าในบ้านยังมีภาริชที่หน้าตาคล้ายกับผม ถ้าผมรู้ เมื่อคืนผมต้องให้นาวินกระทืบเขาแน่นอน”
พูดถึงตรงนี้ แววตาของบุริศร์คลุมเครือไปด้วยความแค้นเคืองและหดหู่ใจ
“ไม่เป็นไรหรอก เขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉัน แค่ทะเลาะกันเฉย ๆ ฉันเองก็เข้าใจผิด คาดไม่ถึงว่าจะยังคิดว่าคุณกลั่นแกล้งฉันอีกแล้ว ฉันยังบ่นกับกานต์อยู่เลย บอกว่าคุณใจแคบ พูดจริงนะ ตอนนั้นฉันรู้สึกน้อยใจแทบแย่ จนแม้แต่คิดจะหย่ากับคุณด้วยซ้ำ”
ทันทีที่นรมนพูดคำนี้ออกมา บุริศร์กระชับเอวเธอแน่น พูดอย่างโมโหว่า: “คุณยังพูดว่าจะหย่ากับผมอย่างไม่กระดากใจอีกเหรอ?คุณไม่รู้จักสามีของคุณเหรอ?ไม่ว่าผมจะโมโหหรือทรมานใจอย่างไร ผมก็ไม่มีทางใส่อารมณ์กับคุณ เรื่องนี้คุณไม่รู้เลยเหรอ?”
“นี่ไม่ใช่ว่าคมทิพย์วางแผนกับคุณ ฉันยังคิดว่าคุณไม่สามารถข้ามอุปสรรคนี้ไปได้”
นรมนรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นคนโง่
เธอไม่เคยคิดว่าหลังจากตรินท์ตายไปยังจะมีผู้ชายที่หน้าตาเหมือนบุริศร์ปรากฏตรงหน้าเธออีก
เพียงแต่เห็นท่าทางโมโหของบุริศร์ในตอนนี้ เธอรีบพูดเอาใจว่า: “เอาล่ะ ๆ ทั้งหมดคือความผิดของฉันเอง ฉันมีตาหามีแววไม่ แยกคุณไม่ออก ทั้งหมดเป็นฉันเองที่ไม่ดี คุณเห็นแก่ที่ฉันเกือบแท้งยกโทษให้ฉันได้ไหม?”
ฟังมาถึงตรงนี้ สีหน้าของบุริศร์กังวลอย่างมาก
“จะไม่ไปตรวจที่โรงพยาบาลจริง ๆ เหรอ?เมื่อวานตอนผมออกไปไม่ได้บอกให้คุณอยู่ในบ้านของป้องเหรอ ?คุณกลับมาได้อย่างไร?”
“ฉันเป็นห่วงคุณ ทั้งคืนไม่โทรไม่ส่งข้อความมา ฉันยังคิดว่าคุณยังโกรธอยู่ ตีสี่ฟ้ายังไม่สางทำธุระเสร็จก็รีบกลับมา ปรากฏว่ากลับถูกภาริชด่าจนฉันต้องทะเลาะกับเขายกใหญ่”
นรมนพูดถึงตรงนี้ก็แอบเหลือบมองบุริศร์ เหมือนกับภรรยาตัวน้อยที่ทำผิดพลาด
บุริศร์จะตำหนิเธอได้อย่างไร?
เขาถอนหายใจ ลูบไล้เส้นผมของนรมนและกล่าวว่า: “คุณนี่นะ คิดถึงคนอื่นมากเกินไป”
“อืม เมื่อวานคมทิพย์อารมณ์เสียมาก ตอนนั้นคุณก็โมโหสุด ๆ ฉันกลัวว่าคุณจะคิดเล็กคิดน้อยกับเธอจริง ๆ ”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?อย่างไรเสียเธอคือเพื่อนสนิทของคุณ เพื่อคุณ ขาทั้งสองข้างของปัญญ์ถึงกลายเป็นแบบนั้น ผมจะคิดเล็กคิดน้อยกับเธอได้อย่างไร เพียงแต่เรื่องนี้ค่อนข้างน่าแปลกจริง ๆ ถึงแม้ภาริชจะพาคนไปจัดการตระกูลเจริญไชย แต่มันเพราะว่าอะไร?ตระกูลเจริญไชยมีอะไรอยู่ในมือที่คุณอารองกับภาริชต้องการ?แต่ก่อนก็ไม่เคยได้ยินว่าตระกูลเจริญไชยมีของล้ำค่าอะไร”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนนิ่งไปชั่วคราว และกล่าวเสียงเบาว่า: “ฉันมักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ชายแดนของชยนต์ คุณลองคิดดูสิ พวกเขาไปหาชยนต์ที่ชายแดนเพื่อฉัน แต่ไปตั้งนานไม่มีข่าวคราวอะไร ทันใดนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลเจริญไชย ปัญญ์ก็มาขาหัก พวกเราควรจะเริ่มตรวจสอบจากชยนต์สักหน่อยดีไหม?”
“รู้ว่าคุณจะทำแบบนี้ คุณคงคิดดีแล้ว ตอนนี้เรื่องของตระกูลเจริญไชยยังไม่มีต้นสายปลายเหตุ ถ้าตรวจสอบไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน การแข่งขันการประกวดออกแบบรอบแรกของคุณมีเวลาไม่มากแล้ว คุณยังต้องการตรวจสอบจริง ๆ เหรอ?”
ได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ นรมนพูดอย่างแน่วแน่: “ถึงแม้จะไม่เข้าร่วมการประกวดออกแบบ ฉันก็จะต้องให้คำอธิบายแก่คมทิพย์และตระกูลเจริญไชย!