พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนกลับมาแล้วจริง ๆ เพียงแต่พวกเขากำลังรุมล้อมอยู่รอบ ๆ ผู้หญิงคนหนึ่ง ราวกับเป็นทาสที่คอยเอาใจผู้หญิงคนนั้น
“เนตรา เอานี่ กินส้มสิ”
แม่นรมนปอกส้มมองผู้หญิงคนนั้นด้วยใบหน้ามีความหวัง แต่หญิงสาวกลับพูดอย่างรำคาญว่า: “โธ่เอ๊ย ฉันไม่กิน แม่อย่าเอามาให้ฉันได้ไหม ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ตอนนี้คิดจะมาทำดีกับฉัน ทำไมเมื่อก่อนไม่สนใจล่ะ?”
คำพูดนี้ออกมา แม่นรมนอึ้งไปทันที แววตามีความเจ็บปวด
พ่อนรมนไม่ชอบใจ เอ่ยเสียงทุ้มต่ำว่า: “เนตรา ทำไมถูกถึงพูดกับแม่ของลูกแบบนี้?”
“ฉันพูดแบบนี้แล้วจะทำไม?ฉันพูดแบบนี้ก็ยังเบาไปด้วยซ้ำ พ่อกับแม่ทำให้หายไปตั้งแต่เด็ก กลับเลี้ยงลูกของคนอื่นแทน พ่อกับแม่ดูสิ ตอนนี้เธอมีชีวิตอย่างไร แล้วฉันมีชีวิตอย่างไร ?เดิมทีทั้งหมดนี้ควรจะเป็นของฉัน!แล้วตอนนี้ล่ะ?ฉันนั่งอยู่ตรงนี้เหมือนเป็นคนนอก พ่อกับแม่จะให้ฉันพูดดีได้อย่างไร?”
เมื่อนรมนฟังมาถึงตรงนี้ความดีอกดีใจเมื่อสักครู่ก็หมดไป เธอนึกขึ้นได้ทันทีว่า ตอนแรกพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนจากไปเพื่ออะไร และรูปภาพที่สอดอยู่ในรูปภาพของเธอ ไม่ใช่เนตราตรงหน้าแล้วจะเป็นใคร?
เนตรา?
แม้แต่นามสกุลก็เปลี่ยนแล้วเหรอ?
ดังนั้นพูดได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือลูกสาวที่แท้จริงของพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน?
นรมนรู้สึกแย่อย่างพูดออกมาไม่ได้ ในตอนนี้ยืนอยู่ตรงนี้ จะเข้าก็ไม่เข้า จะออกก็ไม่ออก พ่อแม่ที่เคยสนิทกับเธอที่สุด ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นเหินห่าง
กานต์มองนรมน ถึงแม้นรมนจะไม่พูดอะไร แต่เขามองออกว่านรมนรู้สึกไม่ดี
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นยิ้มขึ้นมา และส่งเสียงเรียกออกไป: “คุณตาคุณยาย ทั้งสองคนกลับมาแล้วเหรอครับ?”
เมื่อพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนได้ยินเสียงของกานต์จึงรีบหันมาทันที มองเห็นนรมนจูงมือกานต์ยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องรับแขก และไม่รู้ว่ากลับมานานหรือยัง สีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างอดไม่ได้
“นรมนกลับมาแล้วเหรอ? รีบเข้ามานั่งสิ”
ถือว่าแม่นรมนมีปฏิกิริยาตอบสองเร็ว รีบวางส้มในมือลง ร้องเรียกให้นรมนเข้ามา
นรมนเกิดภาพลวงตาขึ้นมา นี่ไม่ได้กลับมาที่บ้านของตนเอง แต่กลับมาที่ตระกูลธนาศักดิ์ธน
นรมนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม พากานต์เดินเข้าไป
เนตราเอาแต่มองนรมน เมื่อเธอเห็นว่านรมนหน้าตาดีกว่าตนเองมาก จึงเอ่ยถามอย่างฉับพลันว่า : “เธอทำหน้ามาหรือเปล่า?”
“เนตรา!”
แม่นรมนรีบดึงแขนเสื้อของเธอ
คนอื่นไม่รู้ว่าเพราะอะไรนรมนจึงต้องศัลยกรรมใบหน้า แต่พวกเขารู้แล้ว ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเนตราต้องการซ้ำเติมใบหน้าของนรมน เธอจึงรีบห้าม
แต่เนตรากลับไม่ค่อยพอใจ
“ฉันพูดอะไรผิด?แม่จะมาดึงฉันทำไม!แค่เห็นหน้าของเธอก็รู้แล้วว่าทำมาหรือไม่จริง?ตนเองทำศัลยกรรมจะไม่ให้คนอื่นพูดเหรอ?เลี้ยงดูด้วยตนเองอยู่ข้างกายมันแตกต่างกันอย่างที่คิดเอาไว้”
หัวใจของนรมนเหมือนถูกแทง จนปวดหนึบๆ อยู่ข้างใน
“คุณเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับคุณยายของผมแบบนี้?”
กานต์ไม่รอให้นรมนเอ่ยปาก เอ่ยถามเนตราโดยตรง
เนตราคิดไม่ถึงว่านรมนจะไม่พูดอะไร และเด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่งกลับไม่มีความเคารพต่อเธอ จึงส่งเสียงออกทางจมูกอย่างเย็นชาทันทีและกล่าวว่า: “ฉันเป็นใคร? แกถามยายของแกดูสิ ว่าแท้จริงแล้วฉันเป็นใคร”
ในเวลานี้ ทั้งห้องรับแขกเงียบลงทันที
ตอนแรกที่พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนไปไม่ได้บอกนรมนว่าตนเองจะไปทำอะไร เพียงแค่พูดว่าไปเที่ยว วันนี้พาลูกสาวที่แท้จริงกลับมา จึงทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะอธิบายกับนรมนอย่างไร
สีหน้าของพ่อนรมนก็มีความกระอักกระอ่วนใจ
“เอ่อ นรมน เธอชื่อว่าเนตรา”
พ่อนรมนครุ่นคิดอยู่นานถึงจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา
“อ่อ”
นรมนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มบาง ๆ แววตาดูคลุมเครือไม่ชัดเจน
ทันใดนั้นเองพ่อนรมนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ จึงหันไปมองแม่นรมนเพื่อขอความช่วยเหลือ
แม่นรมนไอออกมา และรีบเทน้ำให้นรมน
“นรมน รีบน้ำหน่อยสิ”
“ค่ะ”
นรมนรับแก้วน้ำมาจิบอย่างเชื่อฟัง จากนั้นนั่งลงบนโซฟา
บรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง
เนตราเห็นแค่เพียงพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนพูดชื่อของตนเองและไม่พูดอะไรต่อ จึงรู้สึกไม่พอใจอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมเหรอ?พ่อกับแม่กลัวเธอทำอะไรเหรอ?ถึงแม้เธอจะเป็นคุณนายบุริศร์ แต่ถ้าไม่มีพ่อกับแม่อบรมเลี้ยงดูมา ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอจะไปเก็บขยะอยู่ที่ไหนเลย ฉันทำให้พ่อกับแม่ขายหน้า? ทำให้พ่อกับแม่พูดไม่ออกเหรอ?”
“เนตราใช่ไหม?”
ถึงแม้นรมนจะรู้สึกอึดอัดมากกับสิ่งที่พ่อแม่บุญธรรมทำ แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นพูดกับพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ สีหน้าของเธอบึ้งตึงลงหลายเท่าอย่างอดไม่ได้
“เชิญเธอนั่งลงแล้วค่อยพูดค่อยจาดีกว่า ฉันรู้ว่าเธอเป็นใคร”
“เธอรู้?”
เนตราแปลกใจเล็กน้อย
“ใช่ ฉันรู้ เธอคือลูกสาวที่แท้จริงของพ่อกับแม่”
นรมนพูดออกไป แม่นรมนกับพ่อนรมนมองมาทางเธอทันที ต่างอึ้งกันไปหมด
“นรมน ลูก……”
“หนูรู้นานแล้วค่ะ ตั้งแต่พ่อกับแม่ออกไปจากเมืองชลธี ตั้งแต่บอกว่าจะไปเที่ยว หนูก็รู้แล้วว่าพ่อกับแม่จะไปทำอะไร อันที่จริงหนูไม่ได้ตามสืบพ่อกับแม่ เพียงแค่กลับบ้านไปเก็บของ ชนเข้ากับกรอบรูปบนหัวเตียงของหนูอย่างไม่ได้ตั้งใจ สิ่งของข้างในจึงหล่นออกมา”
นรมนพูดเบา ๆ ไม่ได้มีอารมณ์แปรปรวนอะไรมาก ทำให้พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วลึก ๆ ในใจของเธอคิดอย่างไร
ลูกคนนี้ตั้งแต่แต่งเข้ามาในตระกูลโตเล็ก ก็เหมือนกับยิ่งทำให้พวกเขาอ่านใจไม่ออกขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ก่อนเธอยังเปิดใจ และระบายความเจ็บปวดในใจให้พวกเขาฟัง ตอนนี้แม้แต่การแสดงออกบนใบหน้าคนก็มองไม่ออก มักจะทีท่าทีสงบจิตสงบใจ แต่กลับทำให้คนไม่อาจละสายตาได้
แน่นอนว่าพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนรู้ว่ามีอะไรอยู่ในกรอบรูป วันนี้ได้ยินนรมนพูดเช่นนี้ ใบหน้าของคนแก่จึงแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“นรมน พ่อกับแม่ไม่ได้มีเจตนาที่จะปิดบังลูกนะ เพียงแค่ตอนนั้นข้อมูลยังไม่ชัดเจน พวกเราเพียงแค่อยากไปเจอสักหน่อย”
แม่นรมนพูดอธิบายถูฝ่ามือไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก
“แม่ นั่งลงเถอะ หนูไม่ได้ถือโทษพ่อกับแม่ ในเมื่อพ่อกับแม่เลี้ยงดูหนูมาตั้งหลายปี คิดจะตามหาลูกที่แท้จริงของตนเองกลับมาก็ไม่ได้ผิดอะไร หนูยังรู้สึกยินดีมากกับพ่อและแม่”
คำพูดของนรมนทำให้แม่นรมนถอนหายใจโล่งอกอย่างห้ามไม่ได้
“ไม่ถือโทษพวกเราก็ดีแล้ว พวกเราก็อายุเยอะแล้ว เดิมทีไม่ได้มีความคิดอะไร แต่อยู่มาวันหนึ่งได้รู้ว่าลูกสาวของพวกเรายังมีชีวิตขึ้นมากะทันหัน พวกเราจะไม่ตามกลับมาได้อย่างไร? ในเมื่อเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเราเอง”
แม่นรมนพูดไปพูดมาขอบตาแดงก่ำ
นรมนรู้ ปีนั้นถ้าไม่ใช่เพราะคิม ตนเองคงไม่ได้เติบโตขึ้นมาอย่างดีในตระกูลธนาศักดิ์ธน วันนี้พวกเขาตามหาลูกสาวที่แท้จริงของตนเองเจอแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
“แม่คะ หนูเข้าใจค่ะ”
“เธอเข้าใจอะไร?ถ้าเธอเข้าใจ ทำไมตัวเองถึงได้เสวยสุขอยู่ในตระกูลโตเล็ก ไม่สนใจพ่อแม่ที่ต้องลำบากวิ่งเต้น?ตั้งนานมากแล้ว ก็ไม่เห็นเธอโทรไถ่ถามพ่อแม่สักคำ ไม่ได้คลอดออกมาเองก็ไม่เหมือนกันอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ”
คำพูดของเนตราไม่น่าฟัง ทำให้พ่อนรมนโมโหขึ้นมาทันที
“เนตรา อย่าพูดเรื่องไร้สาระ อาศัยตามเวลาเกิด ลูกควรเรียกว่าพี่นรมน”
“พี่สาว?เธอคู่ควรเหรอ!เธอแย่งพ่อแม่ของฉัน ทำให้ฉันต้องอยู่ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกคนรังแกจนโต ยึดครองฐานะของฉัน แล้ววันนี้ยิ่งได้แต่งงานเข้าตระกูลโตเล็ก กลายเป็นผู้หญิงที่มีหน้ามีตาและร่ำรวยที่สุดในเมืองชลธี แย่งทุกอย่างที่เดิมทีเป็นของฉันไป พ่อกับแม่ยังจะให้ฉันเรียกมันว่าพี่สาว ?พ่อกับแม่คิดอะไรอยู่กันแน่?”
คำพูดที่หยาบคายของเนตราทำให้คิ้วของนรมนขมวดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ฉันแย่งพ่อแม่ของเธอ แต่หลังจากนั้นชีวิตคนเราจะเป็นอย่างไรมันก็แล้วแต่เธอ เนตรา ตระกูลธนาศักดิ์ธนภูมิมีหลังครอบครัวที่ดี กรุณาระวังท่าทีของตนเองด้วย”
“ท่าที ?ภูมิหลังที่ดี?ถ้าฉันได้เกิดและเติบโตในตระกูลธนาศักดิ์ธน ฉันก็คงจะสูงส่งเหมือนเธอ เธออย่าดีแต่พูด ถ้าเธอคิดว่าฉันควรจะกลับมาจริง ๆ ก็ได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะอาศัยอยู่ที่นี่”
คำพูดของเนตราทำให้นรมนคิ้วขมวดยิ่งขึ้น
“อาศัยอยู่ที่นี่?”
“ทำไม?ไม่เต็มใจเหรอ?เธอแย่งความรักของพ่อแม่ไปจากฉันยี่สิบกว่าปี ยึดครองห้องนอนในตระกูลธนาศักดิ์ธนที่ควรจะเป็นของฉันมายี่สิบกว่าปี ตอนนี้ฉันต้องการที่จะอยู่บ้านของเธอสักช่วงหนึ่ง เธอไม่ยินดีเหรอ?”
เนตราเถียงข้าง ๆ คู ๆ
แม่นรมนกลัวนรมนโมโห รีบกล่าวว่า: “คือว่าแบบนี้ นรมน พวกเราตัดสินใจกลับไปตกแต่งปรับปรุงบ้านใหม่ ห้องของลูกยังเก็บเอาไว้เหมือนเดิม พวกเราอยากทำห้องขึ้นมาให้เนตราคนเดียว แต่ช่วงก่อสร้างเนตราไม่มีที่พักอาศัย ดังนั้นพวกเราจึงหวังให้เธอมาอาศัยอยู่ที่นี่สักพัก ลูกวางใจได้ ไม่นานหรอก พวกเราทำเสร็จแล้วก็จะย้ายเธอกลับไป”
นรมรรู้สึกลำบากใจ
ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการให้เนตราอยู่ แต่ที่สำคัญคือเรื่องของคุณอารองกับภาริชในช่วงนี้ยังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร เนตราอาศัยอยู่ที่นี่ กลัวจะพบกับอันตราย พ่อแม่บุญธรรมตามหาลูกสาวกลับมาไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนที่นี่ เธอกลัวจริง ๆ ว่าพ่อแม่บุญธรรมจะรับไม่ไหว
คิดถึงตรงนี้ นรมนกล่าวเสียงเบาว่า: “พ่อคะแม่คะ ตามปกติแล้วหนูไม่ชอบปฏิเสธคำข้อร้องจากพ่อกับแม่ แต่ช่วงนี้ที่บ้านเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ไม่เหมาะที่จะให้เนตรามาอาศัย เอาแบบนี้ดีไหม หนูมีคฤหาสน์ในเขตชานเมืองด้านตะวันตก ให้เนตราไปอาศัยอยู่ที่นั่น หนูจะส่งบอดี้การ์ดสองสามคนไป และหาคนรับใช้สองสามคนให้เธอ พ่อกับแม่คิดว่าไงคะ?”
พ่อนรมนกับแม่นรมนได้ฟังเช่นนี้ ก็รู้สึกเห็นด้วย แต่เนตรากลับไม่ยินดี
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่ที่นี่ ใครก็รู้ว่าบ้านที่ดีที่สุดในเมืองชลธีคือบ้านตระกูลโตเล็ก นี่เป็นสิ่งปลูกสร้างเก่าอายุนับร้อยปี สามารถเข้ามาอาศัยได้ก็แสดงถึงสัญลักษณ์ทางสถานะ ตอนนี้เธอให้ฉันออกไปอยู่ที่อื่น เพราะกลัวฉันจะแย่งผู้ชายของเธอหรือว่ากลัวฉันจะแย่งความสนใจของเธอ?เธอจำใส่สมองเอาไว้นะ เดิมทีทั้งหมดนี้ควรจะเป็นของฉัน เป็นของฉัน!”
เนตรากำแหงอย่างยิ่ง
นรมนคันไม้คันมือ แต่เห็นแก่หน้าของพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนเธอจึงเอาแต่เก็บไว้ในใจ ตอนนี้เห็นพวกเขาไม่ห้ามปรามเนตรา จึงอดหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชาไม่ได้
“ พ่อกับแม่ก็รู้สึกแบบนี้ใช่ไหม? ทุกอย่างในตอนนี้ของหนูควรจะเป็นของเนตราเหรอ?ความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับบุริศร์ก็ควรจะเป็นของเธอด้วย?”
ระหว่างนรมนกับบุริศร์ตอนแรกเริ่มต้นขึ้นอย่างไร พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนต่างรู้ดี ตอนนี้นรมนถามเช่นนี้อย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้พวกเขานิ่งไป และรู้สึกอึดอัดทันที
“นรมน สภาพแวดล้อมที่เนตราเติบโตขึ้นมาไม่เหมือนกัน จึงพูดจาหยาบคายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลูกอย่าไปถือสาเธอเลยนะ”
แม่นรมนพูดเช่นนี้ นรมนอึดอัดใจจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“ได้ เธออยากอยู่ก็อยู่ไป แต่ฉันขอพูดไว้ตรงนี้ก่อนนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ ฉันจะไม่รับผิดชอบ”
พูดจบ นรมนก็ดึงกานต์ให้ลุกขึ้นเดินออกไปที่ห้องนอน ความปีติยินดีก่อนหน้านี้ถูกชะล้างจนไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว
เนตรายังพูดอะไรอยู่ในห้องรับแขก นรมนไม่อยากฟัง จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่า ไมตรีจิตของตนเองกับตระกูลธนาศักดิ์ธนอาจกำลังใกล้จะหมดลง