แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 873

ตอนที่ 873

บุริศร์มองนรมนอย่างเอาอกเอาใจ

“ได้ เอาตามที่คุณบอกเลย”

เขาลูบไล้เส้นผมของนรมนอย่างเคยชิน

นรมนมองเห็นแววตาของบุริศร์อ่อนโยนราวกับสายน้ำ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนเองช่างโง่เขลาเหลือเกิน แววตาที่บุริศร์ตัวจริงมองตนเองนั้นไม่เหมือนกัน ทำไมเธอถึงไม่พบว่าแววตาของภาริชมีความผิดปกติ?

“ขอโทษนะคะ ดูเหมือนฉันจะไม่ได้รักคุณเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นทำไมฉันถึงมองไม่ออกว่าภาริชไม่ใช่คุณ? ”

นรมนพูดอย่างหดหู่ใจมาก

บุริศร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ไม่เป็นไร บางครั้งคุณจะตาบอดก็ไม่เป็นไร เพียงแต่อย่าตาบอดไปตลอดชีวิตก็พอ”

“บุริศร์!”

นรมนตวาดทันที จึงถูกบุริศร์กอดไว้แน่น กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า: “โอ๋ ๆ ผมล้อเล่นนะ สายตาของคุณดีมาตลอด ไม่อย่างนั้นจะหาสามีที่ดีอย่างผมได้อย่างไร?”

“ทำไมฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหูเลย?ดูเหมือนพูดไปพูดมาก็ยังชมตัวคุณเอง”

นรมนผลักเขาออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงตามใจเขา

อ้อมกอดของบุริศร์ยังคงอบอุ่นและแข็งแรงเหมือนเดิม ทำให้คนรู้สึกปลอดภัยมาก

สามารถกอดนรมนได้อีกครั้ง บุริศร์ก็รู้สึกอบอุ่นมาก

เขาใช้คางเกยบนศีรษะของนรมน และเอ่ยถามเบา ๆ : “คิดจะเริ่มลงมือเรื่องของชยนต์จากตรงไหน?”

“ฉันก็ไม่รู้สิ ตอนแรกที่เพิ่งจะเข้าไป ก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทท่องเที่ยว มีความสัมพันธ์กันนลินค่อนข้างดี ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่รู้เลย ฉันคิดว่าตอนนั้นจัดการเรื่องราวอย่างหุนหันพลันแล่นไปหน่อย หากสามารถตรวจสอบได้สักครั้งก็คงดี แต่หลังจากที่ชยนต์หนีไปที่ชายแดน คมทิพย์กับปัญญ์ก็ไป ไม่มีข่าวคราวตั้งนาน อยู่ดี ๆ ปัญญ์ก็ขาหัก ส่วนคมทิพย์ก็เกิดเรื่องขึ้น ถ้าบอกว่าสองเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับชยนต์ ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ไม่อยากเชื่อ”

ตอนนี้นรมนค่อย ๆ เรียบเรียงทุกอย่างก่อนหน้านี้ มักจะรู้สึกเสมอว่ามีความเชื่อมโยงกัน แต่คิดจะหาต้นต่อที่แท้จริงกลับหาไม่เจอ

บุริศร์เห็นนรมนคิ้วขมวดแน่น จึงรีบกล่าวปลอบโยน: “ส่งเรื่องนี้ให้ผมเถอะ คุณอย่ากังวลใจไปเลย รีบกลับไปพักเถอะ ผมเองก็ไม่ได้นอนหลับมาทั้งคืน คุณกลับไปนอนเป็นเพื่อนผมได้ไหม?”

“ตอนนี้คุณยังหลับลงอีกเหรอ?คุณไม่กังวลเรื่องคุณอารองคนนั้นแล้วเหรอ?”

“ไม่กังวลแล้ว มีนาวินและพวกเขาอยู่ เมื่อคืนคุณยุ่งเรื่องอะไรเหรอ?”

“หาหมอผ่าตัดให้ปัญญ์ ป้องแนะนำมา ฉันไม่รู้จัก แต่ว่ากันว่าฝีมือดีมาก ฉันรอจนการผ่าตัดเสร็จจึงกลับมา ในที่สุดขาของปัญญ์ก็รักษาได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่อาจเผชิญหน้ากับคมทิพย์ได้ตลอดชีวิต”

นรมนตอบเสียงเบา รู้สึกไม่ดีเล็กน้อย

บุริศร์บีบมือของเธอแน่นและกล่าวว่า: “เดี๋ยวก็ดีขึ้น ทุกอย่างจะปรากฏความจริงออกมา คมทิพย์จะให้อภัยพวกเรา”

“ภาริชพูดออกมาเองว่า เขาพาคนไปจัดการตระกูลเจริญไชย ฉันให้กานต์อัดเสียงเอาไว้ พวกเราสามารถส่งเสียงที่บันทึกไปให้คมทิพย์ฟังได้ เธอจะได้ไม่เข้าใจพวกเราผิดไป”

นรมนพูดแล้วก็จะลุกขึ้น กลับถูกบุริศร์ห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องหรอก ถึงแม้จะไม่ใช่ผม ก็เป็นคนของพวกเราตระกูลโตเล็กทำอยู่ดี ถึงแม้คุณอารองจะพาภาริชออกไปข้างนอก แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็คือคนของตระกูลโตเล็ก สิ่งนี้ผมไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้อารมณ์ของคมทิพย์ก็ไม่คงที่ อาจจะไม่มีประโยชน์ พวกคุณยังมองหน้ากันไม่ติดอยู่ หลังจากนี้ค่อย ๆ แก้ไขเถอะ คุณเองก็เข้าใจความรู้สึกของเธอ ผู้หญิงคนหนึ่ง ครอบครัวเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ทันตั้งตัว คนที่ทำให้เป็นเช่นนี้ยังเป็นสามีของเพื่อนสนิทตนเองอีก เธอยากลำบากมาก ผมได้ยินว่าเธอพาปัญญ์ไปด้วยตัวคนเดียว ถูกคนไล่ฆ่าทุกหนแห่ง แม้แต่ข้าวก็กินไม่ลง ถึงแม้ตอนอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดาว่าคงไม่ลำบากขนาดนี้”

เมื่อบุริศร์พูดสิ่งเหล่านี้ เขาพยายามที่จะไม่พูดให้รู้สึกกังวลเกินไป แต่ขอบตาของนรมนยังคงแดงก่ำ

“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่าเธอได้รับความทุกข์ยากขนาดนั้นจริง ๆ คุณว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน?เอาแต่ยุ่งอยู่ทั้งวัน ฉันไม่รู้ว่ายุ่งอยู่กับอะไร แม้แต่เพื่อนสนิทที่สุดของฉันเกิดเรื่องขึ้นฉันยังไม่รู้เรื่องเลย ฉันยังจะมีหน้าพูดว่าเธอคือเพื่อนสนิทที่สุดของฉันอีกเหรอ ถ้าเป็นฉัน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับฉัน คมทิพย์จะต้องเป็นห่วงฉันเป็นอันดับแรก แต่ว่าฉัน……”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ เป็นผมที่ทำให้คุณเดือดร้อนเอง เป็นพวกเราตระกูลโตเล็กที่ทำให้คุณเดือดร้อนเอง ถ้าพวกเราตระกูลโตเล็กไม่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเหล่านี้ คุณจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุข คุณก็สามารถเป็นเหมือนกับคมทิพย์ มีเวลาสนใจเรื่องของเพื่อนสนิท วันนี้เพราะเรื่องของพวกเราตระกูลโตเล็ก ทำให้คุณเหนื่อยล้านับครั้งไม่ถ้วน เป็นความผิดของผมเอง”

บุริศร์รู้สึกละอายใจ

“ไม่ใช่นะ เพราะฉัน เป็นเพราะฉันเอง ไม่เกี่ยวกับคุณ”

นรมนรีบปิดปากบุริศร์ทันที

บุริศร์มองท่าทางร้อนรนของเธอ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณนี่นะ ชอบเป็นแบบนี้ กลัวผมจะละอายใจอะไร คุณดีกับผมแบบนี้ ผมจะแข็งใจทะเลาะกับคุณได้อย่างไร?ชีวิตนี้ผมรักคุณไปแล้ว เรื่องของคมทิพย์คุณไม่ต้องกังวล มีพฤกษ์อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ คุณคิดว่าพฤกษ์จะหักหลังผม จากผมไปเหรอ?เขาเพียงแค่ต้องการดูแลพวกเขาสองคนพี่น้อง ถึงแม้จะเป็นคนของคุณอารองแต่อีกฝ่ายกำแหงมาก ตลอดทางพวกเขาสองพี่น้องถูกไล่ฆ่าไม่หยุด ถ้าไม่มีคนอยู่ข้างกายพวกเขา อย่าพูดถึงคุณเลย ถึงแม้จะเป็นพฤกษ์เดาว่าก็ไม่สบายใจ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้เขาอยู่ปกป้องใกล้ ๆ เถอะ มีพฤกษ์อยู่ด้วย พวกเขาขาดเหลืออะไร พฤกษ์จะเตรียมไว้ให้ ถ้าต้องการอย่างอื่น พฤกษ์ก็จะบอกผม คุณวางใจเถอะ ค่อย ๆ แก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคมทิพย์ ตอนนี้อย่าเพิ่งรีบร้อน”

“ได้ ฉันจะฟังคุณ”

นรมนเห็นบุริศร์วางแผนทุกอย่างแล้ว จึงไม่โต้เถียงอะไรอีก

บุริศร์พูดถูก ครั้งนี้คมทิพย์เจ็บปวดใจจริง ๆ และเรื่องของตระกูลเจริญไชยก็ถาโถมใส่เธออย่างแรง เธอต้องการเวลาปลุกใจขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เริ่มเดินออกมาใหม่อีกครั้ง ส่วนเธอนรมนก็จำเป็นต้องฟื้นฟูความสัมพันกับเธออย่างค่อยเป็นค่อยไป

นึกถึงเพื่อนสนิทที่สุดเดินมาถึงจุดนี้ นรมนรู้สึกแย่มาก

เธอซบลงไปในอ้อมแขนของบุริศร์ กล่าวเสียงเบาว่า: “บุริศร์ ฉันเหนื่อยแล้ว พวกเรากลับไปพักผ่อนกันเถอะ”

“ดี”

บุริศร์อุ้มนรมนขึ้นมาทันที

เมื่อพวกเขาสองคนเดินออกมาจากห้องทำงาน คนด้านนอกต่างรีบก้มหน้าลงทันที ทำนู่นทำนี้ เพียงแต่หางตากลับมองไปที่พวกเขาทั้งสอง ประธานบุริศร์กับภรรยารักกันดีจริง ๆ

ในใจของแต่ละคนคิดเช่นนี้ อดรู้สึกอิจฉาไม่ได้

นรมนไม่สนใจว่าผู้หญิงคนอื่นจะมองตนเองอย่างไร เธอเหนื่อยล้าจริง ๆ ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้พักผ่อน ในที่สุดวันนี้ก็ได้ซบลงในอ้อมกอดที่มีกลิ่นอายที่คุ้นเคย นรมนหลับไปเรียบร้อย

มองเห็นใต้ตาดำคล้ำของเธอ บุริศร์ถอนหายใจ นั่งลงข้างเธอดี ๆ จากนั้นจับนรมนนอนลงบนตักของตนเอง และยังถอดเสื้อโค้ตมาห่มลงบนร่างของนรมน

ชัยยศไม่กล้าส่งเสียง รอบุริศร์ทำทุกอย่างเสร็จจึงออกรถ

เมื่อรถกลับมาถึงบ้านตระกูลโตเล็ก กมลกับกิจจากำลังดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อพวกเขามองเห็นบุริศร์อุ้มนรมนเข้ามา กมลปิดทีวีลงอย่างไม่รู้ตัว มองบุริศร์อย่างตื่นตระหนก แววตาขี้ขลาดบุริศร์มองเห็นแล้วสงสารจับใจ

“ดูทีวีไปเถอะลูก เสียงเบาหน่อย หม่ามี้หลับแล้ว”

บุริศร์พยายามอย่างเต็มที่ให้น้ำเสียงของตนเองอ่อนโยนขึ้น แต่ในใจกลับรู้สึกเกลียดภาริชอย่างยิ่ง

เขาอยู่ที่นี่เพียงแค่คืนเดียว คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ลูกสาวของตนเองตกใจกลัวจนกลายเป็นเช่นนี้

ไอ้สารเลว!

บุริศร์ด่าด้วยความโกรธอยู่ในใจ แต่ยังคงมองกมลด้วยรอยยิ้ม น่าเสียดายที่กมลไม่สนใจ ดึงมือของกิจจาไปที่ห้องของตนเอง ปิดประตูลงเสียงดัง

หลังจากการกระทำเหล่านี้ บุริศร์รู้สึกว่าเมื่อสักครู่ที่ตนเองมองเห็นความขี้ขลาดในแววตาของกมลเดาว่าคงมองผิดไป ไม่อย่างนั้นเด็กผู้หญิงคนนี้ไปเอาความกล้าหาญเช่นนี้มาจากไหน คิดไม่ถึงว่าจะกล้าปิดประตูใส่?

แต่เขาทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างตามใจ อุ้มนรมนขึ้นไปชั้นบน

กมลไม่ได้ยินเสียงตวาดตามมาอย่างที่คิดเอาไว้ จึงอดแง้มประตูออกมาไม่ได้ มองเห็นบุริศร์อุ้มนรมนเข้าไปในห้องนอน

คิ้วของเธอขมวดแน่น

“เป็นไงบ้าง?แด๊ดดี้ขึ้นไปแล้วเหรอ?”

กิจจาอยู่ด้านหลังเธอจึงมองไม่เห็นอะไร ทำได้เพียงเอ่ยถามอย่างใจร้อน

กมลพยักหน้า จากนั้นหันหน้าไปใช้มือเท้าคางถามว่า: “พี่กิจจา พี่ว่ามันน่าแปลกไหม?ฉันทำแบบนี้แล้ว แด๊ดดี้กลับไม่ตวาดฉัน เมื่อเช้าพวกเราไม่ได้ทำอะไร แด๊ดดี้กลับฉุนเฉียว พี่คิดว่าแด๊ดดี้เป็นโรคจิตเภทหรือเปล่า?”

ช่วงนี้กิจจาเอาแต่อ่านวิชาแพทย์ กมลก็อยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อน บางครั้งจึงอ่านผ่านตาบ้าง จึงเพิ่งเรียนรู้โรคจิตเภท และนำทั้งหมดมาใช้กับร่างกายของบุริศร์

กิจจาโดนเธอถามเช่นนี้ จึงรีบไปเปิดหนังสือ หลังจากอ่านเจอก็ขมวดคิ้วแน่น

“เป็นไงบ้าง?”

กมลถามอย่างร้อนใจ

กิจจาลูบคางอย่างกลุ้มใจ: “ดูเหมือนน่าจะใช่”

“งั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ?”

กมลร้อนใจทันที

“ถ้าอาการของแด๊ดดี้กำเริบ จะทำร้ายพวกเราไหม?เมื่อเช้าฉันเห็นว่าเขาจะตีพวกเรา ถ้าหม่ามี้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าพวกเรายังจะยืนได้ไหม”

กมลยิ่งพูดยิ่งหวาดกลัว ยิ่งพูดยิ่งกังวล

กิจจาขนลุกไปกับคำพูดของเธอ

“ฉันโทรไปถามอาจารย์ดีกว่า”

“อย่านะ อาจารย์ของพี่กับแด๊ดดี้หม่ามี้เป็นเพื่อนกัน พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”

คำพูดของกมลทำให้มือของกิจจาชะงักไปชั่วคราว

“งั้นจะทำอย่างไรดี? รอแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ?”

“พี่ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หรือไง? พี่รักษาไม่ได้เหรอ?”

กมลมองกิจจาด้วยใบหน้าคาดหวัง

กิจจาค่อนข้างพึงพอใจกับสายตาคาดหวังของกมลจริง ๆ แต่สุดท้ายเขาถอนหายใจออกมา: “ฉันทำไม่ได้!อาการป่วยแบบนี้เป็นเรื่องของจิตใจ ฉันยังไม่ได้เรียน นี่เพิ่งจะเรียนรู้พื้นฐานไม่ใช่หรือไง?ฉันกลัวรอฉันเรียนจบ แด๊ดดี้เป็นบ้าไปจะทำอย่างไร?”

“พวกเราออกไปหาคุณหมอให้แด๊ดดี้ดีกว่าไหม?ไม่ได้สิ นิสัยที่น่ารังเกียจนั้นของแด๊ดดี้จะให้คนที่ไม่รู้จักมารักษาเขาไม่ได้ นอกจากนี้เขาต้องไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นโรคจิตเภทแน่นอน พวกเราไปหาอาป้องจะดีกว่าไหม?”

“จริงด้วย พวกเราไปหาอาป้องเถอะ”

“ไปเถอะ ไปตอนนี้เลย ก่อนที่แด๊ดดี้จะเจอพวกเรา พวกเราเรียกอาป้องมาลงมือจัดการแด๊ดดี้ไม่ทันแล้ว”

กมลจูงกิจจาเปิดประตูห้องอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนสนใจพวกเขา จึงวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

บุริศร์ไม่รู้เลยสักนิดว่าการปรากฏตัวของภาริช จะทำให้ลูกทั้งสองเข้าใจผิดจนกลายเป็นแบบนี้ และยิ่งไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกทั้งสองกำลังวางแผนรักษาให้เขาอย่างคาดไม่ถึง!

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท