“หา?”
คมทิพย์แปลกใจ แต่ก็มองเห็นจุดแดง ๆ บนแขนของนรมน จึงกดกริ่งที่หัวเตียงทันที
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? เธอไม่ได้แพ้แค่ถั่วลิสงหรอกเหรอ?ในกับข้าวไม่มีถั่วลิสงเลยนะ ทำไมถึงเกิดอาการแพ้ได้นะ?”
คมทิพย์ตกตะลึงอย่างเป็นกังวล
ตอนนี้นรมนหายใจอย่างยากลำบาก
ใช่แล้ว เธอแพ้แค่ถั่วลิสง เรื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ นอกจากคนใกล้ตัว คนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก
แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าภายในกับข้าวมีสารก่อภูมิแพ้ ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ นรมนรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ในเมื่อร้านLamoonเป็นของบุริศร์ เขารู้รสชาติของนรมนและการแพ้ถั่วสิลงของเธอ ไม่มีทางให้คนทำกับข้าวแบบนี้ออกมาแน่นอน
ลมหายใจของเธอกระชั้นมากขึ้น
“คมทิพย์ เก็บกับข้าวไปตรวจ”
หลังจากนรมนพูดจบก็ล้มลงไป คมทิพย์ตกใจร้องเสียงแหลม โชคดีที่คุณหมอเข้ามาพอดี จึงพานรมนไปห้องฉุกเฉินทันที
คมทิพย์รู้สึกสับสนอลหม่านเล็กน้อย เพียงแต่ตอนนี้บุริศร์ไม่ได้อยู่ด้วย เธอจึงทำได้เพียงสงบจิตสงบใจของตนเอง
เธอทำตามที่นรมนบอก เก็บกับข้าว และนำไปห้องแล็บหารมิดาเพื่อทำการตรวจสอบทันที จากนั้นจึงโทรหาบุริศร์
เมื่อบุริศร์รู้ว่านรมนเกิดอาการแพ้จนหมดสติไป น้ำแทบจะซึมออกมาจากใบหน้า
นี่จะต้องเป็นการลอบฆ่าอย่างแน่นอน!
เมื่อบุริศร์รีบกลับมาที่โรงพยาบาล นรมนยังคงอยู่ในห้องฉุกเฉิน คมทิพย์ยืนขอบตาแดงก่ำอยู่ตรงทางเดิน
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ยังไม่รู้เลย นรมนยังไม่ออกมา เพียงแต่ผลตรวจออกมาแล้ว มีคนนำถั่วลิสงบดเป็นผง ใส่เข้าไปในกับข้าว จึงทำให้นรมนเกิดอาการแพ้”
คมทิพย์สั่นไปทั้งตัว
ช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน!
พวกเขาก็แค่กินข้าวกัน ก็เห็นนรมนล้มลงไปตรงหน้าของตนเอง
นี่คือด้านมืดของคนที่มีทั้งเงินและอำนาจหรือเปล่านะ?
ทำไมถึงเหมือนกับการต่อสู้ในพระราชวังที่ดูในทีวี เหตุการณ์มักจะเกิดขึ้นบ่อยมากจนยากที่จะป้องกัน
นัยน์ตาของบุริศร์มืดมนลงหลายเท่า
“ชัยยศ ตรวจสอบให้ฉันหน่อย ที่ร้านLamoonใครกันที่เป็นคนทำกับข้าวนี้ และในระหว่างนั้นใครเป็นคนจัดการ?คนส่งอาหารคือใคร?ตรวจสอบพวกเขาทีละคนให้ฉันอย่างละเอียด”
บุริศร์เพิ่งจะพูดจบลง ชัยยศไปจัดการทันที
ในไม่ช้า ชัยยศก็นำข้อมูลมาส่งให้
“ประธานบุริศร์ คนส่งอาหารคือสรชา แต่คนของพวกเราพบสรชาถูกคนตีสลบในซอยหลังโรงพยาบาล ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลยครับ”
“กล้องวงจรปิดล่ะ?”
“ซอยด้านหลังเป็นมุมอับของกล้องวงจรปิดครับ”
คำพูดของชัยยศทำให้แววตาของบุริศร์เยือกเย็นลงเล็กน้อย
“มีคนตั้งมากมายเช่นนี้คิดไม่ถึงว่าจะปกป้องคุณนายเพียงคนเดียวไม่ได้ พวกนายกำลังพยายามพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าพวกนายมันไร้ประโยชน์แค่ไหนใช่ไหม?”
ชัยยศไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
เมื่อก่อนมีพฤกษ์อยู่ด้วย แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเกิดสถานการณ์แบบนี้ เขายอมรับว่าตนเองเป็นผู้ช่วยได้ไม่ดีเท่ากับพฤกษ์
“ลงไปเถอะ”
บุริศร์อารมณ์เสียเป็นอย่างมาก
นรมนยังไม่ออกมา พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้เขาหวังแค่เพียงนรมนจะปลอดภัย
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ นรมนถึงจะถูกเข็นออกมา ท่าทางของรมิดาดูเหนื่อยล้า
“อีกฝ่ายต้องการให้นรมนตายจริง ๆ ผงถั่วลิสงมีจำนวนค่อนข้างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะนรมนอยู่ในโรงพยาบาล เดาว่าคงช่วยเอาไว้ไม่ทัน”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
บุริศร์ร้อนรนอย่างยิ่ง
“ปลอดภัยแล้ว เพียงแต่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ รวมทั้งบาดแผลบนร่างกายของเธอ อาจจะต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานเลย”
ได้ฟังรมิดาพูดเช่นนี้ บุริศร์จึงค่อยโล่งใจ
โชคดีที่ไม่เป็นอันตราย
คมทิพย์เหน็บหนาวไปทั้งตัว
เธอคิดมาตลอดว่านรมนกับบุริศร์อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเกิดเรื่องไม่ดีบ้าง แต่เธอไม่เคยเห็นมันกับตา วันนี้ความน่าตกใจและความหวาดกลัวทำให้ใบหน้าของเธอขาวซีด
ชีวิตแบบนี้นรมนรอดมาได้อย่างไร?
“หลังจากนรมนแต่งงานกับคุณก็ต้องแบกรับเรื่องอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ?”
คมทิพย์มองบุริศร์และเอ่ยถาม
บุริศร์ไม่ได้ตอบ เพราะความจริงแล้วเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นบุริศร์ยังคงพูดยาก แต่คนที่ทำร้ายนรมนเขาพอจะเดาได้
คมทิพย์ก็ไม่ได้คาดหวังให้บุริศร์ตอบคำถามตนเอง หลังจากถามจบก็มองนรมนที่ยังสลบไม่ได้สติ กล่าวเสียงเบาว่า “ฉันจะคอยอยู่ดูแลเธอที่นี่ คุณไปจัดการธุระของคุณก่อนได้เลย เพียงแต่ฉันหวังว่าคุณจะสามารถหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้เร็ว ๆ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้น่าเป็นห่วงมาก แม้แต่กินข้าวยังไม่สามารถกินได้อย่างสบายใจ ชีวิตแบบนี้จะผ่านไปได้อย่างไร”
“เข้าใจแล้ว”
บุริศร์จูบลงบนมือของนรมน รู้สึกปวดตื้อ ๆ ตรงทรวงอก
คมทิพย์รู้ว่าน้ำเสียงของตนเองไม่ดี แต่ตอนนี้มองเห็นนรมนเป็นแบบนี้ เธอสามารถอดกลั้นได้ก็ถือว่าดีแล้ว
บุริศร์อยู่กับนรมนสักพัก นรมนยังไม่ฟื้นขึ้นมาเขาก็ไปแล้ว
บางเรื่องที่คมทิพย์พูดนั้นไม่มีผิด จำเป็นต้องรีบแก้ปัญหาให้เร็ว
หลังจากบุริศร์ออกไปก็โทรหาราเชน
“ทางฝั่งของนายยังต้องการเวลาอีกนานเท่าไหร่ถึงจะให้คนของฉันไปรับช่วงต่อ?”
“ใกล้แล้ว”
ราเชนรู้ว่าบุริศร์ไม่ใช่คนใจร้อน แต่การที่โทรเข้ามาตอนนี้ทำให้คนไม่สบายใจเล็กน้อย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
“นรมนเกือบถูกคนลอบฆ่า”
“อะไรนะ?”
ราเชนแทบจะล้มทั้งยืน
“บุริศร์ นายไม่ได้มีฝีมือมากหรือไง?ภายใต้หูตาของนายคิดไม่ถึงว่าจะทำให้คนสามารถวางแผนลอบฆ่าน้องสาวของฉันได้อีก?”
“ครั้งแรกปลอมตัวเป็นนางพยาบาล คิดจะวางยานรมน ถูกคนของฉันจับตัวไปแล้ว และก่อนหน้านี้ไม่นาน ฉันสั่งกับข้าวให้นรมน ภายในกับข้าวมีคนแอบใส่ผงถั่วลิสงลงไป”
เมื่อได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ ราเชนจึงเข้าใจ
“นรมนแพ้ถั่วลิสง”
“ใช่แล้ว”
“ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
นี่คือสิ่งที่ราเชนเป็นห่วงมากที่สุด
บุริศร์ตอบเสียงเบา “ พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ร่างกายยังคงอ่อนแอมาก”
“ยังตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นใครเหรอ?”
“สรชาคนส่งอาหารถูกตีสลบที่ซอยด้านหลัง ซึ่งในบริเวณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด ดังนั้นจึงยากที่จะตรวจสอบ เพียงแต่ฉันเดาว่าน่าจะเป็นคนของกล้าณรงค์”
ได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ ราเชนถามอย่างแปลกใจว่า “กล้าณรงค์มีเรื่องบาดหมางกับพวกนายเหรอ?”
“กล้าณรงค์เป็นแฟนหนุ่มของเนตรา และเนตรามีเรื่องบาดหมางกับพวกเรา นอกจากนี้กล้าณรงค์ยังเป็นลูกบุญธรรมของคุณอารองของฉัน ฉันจะไม่เล่าเรื่องความเกี่ยวพันภายในให้นายฟังนะ พูดได้แค่เพียงคุณอารองของฉันถูกฉันจับโยนเข้าไปในคุก เดาว่าจะจำคุกตลอดชีวิต”
คำพูดง่าย ๆ ของบุริศร์ได้อธิบายความแค้นระหว่างกล้าณรงค์กับพวกเขาได้อย่างชัดเจน
ราเชนไม่ได้พูดอะไร เขาเงียบไม่พูดจา
ยิ่งวงศ์ตระกูลใหญ่น้ำยิ่งไหลลึก จุดนี้ราเชนเข้าใจดี
“ฉันจะพยายามให้พวกเขาจัดการส่งมอบอย่างเร็วที่สุด หลังจากนายรับช่วงต่อคิดจะทำอย่างไรกับเนตรา?”
“ไม่รู้สิ พูดให้ถูกต้องนี่คือสิ่งที่นรมนต้องการทำ เธอต้องการจัดการเนตราเอง”
บุริศร์จุดบุหรี่ด้วยความร้อนใจ กลับสำลัก จนไอออกมา
หลังจากราเชนกับบุริศร์วางสายไป คนของบุริศร์ก็กลับมา
“ประธานบุริศร์ ภาพวาดของพ่อนรมนได้ประเมินเสร็จสิ้นแล้วครับ แทบทุกภาพมีร่องรอยการลอกเลียนแบบ เพียงแต่เขาแอบคัดลอกอย่างระมัดระวังมาก และกว้างขวางมาก คนของพวกเราต้องใช้ความพยายามอย่างหนักถึงจะหาเจอว่าภาพใบหนึ่งของเขาแทบจะผสมผสานสไตล์การวาดภาพของจิตรกรสิบเอ็ดคนรวมออกมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
บุริศร์ฟังจบ จึงพยักหน้าและกล่าวว่า “ดี ทำตารางเปรียบเทียบการลอกเลียนแบบ จากนั้นไปหาจิตรกรสิบเอ็ดคนนั้น ให้พวกเขาดำเนินคดีร่วมกัน และถือโอกาสให้สื่อมวลชนเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป”
“ครับผม”
ลูกน้องรับคำสั่งไป
ถ้าเรื่องของพ่อนรมนมีการยืนยันจริง ๆ ชื่อเสียงของพ่อนรมนจะจมดิ่งลงอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่สูญเสียเส้นสายมากมาย ในเมื่อเป็นคนที่มีหน้ามีตา ต่างให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีไม่ต้องการคนที่ลอกเลียนแบบมาเป็นอาจารย์
ประสิทธิภาพการทำงานของลูกน้องนั้นดีมาก
ยังไม่ทันถึงตอนเย็น Weiboก็ระเบิด เรื่องการลอกเลียนแบบของพ่อนรมนกวาดพื้นที่บนอินเทอร์เน็ตทั้งหมดอีกครั้ง จนแม้แต่ตารางการเปรียบเทียบที่มีสีสันฉูดฉาดก็ทำให้บรรดาผู้คนที่ปูเสื่อรอกินเผือกเห็นแล้วรู้สึกรังเกียจ
“นี่มันมากเกินไปหรือเปล่า ?ลอกเลียนแบบสไตล์และลีลาการวาดของจิตรกรสิบคน นี่มันเกินไปแล้ว”
“งามพลคนนี้ก็หน้าไม่อายเลยเนอะ?อายุปูนนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าผลงานทุกชิ้นที่มีชื่อเสียงจะเป็นการลอกเลียนแบบ คิดได้อย่างไรเนี่ย?คิดว่าทุกคนตาบอดกันหมดเหรอ?”
“อยากที่ฉันบอก งามพลคนนี้แอบอ้างชื่อเสียงคนอื่นมานานหลายปี ได้รับเงินอย่างไร้คุณธรรมน่ารังเกียจมาก ไม่แปลกใจที่สอนเนตราให้เป็นลูกสาวที่โหดเหี้ยมอำมหิต”
พื้นที่แสดงความคิดเห็นแทบจะมีแต่เรื่องนี้
ทั้งหมดต่างต่อว่างามพลพ่อนรมน
แม่นรมนโมโหจนแทบจะเป็นลม
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ?ใครมีปัญหากับพวกเรา? ต้องทำร้ายพวกเราแบบนี้?”
“นรมนไงล่ะ”
งามพลก้มหน้าตอบออกมาเบา ๆ แววตามีความเคียดแค้น
“ไอ้นังเด็กเนรคุณ ในที่สุดแล้วพวกเราประเมินหล่อนต่ำไปจริง ๆ ”
“นรมน? เป็นไปได้อย่างไร?”
จนถึงวันนี้แม่นรมนยังไม่อยากเชื่อว่านรมนจะทำเช่นนี้
งามพลตอบด้วยเสียงหัวเราะเย็นชา “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ?คิดว่านรมนมีจิตใจเมตตาเหรอ?เหอะๆ นั่นเพราะคุณยังไม่ได้ไปแตะต้องผลประโยชน์ของหล่อน วันนี้พวกเราทำร้ายหล่อนมากมายเพื่อเนตรา คุณคิดว่าหล่อนจะยังคิดถึงพระคุณที่เลี้ยงดูมาไหม?และครั้งนี้ เธอกลัวว่าจะลงโทษพวกเราถึงตาย”
“เป็นไปไม่ได้ นรมนเด็กคนนี้พวกเราเลี้ยงดูจนโตเป็นผู้ใหญ่ เธอไม่มีทางทำแบบนี้”
แม่นรมนยังคงดิ้นรน
งามพลกลับไม่โต้เถียงเธอ
ถึงแม้นรมนจะไม่ทำแบบนี้ บุริศร์ก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไป ในเมื่อความรักที่บุริศร์มีต่อนรมนพวกเขามองเห็นได้จากสองตา
วันนี้เพื่อเนตราพวกเขาปฏิบัติต่อนรมนอย่างไร งามพลไม่กล้าคิด แต่เดินมาถึงก้าวนี้แล้ว เขาไม่สามารถถอยหลังกลับได้
งามพลโทรหาเนตราอีกครั้ง แต่ทางนั้นยังคงไม่รับสายเหมือนเดิม
เขาอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
คงจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเนตราใช่ไหม?
บนอินเทอร์เน็ตออกข่าวครึกโครมแบบนี้ เธอไม่มีทางไม่เห็น
ตอนนี้ทำอย่างไรดี?
ทันใดนั้นงามพลก็นึกถึงกล้าณรงค์
กล้าณรงค์คือแฟนหนุ่มของเนตรา ถึงแม้จะไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของเนตราได้ แต่ก็น่าจะเห็นแก่หน้าของเนตราช่วยคนแก่อย่างพวกเขาได้
คิดถึงตรงนี้ งามพลหยิบมือถือโทรหากล้าณรงค์
“กล้าณรงค์ ฉันคือพ่อของเนตรา ตอนนี้มีเรื่องอยากให้คุณช่วย”
งามพลเป็นอาจารย์ที่ได้รับความเคารพมาตลอด จึงคุ้นเคยกับความสูงส่ง ถึงแม้จะรู้ว่ากล้าณรงค์มีศักยภาพที่โดดเด่น เขาก็ไม่คิดจะลดสถานะของตนเอง เพียงแต่น้ำเสียงนี้กล้าณรงค์ได้ฟังแล้วค่อนข้างไม่ชอบใจ
“คุณลุงงามพล มีเรื่องอะไรเหรอ?”
กล้าณรงค์ถามไปตามมารยาท กลับทำให้งามพลไม่พอใจอย่างมาก