“พี่ พี่อย่าทำแบบนี้ ผมพูดจริงนะ ขาข้างนี้ของผมคงจะพิการไปแล้ว แม้ว่าจะหาศัลยแพทย์มือหนึ่งระดับโลกมาก็ไม่เห็นว่าจะดีขึ้น เก็บเงินเอาไว้ให้พี่ใช้ทำอะไรเหมาะกว่ามอบให้ผมใช้นะ”
“พูดเหลวไหล เราเป็นน้องชายพี่นะ เป็นอนาคตของตระกูลเจริญไชย พี่เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อนาคตของตระกูลเจริญไชยต้องพึ่งเราแล้ว ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเราก็คือรักษาขาให้หาย ขอเพียงแค่ศัลยแพทย์มือหนึ่งระดับโลกไม่พูดว่าขาของเราไม่มีทางรักษาแล้ว พี่ก็ไม่มีทางเชื่อ เงินพวกนี้อย่างไรพี่ก็จะคิดหาวิธีหามันมาให้ได้ เรื่องอื่นๆเราไม่ต้องสนใจหรอก”
คมทิพย์พูดอย่างหนักแน่น จึงทำให้หยดน้ำตาของปัญญ์รินไหลออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
“พี่ ผมเป็นคนพิการคนหนึ่ง พี่อย่าวุ่นวายเพราะผมอีกเลย”
“พูดอะไรโง่ๆอีกแล้ว มีพวกเราอยู่ พี่ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ พี่ไปทำอาหารให้เราก่อน หลังจากนั้นก็จะไปเยี่ยมคุณพ่อ พฤกษ์ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้กลายเป็นเจ้าชายนิทรา จำเป็นต้องมีคนไปพูดคุยกับเขาบ่อยๆ ถ้าหากว่าเราสงสารพี่จริงๆ ก็รีบดีขึ้นมาช่วยพี่สิ”
คมทิพย์ไม่ได้ปิดบังเรื่องพฤกษ์กับปัญญ์ ทำให้ปากของปัญญ์อ้ากว้างในทันที
“พี่พฤกษ์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือ”
“อืม พี่คิดว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนี้ไม่ธรรมดา อาจจะมีเรื่องภายใน ซึ่งเรื่องนี้พี่ยังไม่มีเวลาไปตรวจสอบชั่วคราว แต่เราวางใจเถอะ พี่จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนแน่นอน”
คมทิพย์ได้ยินเรื่องบังเอิญที่นรมนเอ่ยถึงเหล่านั้น ก็มักจะรู้สึกว่าที่พฤกษ์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นมีคนจงใจให้เกิด และการแสดงออกของเนตราก็ทำให้เธอเกิดความสงสัยขึ้นมา
เรื่องนี้ผิดปกติเกินไปแล้ว
“พี่นรมนว่าอย่างไรบ้าง”
ปัญญ์ถามคำถามนี้ออกมาตามตรง
คมทิพย์ชะงักไปเล็กน้อย กระซิบเสียงเบา “เธอกับบุริศร์น่าจะไปตรวจสอบ แต่พี่หวังว่าตัวเองจะสามารถลงแรงได้บ้าง ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เรารอครู่หนึ่ง พี่ทำอาหารเสร็จแล้วจะไปโรงพยาบาลสักหน่อย”
“พี่ ดูเหมือนว่าพี่จะเป็นหวัดแล้ว ไม่ไหวก็พักผ่อนในช่วงบ่ายสักหน่อยเถอะ”
ปัญญ์ไม่อาจฝืนทน
คมทิพย์โบกมือไปมา พลางเอ่ยว่า “ไม่เป็นอะไรหรอก พี่ทนไหว”
หน้าของเธอแดงก่ำ แค่เห็นก็รู้แล้วว่ามีไข้เล็กน้อย
ปัญญ์ยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่คมทิพย์เดินออกไปที่ห้องครัวแล้ว
หลังจากจัดการเรื่องราวทางนี้เรียบร้อยแล้ว คมทิพย์ก็นำอาหารไปที่โรงพยาบาลด้วยเล็กน้อย
นรมนยังอยู่ที่นี่ ตอนที่เห็นคมทิพย์มาที่นี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทำไมหน้าเธอถึงได้แดงก่ำขนาดนี้ เป็นหวัดหรือ”
พูดแล้วเธอก็ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของคมทิพย์ แต่กลับถูกเธอหลบไปได้
“ฉันไม่เป็นอะไร”
นรมนหรี่ตาลง
“เธอเป็นหวัดหรือ เธอไปทำอะไรที่ไหนมา”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่เป็นอะไร เธอช่วยฉันเฝ้าพฤกษ์สักครู่ ฉันจะไปเยี่ยมคุณพ่อฉันสักหน่อย”
คมทิพย์จากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นฝีเท้าไม่มั่นคงของคมทิพย์แล้ว นรมนก็สงสารขึ้นมาทันที
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและต่อสายหาชัยยศ
“ไปตรวจสอบหน่อยว่าช่วงเช้าคมทิพย์ไปทำอะไรมา”
หลังจากชัยยศได้รับคำสั่ง เธอก็ได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว
“คุณผู้หญิง ต้องการให้คนไปเตือนผู้กำกับคนนั้นสักหน่อยไหมครับ”
ชัยยศโมโหเป็นอย่างมาก
นรมนส่ายหน้า พลางเอ่ยว่า “เรื่องนี้รอไปก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
ชัยยศทราบความสัมพันธ์ระหว่างนรมนและคมทิพย์ ในวันนี้พบกับเรื่องแบบนี้ นรมนกลับบอกว่าให้รอก่อน ชัยยศจึงไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถาม
นรมนให้ชัยยศไปแจ้งกับคุณหมอ รอคมทิพย์กลับมา นรมนก็เอ่ยออกมาตรงๆ “ไปฉีดยาที่ห้องให้น้ำเกลือเข็มหนึ่ง ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะไม่ให้เธอไปไหนแล้ว”
เมื่อเห็นนรมนมีท่าทีแบบนี้ คมทิพย์ก็รู้ว่าเรื่องของตัวเองถูกเธอรู้แล้ว จึงไม่ดื้อดึง รีบไปฉีดยาที่ห้องให้น้ำเกลือ และกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ฉันอยากคุยกับพฤกษ์”
“ได้”
นรมนออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
บุริศร์โทรศัพท์มาพอดี ถามเสียงเบาว่า “คุณอยู่ที่ไหน โรงพยาบาลหรือบ้าน”
“โรงพยาบาลค่ะ”
“ผมจะไปรับคุณ”
“ได้ค่ะ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว บุริศร์ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
นรมนขึ้นไปบนรถ เห็นสีหน้าของบุริศร์ไม่ค่อยดี ก็รู้ว่าเรื่องที่เขาสอบถามเชษฐ์อาจจะไม่ราบรื่นเท่าใดนัก
“เชษฐ์ไม่ให้ความร่วมมือหรือคะ”
“ก็ไม่ใช่ เพียงแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอชิระจัดการได้ยากเล็กน้อย แต่ว่าผมจะจัดการให้เรียบร้อย คุณไม่ต้องกังวล”
บุริศร์ไม่หวังให้นรมนสนใจเรื่องน่ารังเกียจของเชษฐ์อีก
นรมนพยักหน้า
เธอกัดฟันเอ่ยว่า “บุริศร์ ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษากับคุณค่ะ”
“เรื่องอะไรหรือ”
“ฉันอยากจะเปิดบริษัทภาพยนตร์บริษัทหนึ่งค่ะ”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์ชะงักไปทันที
“คุณอยากจะเปิดบริษัทภาพยนตร์หรือ”
“ค่ะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
บุริศร์รู้ว่า นรมนไม่มีความสนใจในภาพยนตร์เลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้จู่ๆเอ่ยออกมาเช่นนี้ จะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน
นรมนส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ ฉันแค่อยากจะเปิดบริษัทแบบนี้บริษัทหนึ่งเท่านั้นเอง ทำไมหรือคะ คุณกลัวว่าฉันจะทำได้ไม่ดีหรือ”
“ไม่ใช่ ผมเพียงแค่แปลกใจเล็กน้อย อีกอย่างงานประกวดการออกแบบของคุณก็ใกล้จะถึงแล้ว ตอนนี้คุณไปจัดการเรื่องบริษัทภาพยนตร์ จะทำให้ไม่อาจทำอะไรหลายๆด้านได้หรือไม่”
บุริศร์พิจารณาได้ถูกต้อง
นรมนกัดฟันเอ่ยว่า “ฉันจะไม่เข้าร่วมงานประกวดการออกแบบแล้ว หลังจากนี้หากมีโอกาสค่อยว่ากันอีกทีค่ะ”
“อะไรนะ”
บุริศร์รู้มากกว่าใครๆว่า นรมนทุ่มเทให้กับงานประกวดการออกแบบในครั้งนี้มากเพียงใด แต่ตอนนี้จู่ๆเธอก็บอกว่าจะไม่เข้าร่วมแล้ว นี่ทำให้บุริศร์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“นรมน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ คุณพูดความจริงกับผมมา”
“คมทิพย์คิดจะเป็นนักแสดง แต่เธอไม่มีรากฐาน ไม่มีเวที จะก้าวเดินในวงการบันเทิงนั้นยากเต็มทน บุริศร์ เธอดื้อดึง ไม่ยอมแพ้ ในวันนี้ไม่ง่ายเลยที่จะยืมเงินกับฉันเพื่อรักษาสภาพการณ์ที่เป็นอยู่นี้เอาไว้ แต่ถ้าหากให้ฉันมองเธอตัวคนเดียวล้มเหลวอยู่ในวงการบันเทิง จนถึงขั้นเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นล่ะก็ ฉันยินยอมที่จะเดินบนเส้นทางเดียวกันกับเธอ”
นรมนพูดถึงความตั้งใจของตัวเองออกมา
บุริศร์มองนรมน เห็นความแน่วแน่ในก้นบึ้งของนัยน์ตา จู่ๆก็หัวเราะออกมา พลางเอ่ยว่า “คิดดีแล้วจริงๆหรือ”
“คิดดีแล้วจริงๆค่ะ”
“ไม่เสียใจในภายหลัง? คุณคิดให้ชัดเจนนะ งานประกวดออกแบบรถยนต์ไม่ได้มีทุกปี ถ้าหากว่าคุณทิ้งโอกาสนี้ไป ไม่แน่ว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสอีก ความสามารถของคุณก็ไม่ได้โดดเด่นโด่งดังเช่นนี้อีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ คุณก็จะไม่เสียใจในภายหลังหรือ”
นรมนรู้สึกอาลัยอาวรณ์ในใจอยู่บ้าง
เธอชื่นชอบการออกแบบรถยนต์ เคยคิดว่าตัวเองสามารถสร้างผลงานที่น่าภูมิใจได้ในแวดวงนี้ แต่การออกแบบนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่สามารถมองคมทิพย์ดิ้นรนอยู่ในวงการบันเทิงด้วยตัวคนเดียวได้ เธอมีความสามารถที่จะช่วยคมทิพย์ ยิ่งไปกว่านั้นใครจะพูดได้ว่า เมื่อไปจากสายอาชีพออกแบบแล้ว เธอจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในสายอาชีพภาพยนตร์ได้กัน?
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว นรมนก็สูดลมหายใจลึก เอ่ยอย่างปล่อยวางว่า “ถ้าหากว่ามีวันนั้นจริงๆ ก็สามารถพูดได้ว่าเส้นทางการออกแบบของฉันเดินทางมาถึงจุดนี้เท่านั้น ฉันไม่โทษเทวดาฟ้าดินและคนอื่นๆ ฉันหวังเพียงแค่ว่าตัวเองจะสามารถทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้”
เมื่อเห็นนรมนตัดสินใจแน่วแน่แล้ว บุริศร์ก็พยักหน้า
“ดี คุณตัดสินใจแล้วก็ดี ต้องการเงินทุนในการดำเนินการเท่าไร ผมจะให้ชัยยศเตรียมไว้ให้คุณ จุดไหนที่ต้องใช้ก็ใช้ไป อย่าเกรงใจ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วค่ะ คุณเป็นสามีของฉัน และมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ฉันจะไม่ดึงคุณมาป่าวประกาศความเกรียงไกรได้อย่างไรกัน ฉันไม่ใช่คมทิพย์ ฉันมีทรัพยากร แน่นอนว่าต้องใช้เป็นธรรมดา คุณวางใจเถอะ”
นรมนเห็นบุริศร์รับปากแล้ว ก็ยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ
บุริศร์ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพียงแค่เป็นกังวลต่อเรื่องท้องของนรมน
“ตอนนี้คุณยังตั้งครรภ์อยู่ อย่าทำงานหนักมาเกินไปเลย ผมจะให้ฝ่ายเลขาส่งคนออกมาช่วยคุณจัดการสักหลายคน”
“ก็ดีค่ะ คุณช่วยฉันก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์ขึ้นมาก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที”
เห็นนรมนพูดเช่นนี้แล้ว บุริศร์ก็หยอกเธอยิ้มๆ
“คุณคงจะไม่ได้ประคองให้คมทิพย์เป็นดาราแนวหน้าหรอกนะ”
“ฉันมีความตั้งใจนั้นค่ะ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้แน่นอน พวกเรายังต้องเซ็นสัญญากับนักแสดงคนอื่นๆที่มีอิทธิพลก่อน”
เมื่อเห็นนรมนมีเป้าหมายอยู่บ้าง บุริศร์ก็วางใจได้บ้างแล้ว
“เรื่องนี้ผมจะให้คนไปจัดการ คุณกลับไปบำรุงร่างกายให้ดีก่อน อีกไม่กี่วันคาดว่าจะต้องยุ่งมากแน่ๆ”
“ค่ะ”
นรมนไม่ปฏิเสธ
หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องบิดามารดาตระกูลธนาศักดิ์ธนแล้ว นรมนก็ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้พอได้เห็นบุริศร์ และได้ยินว่าเขาสนับสนุนตัวเองเช่นนี้ นรมนก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
“ใช่แล้ว ฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องการให้คุณช่วย”
นรมนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วก็เอ่ยออกมา
“หืม? เช้านี้ผมไม่อยู่ เรื่องของคุณไม่น้อยเลยนินา ดูท่าคุณนายบุริศร์จะยุ่งมากในช่วงเช้า?”
บุริศร์เพียงแค่ล้อเล่น แต่กลับคิดไม่ถึงว่านรมนจะไม่ได้ล้อเล่น เพียงแต่เอ่ยเรียบๆว่า “ให้คนไปจับตาดูเนตราและบิดามารดาตระกูลธนาศักดิ์ธน ในระยะนี้อย่าให้พวกเขาได้ไปจากเมืองชลธี”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
บุริศร์เห็นว่าอารมณ์นรมนไม่ดี ก็สงสัยขึ้นมาทันที
“พวกเขามาหาเรื่องคุณหรือ”
“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉันก็รู้ว่าคุณมอบเงินให้พวกเขา เพื่อให้พวกเขาจากไป ฉันสงสัยว่าเนตราจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พฤกษ์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก่อนหน้าที่เรื่องจะตรวจสอบได้ชัดเจน ฉันไม่สามารถให้พวกเขาหนีไปได้ หลังจากนี้ไม่ว่าตระกูลธนาศักดิ์ธนจะปฏิบัติกับฉันอย่างไร ฉันก็จะไม่เอามาใส่ใจอีก ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะซื้อขาดความสัมพันธ์ที่มีกับฉัน เช่นนั้นฉันจะเป็นพระแม่มารีต่อไปทำไมกัน? ถ้าหากว่าเนตรามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของพฤกษ์จริงๆ ฉันจะไม่มีทางปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน”
นรมนพูดเช่นนี้ บุริศร์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เกี่ยวข้องกับเนตราหรือ หมายความว่าอย่างไร”
นรมนเอ่ยถึงคำพูดที่เนตราใช้เหยียดหยามคมทิพย์อีกรอบ
“ในเมืองชลธีอำนาจของฉันนั้นไม่มากพอ ยังต้องพึ่งพาคุณให้ช่วยตรวจสอบสักหน่อย ฉันรู้ว่าตอนที่พฤกษ์ประสบอุบัติเหตุนั้น แต่ละแห่งล้วนไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ฉันไม่เชื่อว่าปากทางเข้าออกจะไม่มี ฉันไม่เชื่อเช่นกันว่าจะไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์ ขอเพียงแค่พวกเราทุ่มเทแรงใจค้นหา จะต้องหาเบาะแสพบแน่นอน การประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ของพฤกษ์นั้นไม่ธรรมดา!”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์หรี่ตาลง
“ถ้าหากว่ามีคนจงใจทำล่ะก็ ฉันจะไม่ปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาด”
ขณะที่พูดคุยกัน บุริศร์ก็ขับรถกลับมาถึงบ้านใหญ่ตระกุลโตเล็กแล้ว
ในตอนที่นรมนกับบุริศร์ลงมาจากรถ และกำลังจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน จู่ๆก็เห็นเงาๆหนึ่งผ่านไปทางด้านหลังพวกเขา
“ใคร?”
บุริศร์ระแวดระวังขึ้นมาทันที
แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามรวดเร็วเป็นอย่างมาก เร็วจนทำให้เขาเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน
และในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงปังดังสนั่นขึ้น ตำแหน่งห้องหลักของบ้านใหญ่ตระกุลโตเล็กมีเสียงระเบิดดังขึ้น ต่อมาก็มีกลิ่นควันพวยพุ่งขึ้นมา